ในวันที่ 14/07/2531 เวลาประมาณ 22.08 น. เราและแฟนได้ขับรถมาด้วยความเร็วไม่เกิน 70 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ณ ถนนแห่งหนึ่ง เป็นถนนสวนเลนไม่ได้และมีเกาะกลางถนน ฝั่งที่พวกเราขับมามี 3 เลน ขับรถมาระยะหนึ่งก็เจอด่าน โดยเป็นด่านที่ปิดถนนหมดทั้ง 3 เลน
โดยถนนเลนซ้าย กับ เลนกลางเป็นจุดตรวจมอเตอร์ไซด์ และเลนขวาสุดเป็นจุดตรวจรถยนต์
พวกเราที่ขับมาเลนกลาง ก็ได้ทำการเบี่ยงไปยังเลนขวาสุดเพื่อเข้าเลนตรวจรถยนต์ ขับความเร็วต่ำ มีรถยนต์ข้างหน้าอยู่ 2-3 คัน
พวกเราก็รอคิวเพื่อเข้าจุดตรรวจตามปกติ (((ปกติเจ้าหน้าที่จะถามคำถามง่ายๆ 2-3 คำถาม เช่น จะไปไหน ไปทำอะไร แล้วก็จะให้พวกเราเดินทางกันต่อ)))
แต่ในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เราสังเกตเห็นรถมอเตอร์ไซค์พลเมืองทุกคันที่ขับมาถึงจุดตรวจ ไม่มีคันไหนผ่านไปได้ง่ายๆถึงแม้จะใส่หมวกกันน็อคอย่างถูกต้องก็ตาม เราจึงมีความรู้สึกแปลก และได้ยกมือถือขึ้นถ่ายคลิปตั้งแต่ตอนนั้น เมื่อถึงคิวรถพวกเรา เจ้าหน้าที่ถามเพียงแค่ว่า จะไปไหน ซึ่งเรากำลังจะไปซื้อทุเรียน ก็ตอบไปตามตรงว่าจะไปซื้อทุเรียน
หลังตอบเสร็จ จนท.ให้เราขับรถไปที่จุดจอด มีเจ้าหน้า A ขอให้ลดกระจกลง ให้เราเปิดไฟในรถและขอดูใบขับขี่แฟนซึ่งเป็นคนขับ เมื่อดูใบขับขี่แล้วได้ให้เรา,แฟนลงจากรถ และมีเจ้าหน้าที่มาค้นตัวเราและแฟนทันที
จากนั้นมีเจ้าหน้าที่ทำการค้นรถ ระหว่างที่เจ้าหน้าที่ค้นรถ เราและแฟนอยู่คนละฝั่งของรถ
เมื่อตำรวจไม่เจออะไรก็ตามที่หาอยู่ จนท A ได้ขอบัตรประชาชนแฟยเราไป บอกว่าจะขอตรวจประวัติอาชญากรรม เมื่อ จนท.A รับบัตรประชาชนของแฟนเรา A ได้ถ่ายรูป 1 ครั้ง จากนั้นส่งบัตรประชาชนให้ จนท. B ตรวจประวัติอาชญากรรม รวมถึงขอบัตรประชาชนเรา เพื่อตรวจประวัติอาชญากรรมด้วย เราไม่ได้พกบัตรมา แต่มีแอปพลิเคชั่น thaiD จึงได้ให้ จนท. ตรวจประวัติอาชญากรรมผ่าน thaiD
เมื่อไม่พบอะไรก็ได้ให้พวกเรากลับขึ้นรถก็เดินทางต่อ โดยตลอดเวลาเราถ่ายคลิปวีดีโอตลอด
เมื่อขึ้นมาบนรถและปิดประตูเรียบร้อยเพื่อเตรียมตัวออกเดินทางต่อ เราก็ยังคงถ่ายคลิปอยู่ตลอดเวลา
อยู่ๆมีเจ้าหน้าที่ C เดินมาเปิดประตูรถฝั่งเรา โดยเราไม่ทันได้ล็อครถ เมื่อ
