ความเชื่อ ทานอาหารตามหมู่เลือด ... ไม่ได้น่าเชื่อถืออะไรครับ

"ทานอาหารตามหมู่เลือด ... ไม่ได้น่าเชื่อถืออะไรครับ"
การทานอาหารตามหมู่เลือดกำลังเป็นเทรนด์หนึ่งที่ได้รับความนิยมเมื่อไม่นานมานี้ โดยอ้างว่าเลือดแต่ละหมู่ คือ หมู่เอ (A) หมู่บี (B) หมู่เอบี (AB) และหมู่โอ (O) นั้นมีสารแอนติเจน (antigen) บนผิวเม็ดเลือดแดงที่ต่างกัน
.
ขณะที่อาหารทุกชนิดล้วนมีโปรตีนที่เรียกว่า เล็คติน (lectin) ซึ่งมีคุณสมบัติเหนียวและจับเกาะติดเลือดได้ ถ้าการกินอาหารที่มีไม่เหมาะสมกับเลือดเรา เล็คตินเหล่านั้นจะเข้าไปรบกวนการทำงานของระบบย่อยอาหาร การสร้างอินซูลิน และความสมดุลของฮอร์โมนในร่างกาย
.
แต่ถ้าทานอาหารตรงกับหมู่เลือดจะเป็นผลดีต่อร่างกาย ลดน้ำหนักได้ ลดอาการปวดตามข้อได้ สร้างภูมิต้านทานให้ร่างกายแข็งแรง
ตามความเชื่อเรื่องการทานอาหารตามหมู่เลือดบอกว่า คนหมู่เลือดเอจะมีกรดในกระเพาะต่ำ ระบบการย่อยไม่ดี ระบบภูมิคุ้มกันไม่ดี ต่อการเกิดโรคหัวใจและมะเร็ง อาหารที่เหมาะกับเลือดหมู่เอจึงถูกจัดเป็นอาหารมังสวิรัติ หลีกเลี่ยงเนื้อสัตว์ และทานปลาบ้างเพื่อเสริมโปรตีน
.
ส่วนคนหมู่เลือดบีก็เชื่อกันว่ามีเลือดที่ไม่ข้นหรือเหลวเกินไป ทานอาหารได้ทุกหมู่ ดื่มนมได้ไม่มีปัญหา และไม่มีแนวโน้มจะเป็นโรคมะเร็งหรือโรคหัวใจเหมือนเลือดหมู่เอ
.
ขณะที่หมู่เลือดโอนั้นว่ากันว่ากระเพาะมีความเป็นกรดสูง ย่อยเนื้อได้ดีกว่าหมู่อื่น แต่ระดับฮอร์โมนไทรอยด์ไม่คงที่ทำให้อ้วนง่าย เลือดแข็งตัวช้า และ
สุดท้ายคือคนที่มีเลือดหมู่เอบี เชื่อกันว่าควรผสมผสานระหว่างการทานผักมากๆ อย่างคนเลือดหมู่เอ แต่ก็ทานเนื้อสัตว์ได้แบบคนเลือดหมู่บี
.
การทานอาหารตามหมู่เลือดนี้ถูกเสนอโดยนายแพทย์ปีเตอร์ เดออาดาโม (Dr. Peter D' Adamo) ซึ่งเขียนหนังสือที่ชื่อว่า Eat Right 4 Your Type โดยอ้างอิงงานวิจัยทางด้านชีวเคมีหลายชิ้นเกี่ยวกับเรื่องหมู่เลือดว่าสนับสนุนทฤษฎีของเขา
.
แต่แนวคิดที่กำลังเป็นเทรนด์ฮิตนี้กลับได้รับการโต้แย้งจากนักโภชนาการ แพทย์ และนักวิทยาศาสตร์จำนวนมากว่าไม่ได้สอดคล้องกับหลักฐานทางวิทยาศาสตร์แต่อย่างไร
.
ประการแรก คือ ไม่ได้มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์หรือบทความวิจัยที่ตีพิมพ์แล้วในวารสารที่น่าเชื่อถือที่บกบ่องถึงความเชื่อมโยงระหว่างโรคต่างๆ และหมู่เลือดตามที่เดออาดาโมบอกไว้ ขณะที่ข้อมูลของเขานั้นก็ไม่ถูกต้องอยู่มาก
.
เช่น เขาอ้างว่าการทานลูกเอลเดอเบอร์รี (elderberry) สามารถรักษาโรคหวัดได้นั้นก็ขาดหลักฐานสนับสนุนทางวิทยาศาสตร์ และถึงบัดนี้ก็ยังไม่มีวิธีการทางเลือกในการรักษาหรือป้องกันหวัดได้จริง เพราะผลการวิจัยที่อ้างกันอยู่นั้นมักจะมีจำนวนตัวอย่างศึกษาน้อยเกินไปและมีวิธีการทดลองที่ไม่ได้มาตรฐาน
การอ้างเรื่องผลดีของการทานอาหารตามหมู่เลือดกับโรคต่างๆ นั้นยังไม่เคยมีการทดสอบผลทางคลินิค (clinical trial) และตีพิมพ์ผลการศึกษาออกมาแต่อย่างไร
.
เดออาดาโมอ้างอิงถึงผลการศึกษากว่า 10 ปีกับการเกิดโรคมะเร็ง และผลการศึกษา 12 สัปดาห์กับคนไข้ที่เป็นโรคไขข้อรูมาตอยด์ไว้ในหนังสือของเขา แต่ผลการทดลองที่ว่านี้กลับไม่เคยได้รับการตีพิมพ์ในวารสารวิจัยทางการแพทย์
.
