พริษฐ์ ชี้ ปม สพฐ. ให้โรงเรียนใช้ ITA เป็นเครื่องมือวัดความโปร่งใส ชี้ได้ไม่คุ้มเสีย แถมเป็นการเพิ่มภาระให้ครูอีก
https://www.matichon.co.th/local/education/news_5329288
.

.
พริษฐ์ ชี้ ปม สพฐ. ให้โรงเรียนใช้ ITA เป็นเครื่องมือวัดความโปร่งใส ชี้ได้ไม่คุ้มเสีย แถมเป็นการเพิ่มภาระให้ครูอีก
.
เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม นาย
พริษฐ์ วัชรสินธุ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชน.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กระบุเรื่อง ควันหลงจากงบ 69 : คะแนน ITA และเครื่องมือวัดความโปร่งใสที่ค้านสายตาประชาชน แต่กลับถูกนำไปเพิ่มภาระงานครูโดยกระทรวงศึกษาธิการ ความว่า
.
ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา เราได้เห็นสังคมตั้งคำถามมากขึ้นต่อเครื่องมือ ITA (Integrity and Transparency Assessment) หรือ “ดัชนีคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ” ที่ ป.ป.ช. คิดค้นและใช้ในการประเมินความโปร่งใสของหน่วยงานรัฐในทุกๆปี เนื่องจากผลการให้คะแนนในปีนี้ (2568) มีบางผลลัพธ์ที่อาจค้านสายตาหรือความรู้สึกประชาชน:
.
เช่น การที่ สตง. ได้คะแนนมาเป็นอันดับ 1 ที่ 94.64 คะแนน ในกลุ่มองค์กรอิสระ (แม้ว่าในกลุ่มนี้ อาจ มีจำนวนคู่แข่งไม่มากนัก อย่างเช่น กกต. และ ป.ป.ช.)
.
เช่น การที่ กระทรวงแรงงาน (ซึ่งรวมถึงสำนักงานประกันสังคม) ได้คะแนนมาเป็นอันดับ 1 ที่ 96.62 คะแนน ในบรรดากระทรวงทั้งหมดในประเทศ
.
แต่ไม่ว่าประชาชนจะมีความเห็นอย่างไรต่อผลลัพธ์ในปีนี้ สิ่งหนึ่งที่ผมพยายามยืนยันมาโดยตลอด คือ เครื่องมือ ITA ณ เวลานี้ ยังไม่สามารถวัดความโปร่งใสขององค์กรได้อย่างแท้จริง
.
คะแนน ITA ไม่สามารถสะท้อนความโปร่งใสได้อย่างแท้จริง
.
ปัจจุบัน การประเมิน ITA จะแบ่งออกเป็น 3 ส่วนหลัก
– IIT (Internal) = การประเมินจากคนภายในองค์กร
– EIT (External) = การประเมินจากผู้มาติดต่อขอรับบริการ
– OIT (Open Data) = การประเมินจากการเปิดเผยข้อมูล
.
หากจะยกตัวอย่างให้เห็นภาพ: การประเมิน OIT เรื่องการเปิดเผยข้อมูลอาจฟังดูผิวเผินว่าดี แต่ในความเป็นจริง การให้คะแนนตามเกณฑ์ของ OIT สนใจเพียงแค่ว่าข้อมูลถูกเปิดหรือไม่ แต่ไม่ได้สนใจว่าข้อมูลที่ถูกเปิดนั้น ถูกเปิดในรูปแบบที่เอื้อต่อการตรวจสอบทุจริตหรือไม่
.
เช่น หากหน่วยงาน A เปิดเผยข้อมูลงบประมาณ ในรูปแบบของ “ภาพถ่าย” ที่ค้นหาคำหรือดึงตัวเลขมาวิเคราะห์ต่อไม่ได้ ในขณะที่หน่วยงาน B เปิดเผยข้อมูลงบประมาณ ในรูปแบบของ “ไฟล์ excel” ที่ประชาชนสามารถนำไปทำตาราง คำนวณตัวเลข และวิเคราะห์ต่อได้ทันที…
การประเมิน OIT ของ ITA จะให้คะแนน หน่วยงาน A และ หน่วยงาน B เท่ากัน
.
