
OR ทบทวนลงทุนกัมพูชา รับครึ่งหลังยอดขาย ‘ซบเซา’
.
จากสถานการณ์ความไม่สงบบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมา ได้สร้างแรงกระเพื่อมต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภค และสภาพแวดล้อมทางธุรกิจในประเทศเพื่อนบ้านอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าจากต่างประเทศที่ต้องเผชิญกับกระแสชาตินิยมที่ทวีความเข้มข้นขึ้น
.
แม้เหตุการณ์จะยังอยู่ในวงจำกัด แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่า มีผลต่อวอลุ่มการขายและการดำเนินงานของธุรกิจต่างชาติ เริ่มปรากฏให้เห็นชัดมากขึ้น สำหรับ บริษัท ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR มีธุรกิจต่างประเทศ (Global) ที่มีการดำเนินงานใน กัมพูชา ที่ถือเป็นประเทศหลักที่เป็น Key Engine ของบริษัทนั้น
.
“ยอดขายลด” แต่ผลกระทบภาพรวมยังจำกัด
.
นางสาววิไลวรรณ กาญจนกันติ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านบริหารการเงิน โออาร์ เปิดเผยว่า ธุรกิจในประเทศกัมพูชาปัจจุบันบริษัทมีการบันทึก EBITDA กลับมาในงบทั้งปีสัดส่วนประมาณ 5% ซึ่งครึ่งปีแรกที่ผ่านมาผลงานภาพรวมบริษัทค่อนข้างดี เนื่องจากปัญหาไทย-กัมพูชา เกิดขึ้นเพียง 10 วันในไตรมาส 2 ปี 2568 ซึ่งประเมินผลกระทบฝั่งไทยยังน้อยมาก และยังคงดำเนินธุรกิจปกติในพื้นที่จังหวัดแนวชายแดน เพียงแต่ต้องเพิ่มความระมัดระวังพร้อมดูแลและเยียวยาดีลเลอร์ หวังว่าสถานการณ์จะกลับมาปกติโดยเร็ว
.
สำหรับการดำเนินธุรกิจในฝั่งประเทศกัมพูชา จากสถานการณ์ดังกล่าว จนกลายเป็นกระแสชาตินิยม และช่วงนี้ชาวกัมพูชามีการแบนสินค้าแบรนด์ไทยส่งผลให้ยอดขายอาจลดลง ทั้งในส่วนของ PTT Station ปั้มน้ำมัน ร้านค้าปลีก และร้านคาเฟ่อเมซอน
.
ส่วนประเด็นที่ดีลเลอร์ในฝั่งกัมพูชา ที่ต้องการเปลี่ยนแบรนด์ใหม่เป็น Local Station เพื่อลดถอนกระแสชาตินิยมนั้น พบว่าตอนนี้ยังมีติดต่อเข้ามาจำนวนไม่มาก โดยการจัดการมีสัดส่วนแฟรนไชส์ให้ดีลเลอร์ท้องถิ่นดำเนินการ 90% และโออาร์ดำเนินการเองสัดส่วน 10% เช่นเดียวในไทย
.
“หากดีลเลอร์ท้องถิ่นต้องรีแบรนด์เป็นแบรนด์อื่นนั้น ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขสัญญา ถ้าไม่ผิดเงื่อนไขสามารถทำได้ แต่หากผิดเงื่อนไข ต้องมีการชดใช้ค่าเสียหายที่ยังไม่คุ้มค่าการลงทุน”
ท่าไม่ค่อยดี
OR ทบทวนลงทุนกัมพูชา รับครึ่งหลังยอดขาย ‘ซบเซา’
OR ทบทวนลงทุนกัมพูชา รับครึ่งหลังยอดขาย ‘ซบเซา’
.
จากสถานการณ์ความไม่สงบบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมา ได้สร้างแรงกระเพื่อมต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภค และสภาพแวดล้อมทางธุรกิจในประเทศเพื่อนบ้านอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าจากต่างประเทศที่ต้องเผชิญกับกระแสชาตินิยมที่ทวีความเข้มข้นขึ้น
.
แม้เหตุการณ์จะยังอยู่ในวงจำกัด แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่า มีผลต่อวอลุ่มการขายและการดำเนินงานของธุรกิจต่างชาติ เริ่มปรากฏให้เห็นชัดมากขึ้น สำหรับ บริษัท ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR มีธุรกิจต่างประเทศ (Global) ที่มีการดำเนินงานใน กัมพูชา ที่ถือเป็นประเทศหลักที่เป็น Key Engine ของบริษัทนั้น
.
“ยอดขายลด” แต่ผลกระทบภาพรวมยังจำกัด
.
นางสาววิไลวรรณ กาญจนกันติ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านบริหารการเงิน โออาร์ เปิดเผยว่า ธุรกิจในประเทศกัมพูชาปัจจุบันบริษัทมีการบันทึก EBITDA กลับมาในงบทั้งปีสัดส่วนประมาณ 5% ซึ่งครึ่งปีแรกที่ผ่านมาผลงานภาพรวมบริษัทค่อนข้างดี เนื่องจากปัญหาไทย-กัมพูชา เกิดขึ้นเพียง 10 วันในไตรมาส 2 ปี 2568 ซึ่งประเมินผลกระทบฝั่งไทยยังน้อยมาก และยังคงดำเนินธุรกิจปกติในพื้นที่จังหวัดแนวชายแดน เพียงแต่ต้องเพิ่มความระมัดระวังพร้อมดูแลและเยียวยาดีลเลอร์ หวังว่าสถานการณ์จะกลับมาปกติโดยเร็ว
.
สำหรับการดำเนินธุรกิจในฝั่งประเทศกัมพูชา จากสถานการณ์ดังกล่าว จนกลายเป็นกระแสชาตินิยม และช่วงนี้ชาวกัมพูชามีการแบนสินค้าแบรนด์ไทยส่งผลให้ยอดขายอาจลดลง ทั้งในส่วนของ PTT Station ปั้มน้ำมัน ร้านค้าปลีก และร้านคาเฟ่อเมซอน
.
ส่วนประเด็นที่ดีลเลอร์ในฝั่งกัมพูชา ที่ต้องการเปลี่ยนแบรนด์ใหม่เป็น Local Station เพื่อลดถอนกระแสชาตินิยมนั้น พบว่าตอนนี้ยังมีติดต่อเข้ามาจำนวนไม่มาก โดยการจัดการมีสัดส่วนแฟรนไชส์ให้ดีลเลอร์ท้องถิ่นดำเนินการ 90% และโออาร์ดำเนินการเองสัดส่วน 10% เช่นเดียวในไทย
.
“หากดีลเลอร์ท้องถิ่นต้องรีแบรนด์เป็นแบรนด์อื่นนั้น ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขสัญญา ถ้าไม่ผิดเงื่อนไขสามารถทำได้ แต่หากผิดเงื่อนไข ต้องมีการชดใช้ค่าเสียหายที่ยังไม่คุ้มค่าการลงทุน”
ท่าไม่ค่อยดี