JJNY : 5in1 พิธามาแล้ว! สวน‘ธนกร’│วิโรจน์เตือนกระแส รปห.│วิโรจน์ถามกัมพูชา│ศิริกัญญาแนะทบทวนแผนเจรจา│นาโตกระตุ้นสมาชิก

พิธา มาแล้ว! สวน ‘ธนกร’ ลั่น ทหารมีไว้ปกป้องประเทศ ไม่ใช่‘ปกครองประเทศ’
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_9796428
.
.
พิธา มาแล้ว! สวน ‘ธนกร’ ทหารมีไว้ปกป้องประเทศ ไม่ใช่‘ปกครองประเทศ’ ยันติดตามสถานการณ์เหมือนทุกคน แต่ไม่ประสงค์จะถูกลากเป็นชนวน เชื่อเพื่อน ปชน.แนะรัฐบาลได้ดีอยู่แล้ว
.
วันที่ 9 มิ.ย. 2568 นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล แชร์ข่าวนายธนกร วังบุญคงชนะ รองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ระบุว่านายพิธาหายเข้ากลับเมฆกรณีสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมระบุข้อความว่า
.
ทหารมีไว้ “ปกป้อง”ประเทศ ไม่ใช่ “ปกครอง”ประเทศครับ
.
เพราะฉะนั้น ในอดีตที่ผ่านมา พวกเราอดีตพรรคก้าวไกล จึงพยายามปกป้องทหารที่ปกป้องประเทศ และปฎิเสธทหารที่พยายามจะปกครอง
.
เราปกป้อง ทหารที่ “ปกป้อง” ประเทศ ทหารมืออาชีพที่ยืนอยู่ข้างประชาชน ให้มีสิทธิมนุษยชน สวัสดิการ ปลอดทุจริต มีเส้นทางอาชีพ มีเครื่องมือ เทคโนโลยี ที่เท่าทันและใช้ได้จริง
.
แต่เราปฏิเสธ ทหารที่ “ปกครอง” ประเทศ ผู้ที่ใช้อำนาจนอกระบบ ทำรัฐประหาร แทรกแซงการเมือง อยู่เหนือพลเรือน เบียดเบียนงบประมาณของประชาชนเกินควร ทำสงครามข่าวสาร IO กับประชาชน ใช้อำนาจ VVIP เอิ้อนายทุนทั้งในและนอกประเทศ นั่นต่างหากที่เราปฎิเสธ
.
ป.ล.เช่นเดียวกับประชาชนทุกคน ผมติดตามสถานการณ์ชายแดนไทยด้วยความห่วงใย แต่ไม่ประสงค์จะถูกลากและตอบโต้ ทำเป็นชนวนให้สถานการณ์ตึงเครียดหรือเกิดความขัดแย้งมากไปกว่านี้ เชื่อว่า เพื่อนๆ ของผมที่ พรรคประชาชน กำลังให้สติ และ แนะนำรัฐบาลได้ดีอยู่แล้วท่ามกลางสถานการณ์ที่เปราะบางและเปลี่ยนไปได้ตลอด ความเห็นผมคงไม่จำเป็น
.
แต่นานๆที่จะโพสต์ทีนึง คิดว่าประชาชน อยากเห็น การจัดการความขัดแย้งอย่าง มียุทธศาสตร์รู้ว่าอะไร ระยะสั้น กลาง ยาว รู้เขา รู้เรา ครบถ้วนใช้ทั้งมาตรการที่หลากหลายมากกว่ามาตรการทางทหาร และ ได้สัดส่วน (Strategic, Comprehensive และ Propotionate) ส่วนข้อเสนอของผมสำหรับสถานการณ์ พึ่งส่งบทความให้สำนักพิมพ์ครับ ยิ้ม
.
https://www.facebook.com/timpitaofficial/posts/pfbid021ULEGis6T9MrZwtJevaCa1j3q6yXqFFqAYraSLLanvcs92msyNetccLo8FTm3tPel
.

.
วิโรจน์ เตือนกระแสรปห. ระวังเข้าทางฝั่งกัมพูชา ดิสเครดิตไทยบนเวทีโลก แนะอย่าทำลายตัวเอง.
https://www.matichon.co.th/politics/news_5221874
.
”วิโรจน์“ ถาม ”กัมพูชา“ มีความชอบธรรมอะไร หลัง ส่งหนังสือเชิญ ”ไทย“ ขึ้นศาลโลก ซัด การ กระทำเข้าข่ายละเมิดเอ็มโอยู 43 ด้วยซ้ำ ร้องโอ้ว กระแสเรียกร้องรัฐประหาร ดึงสติบอกรัฐบาลที่มาจากการฉวยโอกาสไร้ความชอบธรรม-ไม่มีใครยอมรับ 
.
เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 9 มิถุนายน 2568 ที่รัฐสภา นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคประชาชน กล่าวถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า เรียกว่าสถานการณ์คลี่คลายยังเร็วเกินไป แต่เรียกว่า กลับไปสู่สถานการณ์ที่เริ่มจะมีแนวทางเจรจา อย่างเป็นเหตุเป็นผลได้ แสดงว่า มาตราการในการจูงใจให้กัมพูชากลับเข้า สู่โต๊ะเจรจาได้ประสิทธิผลตามสมควร
.
เมื่อถามถึง กรณีที่กัมพูชาส่งหนังสือเพื่อเชิญชวนให้ไทยนำข้อพิพาทชายแดน ที่ยังคงดำเนินอยู่เข้าสู่ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศนั้น นายวิโรจน์ กล่าวว่า การคลี่คลายข้อพิพาท หรือความขัดแย้ง ระหว่างสองประเทศ ที่มีพรมแดนติดกัน การหารือจะเป็นประโยชน์ กับประชาชนของทั้งสองประเทศมากกว่า หากวิเคราะห์กันจริงๆปัญหา หรือข้อขัดแย้งที่เกิดขึ้นไม่ได้เกิดจากฝั่งไทย ที่มีข้อเสนอใหม่ หรือเรียกร้องที่แตกต่างไปจากเอ็มโอยู 43 เป็นฝ่ายกัมพูชาต่างหาก ที่ดำเนินการ เข้าข่ายการละเมิดเอ็มโอยู 43 ที่ทั้งสองประเทศ สมัครใจตกลงร่วมกัน
.
ต้องถามว่า กัมพูชามีความชอบธรรมอะไร ที่จะนำเอาข้อพิพาทนี้ไปสู่การคลี่คลายในเวทีอื่น เพราะเราไม่ใช่เป็นฝ่ายละเมิด จนถึงปัจจุบันประเทศไทยก็ไม่ได้เรียกร้องอะไรเพิ่มเติม ขอเพียงให้กัมพูชาเคารพเอ็มโอยู 43 ดังนั้น เราต้องมองสถานการณ์ให้ออก” นายวิโรจน์ กล่าว
.
เมื่อถามว่า สถานการณ์ดังกล่าวมีการเมืองของไทยเข้าไปเกี่ยวข้องหรือไม่ นายวิโรจน์ กล่าวว่า คงจะมีทั้งการเมืองในประเทศ การเมืองระหว่างประเทศ และไม่ละทิ้งประเด็นที่เกี่ยวพัน กลับประเทศมหาอำนาจด้วย ต้องติดตามดูอย่างใกล้ชิด และจะต้องระมัดระวังในการให้ความเห็น แต่ต้องผูกทั้ง 3 เรื่องเข้าด้วยกัน
.
นายวิโรจน์ กล่าวว่า สำหรับมาตรการของรัฐบาลที่หลายคนบอกว่า เป็นมาตรการกดดัน แต่ตนมองว่า เป็นมาตรการในการสร้างแรงจูงใจให้กัมพูชากลับมาเข้าสู่โต๊ะเจรจา รัฐบาลควรเตรียมอนุมัติกรอบงบประมาณต่างๆที่จะมาสนับสนุนผู้ประกอบการ รวมทั้งเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบ เราต้องยืนระยะมาตรการกดดันต่างๆให้ได้
.
ส่วนที่วุฒิสภาเสนอให้เปิดประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญเพื่อให้ถกเรื่องดังกล่าวนั้น นายวิโรจน์กล่าวว่า ตนก็เคยเสนอ จะประชุมสภาผู้แทนราษฎร หรือประชุมร่วมรัฐสภาก็ยินดี รัฐบาลจะได้รับข้อเสนอที่เป็นเอกภาพมากขึ้น ถือเป็นความร่วมมือกันระหว่างอำนาจบริหารและอำนาจนิติบัญญัติ
.
เมื่อถามว่า ถึงกระแสเรียกร้องให้มีการรัฐหารนั้น นายวิโรจน์ ร้องโอ้ว พร้อมกล่าวว่า ตนต้องย้ำเป็นครั้งที่ล้านว่า การคลี่คลายข้อพิพาทระหว่างประเทศสิ่งที่สำคัญที่สุดคือความชอบธรรม และเป็นความชอบธรรมในเวทีโลกที่เราสามารถ สามารถอธิบายกับเวทีโลกได้ หากเราทำลายประชาธิปไตยด้วยมือของเราเอง และได้รัฐบาลใหม่ที่มาจากการฉกฉวยโอกาส รัฐบาลเช่นนั้นจะไม่มีที่อยู่ในเวทีโลก ไม่มีความชอบธรรมใดใดในการ ไปเจรจากับมิตรประเทศอื่นๆ จะเป็นรัฐบาล ที่ไม่มีใครในโลกยอมรับ จะไปเข้าทางของทางกัมพูชาต้องการ
.