สพฐ. กลับนำเครื่องมือ ITA ที่บกพร่อง ไปเพิ่มภาระงานครู
.
แต่แม้เครื่องมือ ITA ของ ป.ป.ช. ยังมีความบกพร่อง สิ่งที่ไม่น่าเชื่อคือนอกจาก ป.ป.ช. จะยังคงเดินหน้าให้ทุกหน่วยงานรัฐเข้ารับการประเมิน ITA ในทุกๆปีแล้ว แต่ กระทรวงศึกษาธิการ (สพฐ.) ยังตัดสินใจขอเอาเครื่องมือนี้ไปใช้ในการประเมิน ITA โรงเรียน อย่างน้อย 1,000+ แห่งในปีหน้า เพิ่มเติมไปจากที่ ป.ป.ช. กำหนดเสียอีก (ป.ล. สำหรับกระทรวงศึกษาธิการ ทาง ป.ป.ช. กำหนดให้มีการประเมิน ITA แค่เฉพาะหน่วยงานระดับกรม แต่ไม่ได้กำหนดว่าจะต้องมีการประเมิน ITAของโรงเรียน)
.
แม้กระทรวงศึกษาธิการมักให้เหตุผลว่าต้องการให้โรงเรียนมีความโปร่งใส (ซึ่งเป็นเจตนาที่ดี) แต่ผลลัพธ์ที่ตามมาคือการเพิ่มภาระครูเกี่ยวกับการประเมิน ITA ของโรงเรียนที่ “ได้” ไม่คุ้ม “เสีย”
– “ได้” ไม่มาก เนื่องจากคะแนน ITA ของแต่ละโรงเรียน ยังไม่ได้สะท้อนความโปร่งใสที่แท้จริง
– “เสีย” ไปมาก เพราะใช้เวลาครูและบุคลากรทางการศึกษามหาศาลในการเตรียมและกรอกข้อมูล
.
ความพยายามตัดโครงการ ITA ของโรงเรียน ใน กมธ. งบ 69
.
เพื่อลดภาระงานครูเกี่ยวกับ ITA ที่ “ได้” ไม่คุ้ม “เสีย” ผมได้พยายามอย่างมากตลอด 2 เดือนที่ผ่านมา ในการโน้มน้าวทุกคนใน อนุ กมธ. งบ และ กมธ. งบ 69 เพื่อตัดงบประมาณที่กระทรวงศึกษาธิการขอมาเพื่อดำเนินการประเมิน ITA โรงเรียน
.
แต่ท้ายสุดแล้ว ผมยังไม่สามารถโน้มน้าว กมธ. เสียงข้างมาก ได้สำเร็จ:
– งบ สพฐ. เกี่ยวกับโครงการด้านการทุจริตที่เพิ่มภาระงานครู (83 ล้านบาท) ถูกปรับลดเพียง 5 ล้านบาท
– งบ สพฐ. ในการจัดทำ ITA สำหรับ “โรงเรียนคุณภาพ” ประมาณ 1,000+ แห่ง (8.1 ล้านบาท) ไม่ถูกปรับลดเลย
.
แม้โครงการ ITA ระดับโรงเรียนเดินหน้าต่อ แต่กระทรวงศึกษาธิการ ได้รับปากกับผมและทุกคนในที่ประชุม กมธ. งบ ว่าจะลดภาระงานครูที่เกี่ยวข้องกับการประเมิน ITA (ซึ่งสอดรับกับที่ รมว. เคยประกาศเมื่อ ก.ค. ที่ผ่านมาว่าจะลดลดตัวชี้วัดเรื่อง ITA จาก 28 เหลือ 17 ตัว) – อย่างไรก็ตาม คำสัญญานี้จะเป็นจริงหรือไม่ และจะสามารถลดภาระงานครูได้อย่างมีนัยสำคัญหรือไม่ ผมจะเดินหน้าติดตามและตรวจสอบต่อ โดยจะขอให้คุณครูทุกคนช่วยสะท้อนข้อเท็จจริงจากหน้างานมาด้วยเช่นกัน
.