C เปิดประตูฝั่งเราแล้วก็มีการยื่นมือเข้ามาในรถ คล้ายทำท่าจะหยิบมือถือของเรา แต่ไม่ได้หยิบ และได้บอกกับเราว่าขอสงวนไว้ไม่ให้ถ่ายผู้ต้องหา ซึ่งในเหตุการณ์นี้เราตั้งใจถ่ายการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่,อาจมีการถ่ายติดผู้อื่นในบริเวณ แต่เป็นการติดโดยไม่ได้ตั้งใจ
เจ้าหน้าที่ C บอกให้เราลงจากรถ เราลงจากรถตามคำสั่ง ในตอนนี้ เราและ C ได้กลับขึ้นมายืนตรงฟุตบาทข้างทาง C บอกให้ลบคลิปที่ถ่ายติดผู้อื่นซึ่งเขาบอกว่าเป็นผู้ต้องหา เราอธิบายว่าเจ้าหน้าที่ไม่มีสิทธิ์บังคับให้เราลบคลิปได้
เมื่อคุยกันแล้วเราไม่ยอมลบ เจ้าหน้าที่ได้ยกมือถือของตนขึ้นมาทำท่าเหมือนจะถ่ายคลิปเรา ในระยะที่ใกล้ ความห่างไม่เกิน 30 เซนติเมตร มือถือก็จะถึงใบหน้าเรา และบอกเราว่าไม่มีใครชอบถ้าถูกคนอื่นมาถ่ายคลิปเรา ระหว่างนี้เราถ่ายคลิปตลอด
เมื่อเขาอธิบายแล้วเรายังไม่ยอมลบ เราบอกว่าเรายังไม่ได้นำลงสู่โซเชียลเพราะฉะนั้นจึงไม่ผิด pdpa
จนท.C เดินไปยังกลุ่มคนที่น่าจะเป็นผู้ต้องหา และกลับมาพร้อมชายคนนึง , จนท.C แจ้งกับเราว่านี่คือผู้เสียหาย เราถ่ายติดเขา ให้เราลบคลิปตอนนี้ , ชายคนที่เดิมตามเจ้าหน้าที่มา ก็ได้พูดกับเราว่าเราถ่ายคลิปและมีเขาติดอยู่ในนั้น เขาไม่ต้องการให้มีคลิปเขาติด ให้เราลบคลิปออก เราอธิบายแก่ชายคนนั้นว่าเรายังไม่ได้ทำผิดกฎหมายข้อใด ยังไม่ได้คลิปลงสื่อโซเชียล เราไม่ผิด pdpa ,
จนท. C ได้ขอถ่ายบัตรประชาชนเราจาก application ThaiD พร้อมบอกเราว่า หากมีใครเห็นตนในคลิปของเราผ่านสื่อโซเชียลมีเดียก็ได้ตามเรามาดำเนินคดีได้ถูก เจ้าหน้าที่ได้ปล่อยให้เรากลับ ก่อนที่จะขับรถออกไป มีเจ้าหน้าที่D ถ่ายทะเบียนรถไว้
ต้องได้ทำคลิปยาวที่มีเหตุการณ์ทั้งหมดลงใน YouTube ชื่อคลิปว่า ทุกคนมีสิทธิโดน! เหตุการณ์ด่านสุดตึง!ถูกค้นตัว,ค้นรถ,เอามือถือใส่หน้า,ให้ลบคลิป!(คลิปเหตุการณ์จริง)
https://youtu.be/6WUCTwAcl2Y?si=VAQrAbb1WUrVB2fV
สามารถรับชมคลิปที่มีเหตุการณ์จริงประกอบการพิจารณาเหตุการณ์ได้เลยค่ะ
คลิปนี้ไม่เหมาะกับผู้มีสภาวะจิตใจอ่อนไหวง่าย เป็นซึมเศร้า หรือเสี่ยงการเป็นซึมเศร้าค่ะ
เป็นการเล่าเหตุการณ์ที่เจอเองในด่านตรวจแห่งหนึ่ง สถานการณ์สุดตึง!! และมีคลิปเหตุการณ์จริงค่ะ
เรื่องที่ผู้คนไม่ค่อยให้ความสนใจ แต่มีโอกาสเกิดขึ้นได้กับทุกคนนะคะ🥹
ทุกวันนี้เหตุการณ์ที่ด่านตรวจในครั้งนั้นยังติดอยู่ในใจตลอดเวลาเลยค่ะ
ทุกคนมีสิทธิโดน! ขับรถมาเจอด่านตรวจ ถูกค้นตัว,ค้นรถ,เอามือถือใส่หน้า,ให้ลบคลิป!