เราต้องเตือนตัวเองอยู่เสมอว่า สิ่งที่ฮุนเซน และฮุน มาเนต ต้องการคือการทำลายความชอบธรรม ของประเทศไทยในเวทีโลก เราต้องดึงสติกลับมานิดนึง รัฐบาลกัมพูชาเป็นผู้ละเมิดเอ็มโอยู 43 แต่ท้าให้ไปขึ้นศาลโลก ความชอบธรรมในการดำเนินการอย่างนั้นของกัมพูชาไม่มีเลย ยืนยันว่า เราต้องดำรงความชอบธรรม ความอดทนอดกลั้น และแสวงสันติวิธีในการคลี่คลายถูกต้องแล้ว ต้องวางเรื่องชาตินิยมไว้ก่อน” นายวิโรจน์กล่าว
.

.
วิโรจน์ ถามกัมพูชา มีความชอบธรรมอะไร ดึงไทยขึ้นศาลโลก ซัดละเมิดเอ็มโอยู43
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_9795838
.
วิโรจน์ ถามกัมพูชา มีความชอบธรรมอะไร หลังส่งหนังสือเชิญไทยขึ้นศาลโลก ซัดการกระทำเข้าข่ายละเมิดเอ็มโอยู 43 ด้วยซ้ำ อุทานลั่น กระแสเรียกร้องรัฐประหาร ดึงสติบอกรัฐบาลที่มาจากการฉวยโอกาสไร้ความชอบธรรม-ไม่มีใครยอมรับ
.
เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 9 มิ.ย.2568 ที่รัฐสภา นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อและรองหัวหน้าพรรคประชาชน(ปชน.) กล่าวถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า เรียกว่าสถานการณ์คลี่คลายยังเร็วเกินไป แต่เรียกว่ากลับสู่สถานการณ์ที่เริ่มจะมีแนวทางเจรจาอย่างเป็นเหตุเป็นผลได้ แสดงว่ามาตรการจูงใจให้กัมพูชากลับเข้าสู่โต๊ะเจรจาได้ประสิทธิผลตามสมควร
.
ส่วนที่กัมพูชาส่งหนังสือเพื่อเชิญชวนให้ไทยนำข้อพิพาทชายแดนที่ยังคงดำเนินอยู่เข้าสู่ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศนั้น นายวิโรจน์กล่าวว่า การคลี่คลายข้อพิพาทหรือความขัดแย้ง ระหว่างสองประเทศที่มีพรมแดนติดกัน การหารือ จะเป็นประโยชน์กับประชาชนของทั้งสองประเทศมากกว่า
.
หากวิเคราะห์กันจริงๆ ปัญหาหรือข้อขัดแย้งที่เกิดขึ้นไม่ได้เกิดจากฝั่งไทย ที่มีข้อเสนอใหม่หรือเรียกร้องที่แตกต่างไปจากเอ็มโอยู 43 เป็นฝ่ายกัมพูชาต่างหากที่ดำเนินการ เข้าข่ายการละเมิดเอ็มโอยู 43 ที่ทั้งสองประเทศ สมัครใจตกลงร่วมกัน
.
ต้องถามว่ากัมพูชามีความชอบธรรมอะไรที่จะนำเอาข้อพิพาทนี้ไปสู่การคลี่คลายในเวทีอื่น เพราะเราไม่ใช่เป็นฝ่ายละเมิด จนถึงปัจจุบัน ไทยก็ไม่ได้เรียกร้องอะไรเพิ่มเติม ขอเพียงให้กัมพูชาเคารพเอ็มโอยู 43 ดังนั้น เราต้องมองสถานการณ์ให้ออก” นายวิโรจน์กล่าว
.
เมื่อถามว่าสถานการณ์ดังกล่าว มีการเมืองของไทยเข้าไปเกี่ยวข้องหรือไม่ นายวิโรจน์ กล่าวว่า คงจะมีทั้งการเมืองในประเทศ การเมืองระหว่างประเทศ และไม่ละทิ้งประเด็นที่เกี่ยวพัน กับประเทศมหาอำนาจด้วย ต้องติดตามดูอย่างใกล้ชิด และต้องระมัดระวังในการให้ความเห็น แต่ต้องผูกทั้ง 3 เรื่องเข้าด้วยกัน
.