หากมองในภาพใหญ่ จึงเป็นเรื่องน่าเสียดาย ว่าในวันที่สังคมตั้งคำถามมากขึ้นเกี่ยวกับประสิทธิภาพของเครื่องมือ ITA ในการวัดความโปร่งใส กระทรวงศึกษาธิการกลับยังคงเดินหน้านำเครื่องมือที่บกพร่องนี้ ไปเพิ่มภาระงานครูในหลายโรงเรียน ซึ่งเป็นการตัดสินใจที่ผมเห็นว่า “ได้” ไม่คุ้ม “เสีย”
.
https://www.facebook.com/paritw/posts/pfbid02PVN9S9q57faztdruf6J3Z6U5azijw1MftpcwACVyb8SsXDqX42uigH7AH9wKngWWl
.
.
“ปกรณ์วุฒิ” ย้ำจุดยืน ปชน.ไม่เห็นด้วยใช้ “ศาลรธน.” ตัดสินเรื่องที่เป็นนามธรรม ยันเรียกร้อง “นายกฯ” ลาออก-ยุบสภาฯ
https://siamrath.co.th/n/645101
.
วันที่ 19 ส.ค.2568 เวลา 09.30 น. ที่รัฐสภา นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) ให้สัมภาษณ์ถึงท่าทีของนายกรัฐมนตรีที่ศาลรัฐธรรมนูญเตรียมไต่สวนในวันที่ 21 ส.ค. และนัดตัดสินในวันที่ 29 ส.ค.นี้ว่า วันไต่สวนเข้าใจว่านายกฯน่าจะไปด้วยตนเอง ก่อนที่ศาลจะนัดตัดสินในสัปดาห์ถัดไป สิ่งที่สะท้อนคือพรรคปชน.ยืนยันหลักคิดเดิมว่าเราไม่เห็นด้วยกับการที่องค์กรอิสระมาตัดสินเรื่องที่เป็นนามธรรม เช่น เรื่องการผิดจริยธรรมหรือความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ พรรคเรียกร้องตั้งแต่ต้นที่มีคลิปเสียงถูกเผยแพร่ออกมาว่าสิ่งที่พึงกระทำ และการเมืองควรจะเป็นคือความรับผิดชอบส่วนบุคคลของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่กระแสสังคมค่อนข้างชัดเจน ที่เรียกร้องให้นายกฯลาออก และเราก็เรียกร้องให้นายกฯยุบสภาเพื่อให้ประชาชนได้ตัดสินในการเลือกตั้งครั้งใหม่ เพราะถือเป็นเหตุการณ์ครั้งใหญ่ที่ทำลายความเชื่อมั่นของประชาชน และทำลายระบบทางการเมืองรวมถึงระบอบรัฐสภา
.
“เมื่อนายกฯ ไม่ได้ลาออก และไม่ยุบสภา อีกทั้งยังดำเนินการมาจนถึงทุกวันนี้ กลายเป็นว่าองค์กรอิสระอย่างศาลรัฐธรรมนูญมีอำนาจกว้างขวางเกินไป ในการวินิจฉัยความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ เพราะคำว่าจริยธรรมของแต่ละคนนั้นต่างกัน จึงกลายเป็นว่าชะตากรรมของผู้นำประเทศต้องมาอยู่ในตุลาการ 9 คน ที่กำลังวินิจฉัยเรื่องที่เป็นนามธรรม ที่นายกหลายฯ ท่านหลุดจากเก้าอี้ในประเด็นแบบนี้” นายปกรณ์วุฒิ กล่าว
.
เมื่อถามว่า เรียกร้องให้นายกฯลาออกแต่ไม่ได้เป็นไปตามที่คาดไว้ อาจต้องพึ่งศาลรัฐธรรมนูญในการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองหรือไม่ นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า ตอนนี้มีฉากทัศน์อยู่ 2 ฉาก คือ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร เป็นนายกฯต่อ และไม่ได้เป็นนายกฯ ต่อ ซึ่งหากเป็นนายกฯ ต่อ เราต้องเรียกร้องต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเรื่องคลิปเสียงว่านายกรัฐมนตรีจะรับผิดชอบอย่างไร และอีกกรณีคือหากไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรีต่อไม่ว่าจะด้วยการลาออกหรือคำวินิจฉัยจากศาลรัฐธรรมนูญก็คงต้องเลือกนายกฯ กันใหม่
.
