คอลัมน์วิเคราะห์ – ใบอนุโมทนาบัตรยุคดิจิทัล
การออกหนังสือด่วนของกรมสรรพากร ถึงสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ให้การออก
ใบอนุโมทนาบัตร ต้องทำผ่านระบบออนไลน์เท่านั้น ถือเป็น “จุดเปลี่ยน” ของทั้งวงการศาสนาและระบบภาษีไทย
ที่ผ่านมา ใบอนุโมทนาบัตรแบบกระดาษ คือสิ่งที่ผู้บริจาคเงินวัดหรือองค์กรการกุศลถือไว้เพื่อใช้เป็นหลักฐานลดหย่อนภาษี แต่ความจริงที่ซ่อนอยู่คือ เอกสารนี้กลายเป็นช่องโหว่ให้เกิดการ “ปลอม” “ซื้อขาย” หรือ “ปั๊มตราย้อนหลัง” ใช้หักภาษีโดยไม่ตรงกับการบริจาคจริง ไม่ใช่เรื่องเล็ก เพราะเท่ากับรัฐสูญรายได้มหาศาล
เมื่อสรรพากรบังคับให้เข้าระบบออนไลน์ ก็คือการปิดช่องทางเลี่ยงภาษี และทำให้ทุกการบริจาคเชื่อมโยงกับฐานข้อมูลทันที ตรวจสอบได้ ไม่ต่างจากใบเสร็จอิเล็กทรอนิกส์ในธุรกิจเอกชน
แต่ปัญหาคือ “วัดไทย” จำนวนไม่น้อย โดยเฉพาะวัดเล็ก วัดต่างจังหวัด ยังไม่มีความพร้อมด้านดิจิทัล พระเณรหลายรูปแทบไม่แตะคอมพิวเตอร์หรือมือถือสมาร์ตโฟน การผลักดันให้เปลี่ยนทันทีโดยไม่มีช่วงเปลี่ยนผ่าน อาจทำให้ประชาชนที่อยากทำบุญเพื่อสิทธิประโยชน์ทางภาษี “ชะงักมือ” เพราะกลัววัดไม่สามารถออกเอกสารที่ใช้ได้
อีกประเด็นที่น่าคิดคือ วัฒนธรรมการ “ได้กระดาษ” ใบอนุโมทนาบัตรพร้อมลายเซ็นพระหรือเจ้าอาวาส ยังมีความหมายเชิงจิตใจต่อชาวพุทธจำนวนมาก การเปลี่ยนเป็นเพียงไฟล์ PDF ในอีเมล แม้จะโปร่งใสกว่า แต่ก็ลดทอนมิติทางสัญลักษณ์ลงไปไม่น้อย
ดังนั้น ความท้าทายไม่ใช่แค่ “ปิดรูรั่วทางภาษี” แต่คือการทำให้ระบบใหม่ “ไม่ตัดขาดความรู้สึก” ของคนทำบุญ และในเวลาเดียวกันต้องสนับสนุนให้วัดทั่วประเทศมีเครื่องมือและความรู้ใช้ระบบออนไลน์ได้จริง ไม่ใช่โยนภาระให้วัดหาทางรอดเอาเอง
เพราะถ้ารัฐผลักเร็วเกินไป สิ่งที่จะหายไปอาจไม่ใช่แค่ “ใบอนุโมทนากระดาษ” แต่คือ
แรงศรัทธาที่เชื่อมโยงการทำบุญกับการบริหารจัดการที่เป็นธรรม
✍️โปรดิวเซอร์แมลงสาบ
คอลัมน์วิเคราะห์ – ใบอนุโมทนาบัตรยุคดิจิทัล
การออกหนังสือด่วนของกรมสรรพากร ถึงสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ให้การออก ใบอนุโมทนาบัตร ต้องทำผ่านระบบออนไลน์เท่านั้น ถือเป็น “จุดเปลี่ยน” ของทั้งวงการศาสนาและระบบภาษีไทย
ที่ผ่านมา ใบอนุโมทนาบัตรแบบกระดาษ คือสิ่งที่ผู้บริจาคเงินวัดหรือองค์กรการกุศลถือไว้เพื่อใช้เป็นหลักฐานลดหย่อนภาษี แต่ความจริงที่ซ่อนอยู่คือ เอกสารนี้กลายเป็นช่องโหว่ให้เกิดการ “ปลอม” “ซื้อขาย” หรือ “ปั๊มตราย้อนหลัง” ใช้หักภาษีโดยไม่ตรงกับการบริจาคจริง ไม่ใช่เรื่องเล็ก เพราะเท่ากับรัฐสูญรายได้มหาศาล
เมื่อสรรพากรบังคับให้เข้าระบบออนไลน์ ก็คือการปิดช่องทางเลี่ยงภาษี และทำให้ทุกการบริจาคเชื่อมโยงกับฐานข้อมูลทันที ตรวจสอบได้ ไม่ต่างจากใบเสร็จอิเล็กทรอนิกส์ในธุรกิจเอกชน
แต่ปัญหาคือ “วัดไทย” จำนวนไม่น้อย โดยเฉพาะวัดเล็ก วัดต่างจังหวัด ยังไม่มีความพร้อมด้านดิจิทัล พระเณรหลายรูปแทบไม่แตะคอมพิวเตอร์หรือมือถือสมาร์ตโฟน การผลักดันให้เปลี่ยนทันทีโดยไม่มีช่วงเปลี่ยนผ่าน อาจทำให้ประชาชนที่อยากทำบุญเพื่อสิทธิประโยชน์ทางภาษี “ชะงักมือ” เพราะกลัววัดไม่สามารถออกเอกสารที่ใช้ได้
อีกประเด็นที่น่าคิดคือ วัฒนธรรมการ “ได้กระดาษ” ใบอนุโมทนาบัตรพร้อมลายเซ็นพระหรือเจ้าอาวาส ยังมีความหมายเชิงจิตใจต่อชาวพุทธจำนวนมาก การเปลี่ยนเป็นเพียงไฟล์ PDF ในอีเมล แม้จะโปร่งใสกว่า แต่ก็ลดทอนมิติทางสัญลักษณ์ลงไปไม่น้อย
ดังนั้น ความท้าทายไม่ใช่แค่ “ปิดรูรั่วทางภาษี” แต่คือการทำให้ระบบใหม่ “ไม่ตัดขาดความรู้สึก” ของคนทำบุญ และในเวลาเดียวกันต้องสนับสนุนให้วัดทั่วประเทศมีเครื่องมือและความรู้ใช้ระบบออนไลน์ได้จริง ไม่ใช่โยนภาระให้วัดหาทางรอดเอาเอง
เพราะถ้ารัฐผลักเร็วเกินไป สิ่งที่จะหายไปอาจไม่ใช่แค่ “ใบอนุโมทนากระดาษ” แต่คือ แรงศรัทธาที่เชื่อมโยงการทำบุญกับการบริหารจัดการที่เป็นธรรม
✍️โปรดิวเซอร์แมลงสาบ