นายวิโรจน์ กล่าวว่า สำหรับมาตรการของรัฐบาลที่หลายคนบอกว่าเป็นมาตรการกดดัน แต่ตนมองว่าเป็นมาตรการสร้างแรงจูงใจให้กัมพูชากลับมาเข้าสู่โต๊ะเจรจา รัฐบาลควรเตรียมอนุมัติกรอบงบประมาณต่างๆ ที่จะมาสนับสนุนผู้ประกอบการ รวมทั้งเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบ เราต้องยืนระยะมาตรการกดดันต่างๆ ให้ได้
.
ส่วนที่วุฒิสภาเสนอให้เปิดประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญเพื่อให้ถกเรื่องดังกล่าวนั้น นายวิโรจน์ กล่าวว่า ตนก็เคยเสนอ จะประชุมสภาผู้แทนราษฎรหรือประชุมร่วมรัฐสภาก็ยินดี รัฐบาลจะได้รับข้อเสนอที่เป็นเอกภาพมากขึ้น ถือเป็นความร่วมมือกันระหว่างอำนาจบริหารและอำนาจนิติบัญญัติ
.
เมื่อถามถึงกระแสเรียกร้องให้มีการรัฐประหารนั้น นายวิโรจน์ ร้องโอ้ว พร้อมกล่าวว่า ตนต้องย้ำเป็นครั้งที่ล้านว่า การคลี่คลายข้อพิพาทระหว่างประเทศ สิ่งสำคัญที่สุดคือความชอบธรรม และเป็นความชอบธรรมในเวทีโลกที่เราสามารถอธิบายกับเวทีโลกได้
.
หากเราทำลายประชาธิปไตยด้วยมือของเราเอง และได้รัฐบาลใหม่ที่มาจากการฉกฉวยโอกาส รัฐบาลเช่นนั้นจะไม่มีที่อยู่ในเวทีโลก ไม่มีความชอบธรรมใดๆ ในการไปเจรจากับมิตรประเทศอื่นๆ จะเป็นรัฐบาล ที่ไม่มีใครในโลกยอมรับ จะไปเข้าทางที่กัมพูชาต้องการ
.
เราต้องเตือนตัวเองอยู่เสมอว่าสิ่งที่ฮุนเซน และฮุน มาเนต ต้องการคือการทำลายความชอบธรรม ของไทยในเวทีโลก เราต้องดึงสติกลับมา รัฐบาลกัมพูชาเป็นผู้ละเมิดเอ็มโอยู 43 แต่ท้าให้ไปขึ้นศาลโลก ความชอบธรรมในการดำเนินการอย่างนั้นของกัมพูชาไม่มีเลย ยืนยันว่าเราต้องดำรงความชอบธรรม ความอดทนอดกลั้น และแสวงสันติวิธีในการคลี่คลายถูกต้องแล้ว ต้องวางเรื่องชาตินิยมไว้ก่อน” นายวิโรจน์กล่าว.
.

.
ศิริกัญญา แนะ รบ. ทบทวนแผนเจรจากันมะกัน ลั่นแต่ต้องรู้ก่อนว่า ไปเมื่อไหร่.
https://www.matichon.co.th/politics/news_5221803
.
ศิริกัญญา แนะ รบ. ทบทวนแผนเจรจากันมะกัน ลั่นแต่ต้องรู้ก่อนว่า ไปเมื่อไหร่
.
เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 9 มิถุนายน ที่รัฐสภา น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) กล่าวถึงความคืบหน้าการเดินหน้าเจรจาระหว่างไทย-สหรัฐอเมริกาต่อการขึ้นภาษีนำเข้าสินค้า ว่า เป็นเรื่องดีที่จะมีความชัดเจน แต่ต้องการทราบว่าจะเกิดขึ้นในวันที่เท่าไร ทั้งนี้ในประเด็นการเจรจาหากกลยุทธ์ของรัฐบาลที่ประกาศว่าไม่รีบและรอดูท่าทีประเทศอื่น สามารถถอดบทเรียนได้จริง การทำข้อเสนอเพื่อเจรจาบนโต๊ะที่มีคุณค่าที่ทำให้สหรัฐฯ พอใจ คิดว่าคงจะดี แต่กังวลว่าแม้ว่าเราจะรอดูทีท่า แต่หากไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปตั้งแต่ที่เสนอไปตั้งแต่ต้น ก็เท่ากับว่าไม่มีความหมาย
.
หากกระบวนการเจรจาใช้เวลานาน ไม่มีประเทศไหนที่ลงนามสัญญาชัดเจน รวมไปถึงสหราชอาณาจักรด้วย ดังนั้น กระบวนการต้องมีการทบทวนในหลายประเด็น เช่น การค้า การลงทุน มาตรฐานอื่นๆ ที่ยื่นเป็นข้อเสนอ การเริ่มต้นเจรจาเป็นสิ่งที่ดี แต่ต้องการทราบว่าวันที่เท่าไร” น.ส.ศิริกัญญา กล่าว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่