จัดการยังไงกับลูกหนี้ ไม่มี ไม่หนี ไม่จ่าย โดยไม่ผิดกฏหมาย

กระทู้คำถาม
พอดีเรามีเพื่อนร่วมงานอยู่คนนึง ตอนนั้นรู้จักกันมาปีกว่า สนิทกันมาก เพราะอายุไร่เรี่ยกัน และเข้ามาเวลาใกล้กันด้วย
ตอนนั้นนางน่ารักมากนะคะ นิสัยดี ขอให้ช่วยอะไรนางช่วยหมด ทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่านางเป็นเด็กน่ารักมากๆๆๆๆคนหนึ่งเลย

เรื่องมันเริ่มจากมีช่วงนึงนางบ่นว่าโทรศัพท์นางเริ่มใช้ไม่ได้ ลำโพงพัง แล้วงานที่ทำส่วนมากก็ต้องใช้โทรศัพท์ เราเลยบอกนางว่าไปซื้อใหม่ไหมเราออกให้ก่อนแล้วโบนัสออกค่อยให้คืนเรา นางก็โอเคนะคะ ทีนี้เราก็ไปซื้อกับนางที่ร้าน เป็นไอโฟนมือ2 ราคา 26,000 บาท ก่อนซื้อนางก็พูดกับเราตลอดนะว่านางเกรงใจไม่เอาดีไหม แต่ด้วยความเราอาจจะเอ็นดูเห็นเค้าเป็นเหมือนน้องคนนึงเราก็บอกไม่เป็นไร ยังไงโบนัสออกก็ต้องคืนนี่ นางก็โอเค ก่อนออกจากร้านนางก็พูดโบนัสออกจะรีบคืนนะ ก่อนกลับเราก็ถามนางมีอะไรต้องซื้ออีกไหม นางก็บอกอยากได้ฟีมกับเคส เราก็พานางไปซื้อ รวมๆแล้วยอดประมาณ 30,000 บาท ตอนกลับถึงบ้านด้วยความที่เราก็กลัวๆ อาจจะเพราะเราเคยทำงานเป็นเซลล์ด้วย ทุกอย่างเลยอยากให้เป็นลายลักษ์อักษร เราเลยพิมพ์เป็นแชทถามนางเลยว่าต้องคืนเราเท่าไหร่ ใหนางเป็นคนสรุปมาเผื่อฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งลืม ตอนนั้นเราก็ไม่ได้เอะใจหรืออะไรนะ หลังจากวันนั้นนางก็ทำตัวน่ารักมาตอดไม่ได้มีอะไรให้รู้สึกแย่กับนิสัยนางเลย

พอถึงวันโบนัสออกนางไม่ได้มาทำงาน เราก็เลือกไม่ทักถามเพราะกะให้นางคิดแล้วติดต่อเรามาเอง แต่รอแล้วรอเล่านางก็ไม่มีความเคลื่อนไหวอะไรเลย พอนางมาทำงานเราก็ถามนางว่า "โบนัสออกแล้ว จะคืนเลยไหม" นางบอกว่านางใช้เงินหมดแล้ว เราก็แบบ เอ้า แต่นางก็บอกนะว่าถ้ามีจะรีบเอามาคืนเลย

ทีนี้นางเริ่มมาทำงานบ้างไม่มาทำงานบ้าง เราก็เริ่มใจเสียละ แต่นางบอกว่านางไม่มีรถมาทำงาน เลยสายบ้างเลยหยุดบ้าง ทีนี้เราก็เลยบอกว่างั้นออกรถไหมสักคัน คือตอนนั้นเราแค่คิดว่าทำยังไงก็ได้อย่าพึ่งให้นางออกจากงานเพราะกลัวไม่ได้เงินคืนด้วย เลยเสนอแบบนั้นไป ทีนี้นางก็เลยทำไฟแนนซ์แล้วออกคนเดียว แต่ด้วยที่นางอายุยังน้อยทางไฟแนนซ์เลยขอคนค้ำ นางบอกว่าที่บ้านไม่มีคนยอมค้ำให้นางเลย พูดเหมือนจะให้เราค้ำให้นั่นแหละ แต่เราไม่ได้ไปค้ำให้เพราะยังรู้สึกเอ้ากับเรื่องเงินค่าโทรศัพท์อยู่ นางก็เหมือนจะพูดเรื่องนี้อยู่พักนึงจนพี่ที่ทำงานเค้าได้ยินเลยบอกว่าจะค้ำให้ แต่ต้องสัญญาว่าจะผ่อนให้ตรงนะ เพราะถ้าทำเสียพี่เค้าก็จะเสียไปด้วย นางก็รับปาก แต่ก่อนทำสัญญาเราก็เดินไปคุยกับพี่เค้านะคะว่าเออลองคิดดูอีกทีดีไหม แต่เราก็ไม่ได้เล่าเรื่องที่นางยังไม่คืนเงินให้เค้าฟังหรอกนะ เพราะกลัวแบบจะทำให้นางรู้สึกไม่ดีหรือเปล่าที่เอามาเล่าทั้งๆที่กำลังจะคืน แต่พี่คนนั้นเค้าก็อารมณ์มองว่าน้องมันน่ารัก นิสัยดีคงไม่แย่หรอกที่ค้ำให้