เมื่อถามว่า หากดูท่าทีของรัฐบาลขณะนี้เป็นการปูทางสู่การเลือกตั้งหรือไม่ นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า ถ้ารัฐบาลพร้อมเลือกตั้งน.ส.แพทองธาร คงยุบสภาไปแล้ว เพราะเป็นความรับผิดชอบทางการเมืองที่พึงกระทำเพื่อให้ประชาชนตัดสิน
.
เมื่อถามว่ารัฐบาลอาจจะไม่พร้อมเลือกตั้ง จึงมีการโยกย้ายผู้ว่าฯ และตำแหน่งที่สำคัญต่างๆ เพื่อปูทางสู่การเลือกตั้งหรือไม่ นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า การเมืองแบบเดิม เรื่องนี้เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นตลอด เช่น การที่พรรคเพื่อไทยขอกระทรวงมหาดไทยคืน เป็นการรับรู้กันว่าการคุมอำนาจท้องถิ่นและจังหวัดต่างๆ เป็นประโยชน์ต่อการเลือกตั้ง จึงกลายเป็นกระทรวงสำคัญที่ว่าใครจะเข้ามาเป็นรัฐบาลจึงอยากได้กระทรวงนี้เป็นเรื่องปกติที่ไม่ปกติ ฉะนั้น ผู้ว่าฯ คนไหนที่มีความรู้ความสามารถก็ควรแต่งตั้งไปตามนั้น ไม่ใช่แต่งตั้งคนที่คิดว่าเป็นประโยชน์กับการเลือกตั้งของตัวเอง
.
เมื่อถามว่าการวิเคราะห์ที่ว่านายกฯ จะรอดจากศาลรัฐธรรมนูญหรือไม่ก็อยู่ยากเหมือนเดิม นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า แน่นอนที่รัฐบาลเสียงปริ่มน้ำตนดูสถานการณ์ ในการพิจารณางบประมาณปี 2569 ที่ผ่านมาแล้ว เห็นว่ารัฐบาลเหนื่อยในการที่จะตรึงคนให้ได้ เช่น บางช่วงบางตอนก็เกือบไปเหมือนกัน เราอาจจะมีลุกขึ้นพูดบ้างแต่ก็อยู่เป็นองค์ประชุม เพราะรู้ว่างบประมาณหากติดขัดอะไรจะเสียหายเป็นเรื่องใหญ่
.
“ซึ่งต่อไปนี้ในทุกเรื่องมองว่ารัฐบาลจะเหนื่อยมากๆ จะกลายเป็นการลากยาวโดยเสียงปริ่มน้ำ รัฐบาลแทบจะไม่เสนอกฎหมายของครม.เข้าสภาเลย เพราะจะต้องลุ้นกันตลอดทุกเวลาว่าทุกเวลาว่าจะผ่านหรือไม่ จะกลายเป็นรัฐบาลที่ไม่สามารถผลักดันอะไรผ่านสภาได้เลย” นายปกรณ์วุฒิ กล่าว
.
.
ไม่น่าไว้ใจ! แห่อพยพ ‘คนแก่-ผู้ป่วย-เด็ก’ หลัง ‘เขมร’ เมินข้อตกลงเคลื่อนกำลังพล
https://www.dailynews.co.th/news/5030644/
.
เขมร ส่อแววไม่สนเจรจา เคลื่อนกำลังพล ทำชาวบ้านชาวแดนสุรินทร์ ไม่รอประกาศ อพยพคนแก่ ผู้ป่วยและเด็ก ไปไว้ที่วัด 2 แห่งก่อน ร่วม 400 คน ทำกินกันเอง หวั่นสงครามรอบ 2
.
เมื่อวันที่ 19 ส.ค. 68 ที่วัดศรีรัตนาราม บ้านตะตึงไถง (ตะ=ตึง-ถะ-ไง๋) ต.นอกเมือง อ.เมือง จ.สุรินทร์ นาย
รองรัตน์ จงอุตส่าห์ นายอำเภอเมืองสุรินทร์ ลงพื้นที่เยี่ยมและให้กำลังใจประชาชนชนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุความไม่สงบ ชายแดนไทย-กัมพูชา ที่มาจากพื้นที่ชายแดน อ.กาบเชิง และพักอาศัยอยู่ที่วัดศรีรัตนาราม 178 คน พร้อมแจกสิ่งของยังชีพให้ผู้พักพิง พร้อมทั้งยังโชว์ฝีมือทอดไข่เจียวให้กับผู้พักพิงได้ทาน โดยมีพระครู
ศรีสุนทร สรกิจ หรือ ผศ.ดร.
