วันนี้ขออนุญาตมาแบ่งปันประสบการณ์ตรงจากการเป็นลูกค้าประกันชีวิตและสุขภาพกับบริษัท อลิอันซ์ อยุธยา (Allianz Ayudhya) เพื่อเป็นข้อมูลให้ทุกท่านได้ใช้ประกอบการตัดสินใจ
เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ รู้สึกป่วยและต้องการใช้สิทธิ์ประกัน จึงค้นหาเล่มกรมธรรม์แต่หาไม่พบ เลยตัดสินใจเปิดดูข้อมูลในแอปพลิเคชันแทน แต่สิ่งที่ทำให้ต้องประหลาดใจคือ เมื่อไล่ดูประวัติการชำระเงินก็พบว่าค่าเบี้ยประกันภัยกลับปรับตัวสูงขึ้นทุกปี โดยเฉพาะปีล่าสุดที่พุ่งสูงขึ้นเกือบ 40,000 บาท ทั้งที่ตลอดระยะเวลา 8 ปีที่ผ่านมา เคยเคลมค่ารักษาพยาบาลไปเพียงครั้งเดียวเท่านั้น ด้วยความสงสัยว่าเบี้ยประกันที่จ่ายไปในแต่ละปีประกอบด้วยค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง จึงพยายามติดต่อ Call Center ถึงสองครั้ง ครั้งแรกยังไม่ได้รับคำตอบที่ชัดเจนนัก ส่วนครั้งที่สองเจ้าหน้าที่กลับพูดเร็ว ใช้คำย่อภาษาอังกฤษจนจับใจความแทบไม่ได้ สุดท้ายจึงตัดสินใจส่งอีเมลเพื่อขอรายละเอียดเบี้ยประกันอย่างเป็นลายลักษณ์อักษร พร้อมสอบถามเกณฑ์การปรับเบี้ยในแต่ละปี แต่สิ่งที่ได้รับกลับเป็นเพียงการตอบกลับสั้นๆ ว่า "ส่งเรื่องประสานงานแล้ว" จากนั้นก็เงียบหายไป... นี่เข้าสู่วันที่สามแล้ว การติดตามเรื่องยังคงเงียบสนิท ยอมรับว่ารู้สึกผิดหวังกับการดูแลลูกค้าที่อาจจะแย่ยิ่งกว่าการไปใช้บริการในห้างสรรพสินค้าเสียอีก เมื่อนำเรื่องนี้ไปโพสต์ใน Facebook กลับมีเจ้าหน้าที่เข้ามาให้ข้อมูลว่าสามารถขอเอกสารในรูปแบบ e-Policy ได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ซึ่งเป็นข้อมูลที่การโทรสอบถามสองครั้งก่อนหน้าไม่เคยมีใครแจ้งเลยแม้แต่น้อย มีแต่เพียงคำตอบว่าต้องชำระเงิน 500 บาทเพื่อขอเล่มกรมธรรม์ใหม่เท่านั้น
ในส่วนของขั้นตอนการเคลมนั้น แม้จะไม่สามารถตัดสินได้ว่าดีหรือไม่ดี แต่จากประสบการณ์ที่เคยเจอคือ "ความล่าช้า" อย่างมาก และหากเปรียบเทียบความคุ้มครองกับเบี้ยที่จ่าย ขอใช้คำว่า "ไม่คุ้มค่า"
สิ่งที่ต้องการจะสะท้อนให้เห็น คือ ขนาดเรื่องง่ายๆที่ไม่เกี่ยวกับเงิน บริษัทยังให้บริการเช่นนี้ ลองจินตนาการดูว่าหากเป็นกรณีที่เราต้องการเคลมค่ารักษาพยาบาลในยามฉุกเฉินจริงๆ เราจะต้องเผชิญกับอะไรบ้าง ในเมื่อตลาดประกันภัยมีตัวเลือกอีกมากมาย เราจำเป็นต้องทนกับการบริการแบบนี้หรือไม่ ส่วนตัวยึดหลักง่ายๆ ว่า "เมื่อเราเป็นผู้จ่ายเงิน เราไม่จำเป็นต้องง้อใคร" หากบริษัทไหนดูแลเราไม่ดี เราก็เพียงแค่เลือกใช้บริการจากที่อื่น และ"อย่าเชื่อลมปากของตัวแทนเด็ดขาด"
ด้วยเหตุผลทั้งหมด ได้ตัดสินใจแล้วว่าจะไม่ต่อสัญญากรมธรรม์ประกันวินาศภัยทั้ง 3 ฉบับ ที่จะหมดอายุในเดือนกันยายน ปี 2568 และจะทยอยย้ายกรมธรรม์ประกันชีวิตและสุขภาพของทุกคนในครอบครัวไปยังบริษัทอื่น พร้อมทั้งจะทำให้มั่นใจว่าคนในครอบครัวและเพื่อนจะไม่มอบความไว้วางใจให้กับบริษัทนี้อีกต่อไป
บทความนี้เขียนขึ้นเพื่อเป็นข้อมูลประกอบการพิจารณา หากท่านได้อ่านและรับทราบถึงความเสี่ยงนี้แล้ว แต่ยังตัดสินใจเลือกใช้บริการ ก็สุดแล้วแต่การตัดสินใจของท่าน และโปรดยอมรับผลที่จะตามมาในอนาคตด้วยตนเอง เพราะท่านได้รับทราบข้อมูลจากคำเตือนนี้แล้ว
