อ้างไม่รู้ก็ไม่รอด “บุหรี่ไฟฟ้า”

“บุหรี่ไฟฟ้า” ไม่ว่าจะเป็นการซื้อ การขาย การให้บริการ การผลิต รวมไปถึงการครอบครองบุหรี่ไฟฟ้าว่าผู้ที่ครอบครองนั้นล้วนมีกฎหมายระบุความผิดไว้ทั้งสิ้น

(1) ผู้นำเข้าบุหรี่ไฟฟ้า มีความผิดตามประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้บารากู่และบารากู่ไฟฟ้า หรือบุหรี่ไฟฟ้า เป็นสินค้าที่ต้องห้ามนำเข้ามาในราชอาณาจักร พ.ศ.2557 ซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี หรือปรับเป็นเงิน 5 เท่า ของราคาสินค้า หรือทั้งจำทั้งปรับ

(2) ความผิดตาม พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ.2560 มาตรา 244 ซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี หรือ ปรับไม่เกิน 500,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และศาลอาจสั่งริบของนั้นก็ได้ ไม่ว่าจะมีผู้ถูกลงโทษตามคำพิพากษาหรือไม่ เพราะเป็นสิ่งที่กฎหมายกำหนดเป็นของต้องห้าม ไม่ให้นำเข้ามาหรือส่งออกไปนอกราชอาณาจักรหากผู้ใดนำสินค้าต้องห้ามเข้ามาหรือส่งออกไปนอกราชอาณาจักรจะมีความผิดต้องรับโทษตามกฎหมาย

(3) การผลิต การซื้อขาย รวมถึงการหรือให้บริการ “บุหรี่ไฟฟ้า” มีความผิดตามคำสั่งคณะกรรมการว่าด้วยความปลอดภัยของสินค้าและบริการ ที่ 24/2567 เรื่อง ห้ามผลิตเพื่อขาย ห้ามขายหรือให้บริการสินค้าบารากู่ บารากู่ไฟฟ้าหรือบุหรี่ไฟฟ้า หรือตัวยาบารากู่ น้ำยาสำหรับเติมบารากู่ไฟฟ้าหรือบุหรี่ไฟฟ้า ทั้งนี้รวมถึงการให้เช่า ให้เช่าซื้อ หรือจัดหาให้ไม่ว่าด้วยประการใด ๆ โดยเรียกค่าตอบแทนเป็นเงินหรือผลประโยชน์อย่างอื่น ตลอดจนการเสนอหรือการชักชวนมีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 600,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

(4) ผู้ครอบครอง ย่อมมีความผิดอ้างอิงตามคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1411/2564 ผู้ครอบครองจะอ้างว่าไม่รู้กฎหมายไม่ได้ ถึงแม้คำพิพากษาคดีนี้จะเป็นเรื่องการครอบครองเตาบารากู่ แต่กฎหมายที่ใช้บังคับเป็นกฎหมายตัวเดียวกัน โดยยังมิได้ผ่านพิธีการศุลกากรโดยถูกต้อง ตามมาตรา 246 วรรคหนึ่ง ของ พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ. 2560 มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับเป็นเงิน 4 เท่าของราคาสินค้า หรือทั้งจำทั้งปรับ

(5) การสูบบุหรี่ไฟฟ้าในที่สาธารณะ ย่อมมีความผิดตามพระราชบัญญัติควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ พ.ศ. 2560 มีบทลงโทษปรับไม่เกิน 5,000 บาท

ดังนั้นข้อเท็จจริงใน “ครอบครองบุหรี่ไฟฟ้า” ก็ย่อมต้องเกิดคำถามขึ้นอยู่แล้วว่า คุณได้บุหรี่ไฟฟ้ามาอย่างไร เพราะโดยต้นทางของระบบกฎหมายเพื่อควบคุมบุหรี่ไฟฟ้าของไทย มีความผิดตั้งแต่ต้นทาง คือ “ห้ามนำเข้า” และกำจัดบุหรี่ไฟฟ้าที่มีในประเทศด้วยการ “ห้ามขาย” “ห้ามให้บริการ” จึงอาจกล่าวได้ว่าการครอบครองบุหรี่ไฟฟ้าก็ย่อมมี “ความเสี่ยงต่อการถูกดำเนินคดี”

อ้างอิง : กฎหมายเกี่ยวกับการควบคุมบุหรี่ไฟฟ้า โดย กรมควบคุม
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่