เริงศักดิ์ เขมวีโร เจ้าอาวาสวัดศรีรัตนาราม เจ้าคณะอำเภอลำดวน ให้การดูแลผู้อพยพอยู่
.
สำหรับศูนย์พักพิงที่วัดศรีรัตนาราม ยังไม่ได้มีการประกาศให้เป็นศูนย์พักพิงชั่วคราวตามระเบียบราชการแต่อย่างใด เพราะยังไม่ได้มีคำสั่งจากหน่วยงานราชการให้อพยพ แต่เป็นเพียงศูนย์พักพิงนอกระบบ ที่ชาวบ้านด่าน ชาวบ้านโจรก และชาวบ้านไผ่เงิน ต.ด่าน อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ ที่ยังไม่ไว้ใจในสถานการณ์ พาผู้สูงอายุ ผู้ป่วย ผู้ป่วยติดเตียง และเด็กๆ มาขอพักอาศัยกับทางวัดก่อน เพราะหากเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินขึ้นเกรงจะอพยพไม่ทัน จึงต้องเตรียมการไว้ก่อนดังกล่าว ขณะที่วัดเทพสุรินทร์ อ.เมือง จ.สุรินทร์ ก็เป็นวัดอีกแห่งที่มีประชาชนชาว อ.กาบเชิง ที่ไม่ไว้ใจในสถานการณ์ เดินทางไปขอพักอาศัยอยู่ที่วัดดังกล่าวกว่า 200 ชีวิตแล้วเช่นกัน
JJNY : พริษฐ์ชี้ปมสพฐ.ได้ไม่คุ้มเสีย│ย้ำจุดยืน ปชน.ไม่เห็นด้วย│ไม่น่าไว้ใจ! แห่อพยพ│ทหารเขมรบุกป่วนคณะผู้สังเกตุการณ์ฯ
https://www.matichon.co.th/local/education/news_5329288
.
พริษฐ์ ชี้ ปม สพฐ. ให้โรงเรียนใช้ ITA เป็นเครื่องมือวัดความโปร่งใส ชี้ได้ไม่คุ้มเสีย แถมเป็นการเพิ่มภาระให้ครูอีก
.
เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม นายพริษฐ์ วัชรสินธุ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชน.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กระบุเรื่อง ควันหลงจากงบ 69 : คะแนน ITA และเครื่องมือวัดความโปร่งใสที่ค้านสายตาประชาชน แต่กลับถูกนำไปเพิ่มภาระงานครูโดยกระทรวงศึกษาธิการ ความว่า
.
ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา เราได้เห็นสังคมตั้งคำถามมากขึ้นต่อเครื่องมือ ITA (Integrity and Transparency Assessment) หรือ “ดัชนีคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ” ที่ ป.ป.ช. คิดค้นและใช้ในการประเมินความโปร่งใสของหน่วยงานรัฐในทุกๆปี เนื่องจากผลการให้คะแนนในปีนี้ (2568) มีบางผลลัพธ์ที่อาจค้านสายตาหรือความรู้สึกประชาชน:
.
เช่น การที่ สตง. ได้คะแนนมาเป็นอันดับ 1 ที่ 94.64 คะแนน ในกลุ่มองค์กรอิสระ (แม้ว่าในกลุ่มนี้ อาจ มีจำนวนคู่แข่งไม่มากนัก อย่างเช่น กกต. และ ป.ป.ช.)
.
เช่น การที่ กระทรวงแรงงาน (ซึ่งรวมถึงสำนักงานประกันสังคม) ได้คะแนนมาเป็นอันดับ 1 ที่ 96.62 คะแนน ในบรรดากระทรวงทั้งหมดในประเทศ
.
แต่ไม่ว่าประชาชนจะมีความเห็นอย่างไรต่อผลลัพธ์ในปีนี้ สิ่งหนึ่งที่ผมพยายามยืนยันมาโดยตลอด คือ เครื่องมือ ITA ณ เวลานี้ ยังไม่สามารถวัดความโปร่งใสขององค์กรได้อย่างแท้จริง
.
