จากเคสของ "ลุงพล" ฆาตกรในคดี "น้องชมพู่" ที่เกิดขึ้นเมื่อ 5 ปีที่แล้ว สื่อมวลชนได้หาต้นเหตุของการฆาตกรรมแต่ยังหาไม่ได้ แต่จู่ๆมีสื่อบางเจ้ารวมถึงยูทูปเบอร์ influencer ชื่อดังได้โฟกัสไปยังชีวิตส่วนตัวของลุงพล จนตัวเขาได้เป็นไอดอลเป็นคนดังในสังคม และทำให้คนในสังคมเชื่อว่าลุงพลเป็นผู้บริสุทธิ์ จึงเกิดแฮชแท็ก #saveลุงพล ขึ้น
ในขณะเดียวกัน.........ก็ยังมีชาวเน็ตบางส่วนรวมถึงผู้เชี่ยวชาญด้านอาชญาวิทยาและสื่อออกมาพูดถึงประเด็นนี้ด้วยเช่นกัน ว่าไม่ควรนำเสนอข่าวอาชญากรรมแบบเหมือนละคร เพื่อสร้างเรตติ้งความนิยมจากผู้ชม และมีผู้ชมบางท่านได้ไปร้องเรียนกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เมื่อสื่อทั้งสองช่อง ที่เสนอข่าวโดยใช้คอมพิวเตอร์กราฟิกจำลองเหตุการณ์ และเกินเลยไปถึงการนำไสยศาสตร์เข้ามาเกี่ยวข้อง และเกี่ยวข้องไปถึงการเสี่ยงโชค รวมถึงการละเมิดสิทธิส่วนบุคคลของเด็ก โดยพลเมืองดีที่มาร้องเรียนได้พูดว่าเป็นการเข้าข่ายมอมเมาประชาชน จนกระทั่งเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2564 ตำรวจได้ออกหมายจับสามข้อหากับลุงพลไว้ก่อน จนกระทั่งกลางเดือนธันวาคมปี 66 ศาลได้ตัดสินจำคุกลุงพล 20 ปี ในส่วนของป้าแต๋นได้ยกฟ้องตามหลัง เนื่องจากสมรู้ร่วมคิดกับลุงพล แต่ได้รับการประกันตัวชั่วคราวในด้านของลุงพล และเมื่อถึงวันที่ 13 สิงหาคมปีนี้ ศาลได้ตัดสินแก้โทษจำคุกลุงพลจากจำคุก 20 ปี เป็นจำคุก 26 ปี ในข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา พรากเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี ไปจากบิดามารดา รวมถึงอำพรางศพ
ในขณะที่เพจดังเพจหนึ่ง ได้จี้ถามหาความรับผิดชอบจากสื่อบางสำนักที่ไร้ความรับผิดชอบที่ยกย่องลุงพลให้เป็นไอดอล โดยมีใจความว่า จะมีสื่อไหนออกมาสำนึกผิดในขณะที่ลุงพลโดนจับไปแล้วหรือเปล่า ซึ่งเป็นใจความที่เพจดังออกมาสื่อสารให้สื่อมวลชนได้รับรู้
จากเคสของลุงพล และการทำงานของสื่อมวลชนและปฏิกิริยาของคนในสังคม ทำให้เราได้รู้ถึงปฏิกิริยาของสังคมที่เน่าเฟะและเป็นบทเรียนให้กับสื่อมวลชนบางสื่อที่มีส่วนทำให้สังคมเน่าเฟะให้หันมารับผิดชอบต่อสังคมด้วย...............คิดอย่างไรมาเล่าสู่กันฟังค่ะ
เคส #ลุงพล สะท้อนความเน่าเฟะของสังคมไทยและจิตสำนึกของสื่อ
ในขณะเดียวกัน.........ก็ยังมีชาวเน็ตบางส่วนรวมถึงผู้เชี่ยวชาญด้านอาชญาวิทยาและสื่อออกมาพูดถึงประเด็นนี้ด้วยเช่นกัน ว่าไม่ควรนำเสนอข่าวอาชญากรรมแบบเหมือนละคร เพื่อสร้างเรตติ้งความนิยมจากผู้ชม และมีผู้ชมบางท่านได้ไปร้องเรียนกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เมื่อสื่อทั้งสองช่อง ที่เสนอข่าวโดยใช้คอมพิวเตอร์กราฟิกจำลองเหตุการณ์ และเกินเลยไปถึงการนำไสยศาสตร์เข้ามาเกี่ยวข้อง และเกี่ยวข้องไปถึงการเสี่ยงโชค รวมถึงการละเมิดสิทธิส่วนบุคคลของเด็ก โดยพลเมืองดีที่มาร้องเรียนได้พูดว่าเป็นการเข้าข่ายมอมเมาประชาชน จนกระทั่งเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2564 ตำรวจได้ออกหมายจับสามข้อหากับลุงพลไว้ก่อน จนกระทั่งกลางเดือนธันวาคมปี 66 ศาลได้ตัดสินจำคุกลุงพล 20 ปี ในส่วนของป้าแต๋นได้ยกฟ้องตามหลัง เนื่องจากสมรู้ร่วมคิดกับลุงพล แต่ได้รับการประกันตัวชั่วคราวในด้านของลุงพล และเมื่อถึงวันที่ 13 สิงหาคมปีนี้ ศาลได้ตัดสินแก้โทษจำคุกลุงพลจากจำคุก 20 ปี เป็นจำคุก 26 ปี ในข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา พรากเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี ไปจากบิดามารดา รวมถึงอำพรางศพ
ในขณะที่เพจดังเพจหนึ่ง ได้จี้ถามหาความรับผิดชอบจากสื่อบางสำนักที่ไร้ความรับผิดชอบที่ยกย่องลุงพลให้เป็นไอดอล โดยมีใจความว่า จะมีสื่อไหนออกมาสำนึกผิดในขณะที่ลุงพลโดนจับไปแล้วหรือเปล่า ซึ่งเป็นใจความที่เพจดังออกมาสื่อสารให้สื่อมวลชนได้รับรู้
จากเคสของลุงพล และการทำงานของสื่อมวลชนและปฏิกิริยาของคนในสังคม ทำให้เราได้รู้ถึงปฏิกิริยาของสังคมที่เน่าเฟะและเป็นบทเรียนให้กับสื่อมวลชนบางสื่อที่มีส่วนทำให้สังคมเน่าเฟะให้หันมารับผิดชอบต่อสังคมด้วย...............คิดอย่างไรมาเล่าสู่กันฟังค่ะ