อาการ “หยา” หลังทาผลิตภัณฑ์หลายชั้นและผ่านไปสักระยะ มักเกิดจากปัจจัยหลายอย่างที่เกี่ยวข้องกับ เนื้อผลิตภัณฑ์, การซึมของผิว, และปฏิกิริยาระหว่างผลิตภัณฑ์
1. ปัญหาจากเนื้อและชนิดของผลิตภัณฑ์
เนื้อผลิตภัณฑ์ไม่เข้ากัน
Serum น้ำ + Moisturizer ซิลิโคนบางชนิด → เกิด pilling
Cream ที่มี wax หรือ polymer สูง + Layered cream หรือ foundation → ผิวดูหยาบเป็นก้อน
ครีมบางตัวแห้งช้า แต่เครื่องสำอางทับเร็วเกินไป
เมื่อแห้ง ตัวเนื้อจะหดตัว ทำให้เกิดการลอกเป็นขุย
ใช้ occlusive หลายชั้นซ้อนกัน
เช่น petrolatum + dimethicone + silicone primer → ความหนืดสูงและไม่ซึมทัน → ผิวยับ
2. ปัญหาจากสภาพผิว
ผิวแห้ง/ขาดน้ำ
Humectant ดึงน้ำจากชั้นผิวแทนที่จะดึงจากอากาศ → เมื่อแห้งจะเกิด flaky, ยับ
ผิวมีเกราะป้องกันผิวอ่อนแอ (compromised barrier)
ทำให้สารเคมีบางอย่างซึมไม่สม่ำเสมอ → เกิดการรวมตัวเป็นก้อน
ผิวมันมากบางจุด
Sebum ผสมกับครีมหรือเครื่องสำอางบางชนิด → ลื่นแต่พอแห้ง → ยับ
3. ปฏิกิริยาระหว่างผลิตภัณฑ์
pH ของแต่ละชั้นไม่เข้ากัน
Serum acidic + Moisturizer alkaline → ทำให้เนื้อผลิตภัณฑ์เปลี่ยนสภาพ, เกิดขุย สาร active หลายชนิดเจอกัน
เช่น Niacinamide + Vitamin C, AHA/BHA + Zinc PCA → อาจตกตะกอนหรือทำให้ texture เปลี่ยน
สารซิลิโคนหรือ polymer บางชนิดไม่เข้ากับ water-based layer → เกิด pilling
4. ปัจจัยจากการทาและเวลา
ทาผลิตภัณฑ์ชั้นหนาเกินไป
ชั้นล่างยังไม่ซึมดี → ชั้นบนไหลลงชั้นล่าง → เกิดก้อน
ทาเร็วเกินไปและเกลี่ยแรง
การเกลี่ยหนัก → ทำให้ชั้นผลิตภัณฑ์ลอกเป็นขุย
อุณหภูมิและความชื้น
ผิวแห้ง/ร้อน/อากาศแห้ง → ทำให้ผลิตภัณฑ์แห้งและเป็นก้อนเร็ว
แนวทางลดอาการ หยา
ใช้ผลิตภัณฑ์ compatible
เนื้อ water-based + water-based / silicone + silicone
รอให้แต่ละชั้นเซ็ตตัวก่อนลงชั้นถัดไป
1–2 นาทีสำหรับ serum / moisturizer เบาบาง
ลดจำนวนชั้นหรือความหนาของแต่ละชั้น
Layer น้อยแต่มี occlusive + humectant เพียงพอ
เลือกสูตรผิวอ่อนโยน
ลดสาร active ที่ตกตะกอนง่ายหรือ pH ต่างกันมาก
เกลี่ยเบาและเป็นวงกลมเล็ก ๆ
ทั้งหมดนี้จะช่วยลดการลอกและเกิดขุยได้ค่ะ
ลงครีมหลายๆ ตัว จบด้วยแต่งหน้าทาปาก พอไปถึงที่ทำงาน ทำไมหน้า "หยา" เฉยเลย !