คะแนน ITA ไม่สามารถสะท้อนความโปร่งใสได้อย่างแท้จริง
.
ปัจจุบัน การประเมิน ITA จะแบ่งออกเป็น 3 ส่วนหลัก
– IIT (Internal) = การประเมินจากคนภายในองค์กร
– EIT (External) = การประเมินจากผู้มาติดต่อขอรับบริการ
– OIT (Open Data) = การประเมินจากการเปิดเผยข้อมูล
.
หากจะยกตัวอย่างให้เห็นภาพ: การประเมิน OIT เรื่องการเปิดเผยข้อมูลอาจฟังดูผิวเผินว่าดี แต่ในความเป็นจริง การให้คะแนนตามเกณฑ์ของ OIT สนใจเพียงแค่ว่าข้อมูลถูกเปิดหรือไม่ แต่ไม่ได้สนใจว่าข้อมูลที่ถูกเปิดนั้น ถูกเปิดในรูปแบบที่เอื้อต่อการตรวจสอบทุจริตหรือไม่
.
เช่น หากหน่วยงาน A เปิดเผยข้อมูลงบประมาณ ในรูปแบบของ “ภาพถ่าย” ที่ค้นหาคำหรือดึงตัวเลขมาวิเคราะห์ต่อไม่ได้ ในขณะที่หน่วยงาน B เปิดเผยข้อมูลงบประมาณ ในรูปแบบของ “ไฟล์ excel” ที่ประชาชนสามารถนำไปทำตาราง คำนวณตัวเลข และวิเคราะห์ต่อได้ทันที…
การประเมิน OIT ของ ITA จะให้คะแนน หน่วยงาน A และ หน่วยงาน B เท่ากัน
.
สพฐ. กลับนำเครื่องมือ ITA ที่บกพร่อง ไปเพิ่มภาระงานครู
.
แต่แม้เครื่องมือ ITA ของ ป.ป.ช. ยังมีความบกพร่อง สิ่งที่ไม่น่าเชื่อคือนอกจาก ป.ป.ช. จะยังคงเดินหน้าให้ทุกหน่วยงานรัฐเข้ารับการประเมิน ITA ในทุกๆปีแล้ว แต่ กระทรวงศึกษาธิการ (สพฐ.) ยังตัดสินใจขอเอาเครื่องมือนี้ไปใช้ในการประเมิน ITA โรงเรียน อย่างน้อย 1,000+ แห่งในปีหน้า เพิ่มเติมไปจากที่ ป.ป.ช. กำหนดเสียอีก (ป.ล. สำหรับกระทรวงศึกษาธิการ ทาง ป.ป.ช. กำหนดให้มีการประเมิน ITA แค่เฉพาะหน่วยงานระดับกรม แต่ไม่ได้กำหนดว่าจะต้องมีการประเมิน ITAของโรงเรียน)
.
แม้กระทรวงศึกษาธิการมักให้เหตุผลว่าต้องการให้โรงเรียนมีความโปร่งใส (ซึ่งเป็นเจตนาที่ดี) แต่ผลลัพธ์ที่ตามมาคือการเพิ่มภาระครูเกี่ยวกับการประเมิน ITA ของโรงเรียนที่ “ได้” ไม่คุ้ม “เสีย”
– “ได้” ไม่มาก เนื่องจากคะแนน ITA ของแต่ละโรงเรียน ยังไม่ได้สะท้อนความโปร่งใสที่แท้จริง
– “เสีย” ไปมาก เพราะใช้เวลาครูและบุคลากรทางการศึกษามหาศาลในการเตรียมและกรอกข้อมูล
.
ความพยายามตัดโครงการ ITA ของโรงเรียน ใน กมธ. งบ 69
.
เพื่อลดภาระงานครูเกี่ยวกับ ITA ที่ “ได้” ไม่คุ้ม “เสีย” ผมได้พยายามอย่างมากตลอด 2 เดือนที่ผ่านมา ในการโน้มน้าวทุกคนใน อนุ กมธ. งบ และ กมธ. งบ 69 เพื่อตัดงบประมาณที่กระทรวงศึกษาธิการขอมาเพื่อดำเนินการประเมิน ITA โรงเรียน
.