โดยถนนเลนซ้าย กับ เลนกลางเป็นจุดตรวจมอเตอร์ไซด์ และเลนขวาสุดเป็นจุดตรวจรถยนต์
พวกเราที่ขับมาเลนกลาง ก็ได้ทำการเบี่ยงไปยังเลนขวาสุดเพื่อเข้าเลนตรวจรถยนต์ ขับความเร็วต่ำ มีรถยนต์ข้างหน้าอยู่ 2-3 คัน
พวกเราก็รอคิวเพื่อเข้าจุดตรรวจตามปกติ (((ปกติเจ้าหน้าที่จะถามคำถามง่ายๆ 2-3 คำถาม เช่น จะไปไหน ไปทำอะไร แล้วก็จะให้พวกเราเดินทางกันต่อ)))
แต่ในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เราสังเกตเห็นรถมอเตอร์ไซค์พลเมืองทุกคันที่ขับมาถึงจุดตรวจ ไม่มีคันไหนผ่านไปได้ง่ายๆถึงแม้จะใส่หมวกกันน็อคอย่างถูกต้องก็ตาม เราจึงมีความรู้สึกแปลก และได้ยกมือถือขึ้นถ่ายคลิปตั้งแต่ตอนนั้น เมื่อถึงคิวรถพวกเรา เจ้าหน้าที่ถามเพียงแค่ว่า จะไปไหน ซึ่งเรากำลังจะไปซื้อทุเรียน ก็ตอบไปตามตรงว่าจะไปซื้อทุเรียน
หลังตอบเสร็จ จนท.ให้เราขับรถไปที่จุดจอด มีเจ้าหน้า A ขอให้ลดกระจกลง ให้เราเปิดไฟในรถและขอดูใบขับขี่แฟนซึ่งเป็นคนขับ เมื่อดูใบขับขี่แล้วได้ให้เรา,แฟนลงจากรถ และมีเจ้าหน้าที่มาค้นตัวเราและแฟนทันที
จากนั้นมีเจ้าหน้าที่ทำการค้นรถ ระหว่างที่เจ้าหน้าที่ค้นรถ เราและแฟนอยู่คนละฝั่งของรถ
เมื่อตำรวจไม่เจออะไรก็ตามที่หาอยู่ จนท A ได้ขอบัตรประชาชนแฟยเราไป บอกว่าจะขอตรวจประวัติอาชญากรรม เมื่อ จนท.A รับบัตรประชาชนของแฟนเรา A ได้ถ่ายรูป 1 ครั้ง จากนั้นส่งบัตรประชาชนให้ จนท. B ตรวจประวัติอาชญากรรม รวมถึงขอบัตรประชาชนเรา เพื่อตรวจประวัติอาชญากรรมด้วย เราไม่ได้พกบัตรมา แต่มีแอปพลิเคชั่น thaiD จึงได้ให้ จนท. ตรวจประวัติอาชญากรรมผ่าน thaiD
เมื่อไม่พบอะไรก็ได้ให้พวกเรากลับขึ้นรถก็เดินทางต่อ โดยตลอดเวลาเราถ่ายคลิปวีดีโอตลอด
เมื่อขึ้นมาบนรถและปิดประตูเรียบร้อยเพื่อเตรียมตัวออกเดินทางต่อ เราก็ยังคงถ่ายคลิปอยู่ตลอดเวลา
อยู่ๆมีเจ้าหน้าที่ C เดินมาเปิดประตูรถฝั่งเรา โดยเราไม่ทันได้ล็อครถ เมื่อ