แต่เรื่องมันแย่หลังที่นางมีรถนี่แหละ นางเริ่มหมกหมุ่นกับรถเริ่มเอาเงินเดือนที่ได้มาไปทำรถ แต่ละเดือนเงินเริ่มไม่พอใช้ แล้วพักหลังนิสัยนางเริ่มเสียหงุดหงิดกับทุกอย่างจนคนรอบข้างก็สังเกตได้ เราก็เลยลองไปคุยกับนางว่านางเป็นอะไรหรือเปล่ามีปัญหาอะไรไหม นางตอบแค่ว่า "เล่นเกมจนนอนดึกเลยหงุดหงิด" ตอนฟังเราก็ห้ะนะ คือแล้วพวกเราเกี่ยวอะไรด้วยถึงอารมณ์เสียใส่ สักพักนางเริ่มงานไม่ค่อยทำ มาถึงที่ทำงานก็นอนอย่างเดียวเรียกทำงานเริ่มยาก ติดแต่โทรศัพท์ จนคนในที่ทำงานรู้ว่านางเริ่มมีแฟน พวกเราก็คิดว่าอาจจะดีขึ้น แต่ไม่เลย นางไปอยู่กับแฟน 1 เดือนมาทำงาน 18 กว่าวัน เหตุผลทีให้เพราะบ้านแฟนอยู่ไกลขับมาไม่ไหว คนในที่ทำงานก็เริ่มตีตัวออกห่าง จนนางรู้สึกได้ นางก็บอกว่าเริ่มทำงานไม่สนุกแล้ว เราก็งงว่าแล้วพวกเราผิดอะไรวะ คือนิสัยนางตอนนี้คือ ขี้เกียจ ไม่ทำงาน พูดอะไรก็ไม่ฟัง คนที่อายุจะเท่าแม่นาง นางยังด่ายังเถียงเลย จนไม่มีใครเค้าอยากจะคุยด้วย

แล้วเราเริ่มไม่โอเค เรารอให้นางคืนเงินเกือบครึ่งปี นางไม่มีท่าทีจะคืนเลย เวลาถามนางก็พูดแค่ว่ามีเดี๋ยวคืนเอง จนเราจี้หนักๆคนในที่ทำงานเริ่มรู้ นางก็พูดมาว่า "ไม่ได้ขอยืมสักหน่อย ให้มาเอง ตอนนั้นก็บอกแล้วว่าจะไม่เอาๆ" คนที่ทำงานได้ยินเกือบหมดคืออึ้งกันไปเลย นี่เลยทำสัญญากู้ยืมเงินขึ้นมาเพื่อให้นางเซ็น นางก็เซ็น ไม่พูดไม่จา พอเซ็นเสร็จนางก็โกรธเอาสัญญาที่เซ็นไปขย้ำทิ้งลงถังขยะต่อหน้าต่อตาเรา แต่เรามีอีกใบที่เป็นของเราเก็บไว้อยู่ เรากับนางเริ่มไม่คุยกัน เวลาเจอหรือต้องคุยก็มีเรื่องจะให้ดุให้ว่าตลอด คนที่ทำงานก็บอกว่าเราใจดีเกินไปหรือเปล่า แต่ตอนนั้นเรามองว่านางคงไม่แย่ไปกว่านี้ได้แล้วแหละมั้ง ถ้าถึงวันกำหนดก็คืนเงินต่างคนต่างอยู่จบ ไม่ต้องข้องเกี่ยวกันอีก ช่วงเดือนแรกหลังเขียนสัญญานางก็ทยอยคืนมานะ 1,500 บาท แต่คืนแค่เดือนแรกแหละ

ตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้เลยเวลาคืนเงินเกินมาหลายเดือนแล้ว เราก็ยังไม่ได้เงินคืนแถมนางไม่พูดถึงอีกด้วย ส่วนพี่ที่ค้ำรถให้นางก็ด่าก็ว่าเค้าที่ชอบไปถามว่าจ่ายค่างวดหรือยัง นางก้บอกตลอดมีติด1งวด จนทางไฟแนนซ์โทรมาเพราะติดต่อนางไม่ได้ บอกว่านางค้างไม่จ่ายมาหลายงวดแล้ว บอกให้ติดต่อน้องเอารถมาคืน พี่เค้าเริ่มกังวลใจเพราะนางก็ไม่ค่อยมาทำงาน แล้วจะทำให้ประวัติพี่เค้าเสียไปด้วย พี่เค้ามีแพลนจะออกรถก็ออกไม่ได้ พอนางมาทำงานก็เลยถามนางว่า "ไฟแนนซ์ทวงรถแล้วทำไมไม่จ่าย "นางบอกว่า" เอาเงินไปเติมเกมหมดแล้ว เดี๋ยวจัดการเอง" ตอนแรกนางโอเคที่จะให้ไฟแนนซ์ยึดรถนะคะ แต่พอผ่านไปหลายวันนางบอกไม่ให้ยึดแล้ว เพราะนางเสียดายเงินที่ผ่อนไป นางเลยบอกว่าบอกแม่ไปแล้วให้จ่าย 2 งวดให้ก่อนแล้วจะผ่อนต่อ พี่ที่ค้ำให้ก็เลยบอกให้หาคนมาเปลี่ยนค้ำ เพราะพี่เค้าก็เริ่มไม่ไหวกับนิสัยของนางแล้วเหมือนกัน นางบอกไม่มีคนค้ำให้ ไม่เปลี่ยน พี่เค้าเลยติดต่อทางครอบครัวนางเองเลยว่าเหตุการณ์มันเป็นแบบนี้ๆๆ ที่บ้านรู้เรื่องบอกจะเปลี่ยนให้สิ้นเดือนเพราะนางมีพี่น้องที่กำลังจะเข้ามหาลัย เลยใช้เงินไปหมดแล้ว พอนางรู้ว่าพี่เค้าติดต่อครอบครัวนางไปนางก็โกรธพี่เค้ามาก บอกไปยุ่งอะไรกับครอบครัวนาง ถึงบอกแม่นางไปแม่นางก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะไม่ได้อยู่ด้วยกัน แต่ทางพี่เค้าก็บอกแล้วว่ารอดูสิ้นเดือนนี้ แต่เรากลัวว่านางจะออกจากงานก่อนคืนเงินเราและเปลี่ยนคนค้ำ เพราะตอนนี้นางโดนกดดันทุกทางแล้ว แต่เราก็นับถือในความทนของนางที่มาทำงานในสภาพบรรยากาศแบบนี้ได้อยู่อีก

เราไม่รู้ว่าจะทำยังไงกับคนแบบนางแล้วจริงๆ เป็นเพราะความรักและความไว้ใจของเราเองแท้ๆ ไม่มี ไม่หนี ไม่จ่าย คงเป็นบทเรียนในชีวิตที่เจ็บ1บทเลยแหละ

ปล.เจ้านายเค้าก็ไม่ได้รับรู้นะคะว่านางมีพฤติกรรมแบบนี้ รู้แค่ว่านางขาดงานบ่อย แต่ก็ไม่เห็นว่ามีมารตการณ์ว่าจะจัดการยังไง

มีใครพอจะแนะนำวิธีการจัดการกับคนประเภทนี้ไหมคะ เราอยากจะประจานเค้ามาก แต่ก็รู้ว่าทำไปก็ผิดกฎหมาย มันจะมีวิธีไหนที่จะจัดการกับคนแบบนี้ไหมคะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่