แต่ท้ายสุดแล้ว ผมยังไม่สามารถโน้มน้าว กมธ. เสียงข้างมาก ได้สำเร็จ:
– งบ สพฐ. เกี่ยวกับโครงการด้านการทุจริตที่เพิ่มภาระงานครู (83 ล้านบาท) ถูกปรับลดเพียง 5 ล้านบาท
– งบ สพฐ. ในการจัดทำ ITA สำหรับ “โรงเรียนคุณภาพ” ประมาณ 1,000+ แห่ง (8.1 ล้านบาท) ไม่ถูกปรับลดเลย
.
แม้โครงการ ITA ระดับโรงเรียนเดินหน้าต่อ แต่กระทรวงศึกษาธิการ ได้รับปากกับผมและทุกคนในที่ประชุม กมธ. งบ ว่าจะลดภาระงานครูที่เกี่ยวข้องกับการประเมิน ITA (ซึ่งสอดรับกับที่ รมว. เคยประกาศเมื่อ ก.ค. ที่ผ่านมาว่าจะลดลดตัวชี้วัดเรื่อง ITA จาก 28 เหลือ 17 ตัว) – อย่างไรก็ตาม คำสัญญานี้จะเป็นจริงหรือไม่ และจะสามารถลดภาระงานครูได้อย่างมีนัยสำคัญหรือไม่ ผมจะเดินหน้าติดตามและตรวจสอบต่อ โดยจะขอให้คุณครูทุกคนช่วยสะท้อนข้อเท็จจริงจากหน้างานมาด้วยเช่นกัน
.
หากมองในภาพใหญ่ จึงเป็นเรื่องน่าเสียดาย ว่าในวันที่สังคมตั้งคำถามมากขึ้นเกี่ยวกับประสิทธิภาพของเครื่องมือ ITA ในการวัดความโปร่งใส กระทรวงศึกษาธิการกลับยังคงเดินหน้านำเครื่องมือที่บกพร่องนี้ ไปเพิ่มภาระงานครูในหลายโรงเรียน ซึ่งเป็นการตัดสินใจที่ผมเห็นว่า “ได้” ไม่คุ้ม “เสีย”
.
https://www.facebook.com/paritw/posts/pfbid02PVN9S9q57faztdruf6J3Z6U5azijw1MftpcwACVyb8SsXDqX42uigH7AH9wKngWWl
.
.
.
.
ไม่น่าไว้ใจ! แห่อพยพ ‘คนแก่-ผู้ป่วย-เด็ก’ หลัง ‘เขมร’ เมินข้อตกลงเคลื่อนกำลังพล
https://www.dailynews.co.th/news/5030644/
.
เขมร ส่อแววไม่สนเจรจา เคลื่อนกำลังพล ทำชาวบ้านชาวแดนสุรินทร์ ไม่รอประกาศ อพยพคนแก่ ผู้ป่วยและเด็ก ไปไว้ที่วัด 2 แห่งก่อน ร่วม 400 คน ทำกินกันเอง หวั่นสงครามรอบ 2
.
เมื่อวันที่ 19 ส.ค. 68 ที่วัดศรีรัตนาราม บ้านตะตึงไถง (ตะ=ตึง-ถะ-ไง๋) ต.นอกเมือง อ.เมือง จ.สุรินทร์ นายรองรัตน์ จงอุตส่าห์ นายอำเภอเมืองสุรินทร์ ลงพื้นที่เยี่ยมและให้กำลังใจประชาชนชนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุความไม่สงบ ชายแดนไทย-กัมพูชา ที่มาจากพื้นที่ชายแดน อ.กาบเชิง และพักอาศัยอยู่ที่วัดศรีรัตนาราม 178 คน พร้อมแจกสิ่งของยังชีพให้ผู้พักพิง พร้อมทั้งยังโชว์ฝีมือทอดไข่เจียวให้กับผู้พักพิงได้ทาน โดยมีพระครูศรีสุนทร สรกิจ หรือ ผศ.ดร. เริงศักดิ์ เขมวีโร เจ้าอาวาสวัดศรีรัตนาราม เจ้าคณะอำเภอลำดวน ให้การดูแลผู้อพยพอยู่
.