[CR] แบ่งปันประสบการณ์ตรงจากการเป็นลูกค้าประกันชีวิตและสุขภาพกับบริษัท อลิอันซ์ อยุธยา (Allianz Ayudhya)
เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ รู้สึกป่วยและต้องการใช้สิทธิ์ประกัน จึงค้นหาเล่มกรมธรรม์แต่หาไม่พบ เลยตัดสินใจเปิดดูข้อมูลในแอปพลิเคชันแทน แต่สิ่งที่ทำให้ต้องประหลาดใจคือ เมื่อไล่ดูประวัติการชำระเงินก็พบว่าค่าเบี้ยประกันภัยกลับปรับตัวสูงขึ้นทุกปี โดยเฉพาะปีล่าสุดที่พุ่งสูงขึ้นเกือบ 40,000 บาท ทั้งที่ตลอดระยะเวลา 8 ปีที่ผ่านมา เคยเคลมค่ารักษาพยาบาลไปเพียงครั้งเดียวเท่านั้น ด้วยความสงสัยว่าเบี้ยประกันที่จ่ายไปในแต่ละปีประกอบด้วยค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง จึงพยายามติดต่อ Call Center ถึงสองครั้ง ครั้งแรกยังไม่ได้รับคำตอบที่ชัดเจนนัก ส่วนครั้งที่สองเจ้าหน้าที่กลับพูดเร็ว ใช้คำย่อภาษาอังกฤษจนจับใจความแทบไม่ได้ สุดท้ายจึงตัดสินใจส่งอีเมลเพื่อขอรายละเอียดเบี้ยประกันอย่างเป็นลายลักษณ์อักษร พร้อมสอบถามเกณฑ์การปรับเบี้ยในแต่ละปี แต่สิ่งที่ได้รับกลับเป็นเพียงการตอบกลับสั้นๆ ว่า "ส่งเรื่องประสานงานแล้ว" จากนั้นก็เงียบหายไป... นี่เข้าสู่วันที่สามแล้ว การติดตามเรื่องยังคงเงียบสนิท ยอมรับว่ารู้สึกผิดหวังกับการดูแลลูกค้าที่อาจจะแย่ยิ่งกว่าการไปใช้บริการในห้างสรรพสินค้าเสียอีก เมื่อนำเรื่องนี้ไปโพสต์ใน Facebook กลับมีเจ้าหน้าที่เข้ามาให้ข้อมูลว่าสามารถขอเอกสารในรูปแบบ e-Policy ได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ซึ่งเป็นข้อมูลที่การโทรสอบถามสองครั้งก่อนหน้าไม่เคยมีใครแจ้งเลยแม้แต่น้อย มีแต่เพียงคำตอบว่าต้องชำระเงิน 500 บาทเพื่อขอเล่มกรมธรรม์ใหม่เท่านั้น
ในส่วนของขั้นตอนการเคลมนั้น แม้จะไม่สามารถตัดสินได้ว่าดีหรือไม่ดี แต่จากประสบการณ์ที่เคยเจอคือ "ความล่าช้า" อย่างมาก และหากเปรียบเทียบความคุ้มครองกับเบี้ยที่จ่าย ขอใช้คำว่า "ไม่คุ้มค่า"
สิ่งที่ต้องการจะสะท้อนให้เห็น คือ ขนาดเรื่องง่ายๆที่ไม่เกี่ยวกับเงิน บริษัทยังให้บริการเช่นนี้ ลองจินตนาการดูว่าหากเป็นกรณีที่เราต้องการเคลมค่ารักษาพยาบาลในยามฉุกเฉินจริงๆ เราจะต้องเผชิญกับอะไรบ้าง ในเมื่อตลาดประกันภัยมีตัวเลือกอีกมากมาย เราจำเป็นต้องทนกับการบริการแบบนี้หรือไม่ ส่วนตัวยึดหลักง่ายๆ ว่า "เมื่อเราเป็นผู้จ่ายเงิน เราไม่จำเป็นต้องง้อใคร" หากบริษัทไหนดูแลเราไม่ดี เราก็เพียงแค่เลือกใช้บริการจากที่อื่น และ"อย่าเชื่อลมปากของตัวแทนเด็ดขาด"
ด้วยเหตุผลทั้งหมด ได้ตัดสินใจแล้วว่าจะไม่ต่อสัญญากรมธรรม์ประกันวินาศภัยทั้ง 3 ฉบับ ที่จะหมดอายุในเดือนกันยายน ปี 2568 และจะทยอยย้ายกรมธรรม์ประกันชีวิตและสุขภาพของทุกคนในครอบครัวไปยังบริษัทอื่น พร้อมทั้งจะทำให้มั่นใจว่าคนในครอบครัวและเพื่อนจะไม่มอบความไว้วางใจให้กับบริษัทนี้อีกต่อไป
บทความนี้เขียนขึ้นเพื่อเป็นข้อมูลประกอบการพิจารณา หากท่านได้อ่านและรับทราบถึงความเสี่ยงนี้แล้ว แต่ยังตัดสินใจเลือกใช้บริการ ก็สุดแล้วแต่การตัดสินใจของท่าน และโปรดยอมรับผลที่จะตามมาในอนาคตด้วยตนเอง เพราะท่านได้รับทราบข้อมูลจากคำเตือนนี้แล้ว
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้