ประเด็นต่อไปคือเรื่องผลกระทบของเล็คตินจำเพาะในอาหารที่มีต่อเลือด การกล่าวอ้างนี้ไม่ตรงกับผลการวิจัยทางชีวเคมีที่ไม่พบความแตกต่างแต่อย่างไรที่เล็คตินจะทำปฏิกิริยากับเลือดหมู่ต่างๆ
.
ยิ่งไปกว่านั้นกลับพบว่าเล็คตินชนิดที่มีจำเพาะต่อเลือดหมู่ต่างๆ เกือบทั้งหมดทุกชนิดไม่ได้มีอยู่ในอาหาร คือมักจะพบในพืชหรือสัตว์พวกที่เราไม่ได้นำมาเป็นอาหาร
.
อาหารหลายชนิดที่เดออาดาโมอ้างว่าทำปฏิกิริยาต่อเลือดได้เหมือนกับเล็คติน กลับจับกับเม็ดเลือดแดงของทุกหมู่เลือดให้ตกตะกอนได้ ไม่ใช่แค่จำเพาะกับบางหมู่เท่านั้น
.
ประเด็นสำคัญอีกประเด็นหนึ่งที่เดออาดาโมนำมาใช้อ้างอิงถึงการทานอาหารเหมาะสมแตกต่างกันระหว่างคนแต่ละหมู่เลือดคือเรื่องวิวัฒนาการของหมู่เลือด
ซึ่งเดออาดาโมอ้างว่าเลือดหมู่โอเป็นหมู่เลือดที่เกิดขึ้นมาก่อนเป็นหมู่เลือดแรก ก่อนหมู่เอและหมู่บีในกลุ่มยีนหมู่เลือดเอบีโอนี้ ทฤษฎีวิวัฒนาการของหมู่เลือดที่เดออาดาโมเชื่อนั้นบอกว่าคนหมู่เลือดโอเป็นพวกนักล่าโบราณตั้งแต่เมื่อ 3 หมื่นปีก่อน อาหารที่เหมาะสมกับเลือดหมู่โอจึงควรจะมีโปรตีนสูง
ส่วนคนที่มีเลือดหมู่เอนั้นเป็นชาวไร่ชาวนาที่วิวัฒนาการขึ้นมาเมื่อ 2 หมื่นปีก่อน พวกหมู่เอจึงควรทานอาหารมังสะวิรัติเป็นหลัก
.
ต่อจากนั้นมนุษย์ก็วิวัฒนาการไปเป็นพวกนักเดินทางเมื่อ 1 หมื่นปีก่อนซึ่งมีเลือดหมู่บีที่มีระบบการย่อยอาหารที่ยืดหยุ่นหลากหลายขึ้น คนที่มีเลือดหมู่บีนี้จึงกินอาหารได้หลายชนิดและเป็นพวกเดียวที่เหมาะกับการดื่มนม
.
ส่วนหมู่เลือดสุดท้ายคือหมู่เอบี เดออาดาโมบอกว่าเป็นพวกมหัศจรรย์ที่วิวัฒนาการขึ้นมาไม่ถึง 1 พันปีมานี้เอง
แต่การที่เลือดหมู่โอเป็นหมู่เลือดที่พบมากที่สุดในประชากรมนุษย์ทั่วโลก ก็ไม่ได้แปลว่ายีนหมู่โอจะต้องเป็นยีนที่โบราณที่สุดในกลุ่มเลือดเอบีโอนี้ ยีนเลือดหมู่บีที่แนะนำให้ดื่มนมได้นั้น แทนที่จะพบมากในคนยุโรป ก็พบมากในคนเอเชียที่แพ้น้ำตาลแล็กโตส (lactose) ในน้ำนมด้วยซ้ำ
.
จากการศึกษาทางด้านวิวัฒนาการของยีนหมู่เลือดเอบีโอทั้งในเลือดของคนและของสัตว์อื่นๆ กลับพบว่า ยีนเลือดหมู่เอเป็นยีนแรกที่วิวัฒนาการขึ้นมา
และ ยิ่งไปกว่านั้น ยีนหมู่เอและหมู่บีถูกพบว่าเป็นยีนปรกติที่สามารถสร้างโปรตีนแอนติเจนเอและแอนติเจนบีที่ผิวของเม็ดเลือดแดงได้
.
ขณะที่ยีนหมู่โอกลับเป็นยีนที่กลายพันธุ์ไปอีกทีหนึ่งจนทำให้ไม่มีการสร้างโปรตีนแอนติเจนที่เม็ดเลือด
.
และผลการศึกษาในปี ค.ศ. 2004 ยังมีข้อสรุปอีกด้วยว่ายีนของเลือดทั้ง 3 หมู่นี้วิวัฒนาการขึ้นมาตั้งแต่เมื่อ 4.5 ถึง 6 ล้านปีมาแล้ว ซึ่งขัดแย้งเป็นอย่างยิ่งกับแนวคิดของเดออาดาโมเรื่องวิวัฒนาการของมนุษย์และอาหารที่ทานในแต่ละยุคสมัย
.
ด้วยเหตุนี้ การทานอาหารตามหมู่เลือดจึงเป็นเพียงแค่ความเชื่อที่ไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์รองรับเพียงพอ
และยิ่งไปกว่านั้น การที่มากำหนดว่ากระบวนการอันซับซ้อนของร่างกายมนุษย์นั้นจะถูกจำกัดไว้เพียงแค่ 4 แบบตามหมู่เลือด ก็อาจจะกล่าวได้ว่าไม่ต่างอะไรกับการทำนายดวงชะตาตามหมู่เลือดเท่านั้นเอง
.
ที่มา :อ๋อ มันเป็นอย่างนี้นี่เอง by อาจารย์เจษฎ์
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่