C เปิดประตูฝั่งเราแล้วก็มีการยื่นมือเข้ามาในรถ คล้ายทำท่าจะหยิบมือถือของเรา แต่ไม่ได้หยิบ และได้บอกกับเราว่าขอสงวนไว้ไม่ให้ถ่ายผู้ต้องหา ซึ่งในเหตุการณ์นี้เราตั้งใจถ่ายการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่,อาจมีการถ่ายติดผู้อื่นในบริเวณ แต่เป็นการติดโดยไม่ได้ตั้งใจ
เจ้าหน้าที่ C บอกให้เราลงจากรถ เราลงจากรถตามคำสั่ง ในตอนนี้ เราและ C ได้กลับขึ้นมายืนตรงฟุตบาทข้างทาง C บอกให้ลบคลิปที่ถ่ายติดผู้อื่นซึ่งเขาบอกว่าเป็นผู้ต้องหา เราอธิบายว่าเจ้าหน้าที่ไม่มีสิทธิ์บังคับให้เราลบคลิปได้
เมื่อคุยกันแล้วเราไม่ยอมลบ เจ้าหน้าที่ได้ยกมือถือของตนขึ้นมาทำท่าเหมือนจะถ่ายคลิปเรา ในระยะที่ใกล้ ความห่างไม่เกิน 30 เซนติเมตร มือถือก็จะถึงใบหน้าเรา และบอกเราว่าไม่มีใครชอบถ้าถูกคนอื่นมาถ่ายคลิปเรา ระหว่างนี้เราถ่ายคลิปตลอด
เมื่อเขาอธิบายแล้วเรายังไม่ยอมลบ เราบอกว่าเรายังไม่ได้นำลงสู่โซเชียลเพราะฉะนั้นจึงไม่ผิด pdpa
จนท.C เดินไปยังกลุ่มคนที่น่าจะเป็นผู้ต้องหา และกลับมาพร้อมชายคนนึง , จนท.C แจ้งกับเราว่านี่คือผู้เสียหาย เราถ่ายติดเขา ให้เราลบคลิปตอนนี้ , ชายคนที่เดิมตามเจ้าหน้าที่มา ก็ได้พูดกับเราว่าเราถ่ายคลิปและมีเขาติดอยู่ในนั้น เขาไม่ต้องการให้มีคลิปเขาติด ให้เราลบคลิปออก เราอธิบายแก่ชายคนนั้นว่าเรายังไม่ได้ทำผิดกฎหมายข้อใด ยังไม่ได้คลิปลงสื่อโซเชียล เราไม่ผิด pdpa ,
จนท. C ได้ขอถ่ายบัตรประชาชนเราจาก application ThaiD พร้อมบอกเราว่า หากมีใครเห็นตนในคลิปของเราผ่านสื่อโซเชียลมีเดียก็ได้ตามเรามาดำเนินคดีได้ถูก เจ้าหน้าที่ได้ปล่อยให้เรากลับ ก่อนที่จะขับรถออกไป มีเจ้าหน้าที่D ถ่ายทะเบียนรถไว้
ต้องได้ทำคลิปยาวที่มีเหตุการณ์ทั้งหมดลงใน YouTube ชื่อคลิปว่า ทุกคนมีสิทธิโดน! เหตุการณ์ด่านสุดตึง!ถูกค้นตัว,ค้นรถ,เอามือถือใส่หน้า,ให้ลบคลิป!(คลิปเหตุการณ์จริง)
https://youtu.be/6WUCTwAcl2Y?si=VAQrAbb1WUrVB2fV
สามารถรับชมคลิปที่มีเหตุการณ์จริงประกอบการพิจารณาเหตุการณ์ได้เลยค่ะ
คลิปนี้ไม่เหมาะกับผู้มีสภาวะจิตใจอ่อนไหวง่าย เป็นซึมเศร้า หรือเสี่ยงการเป็นซึมเศร้าค่ะ
เป็นการเล่าเหตุการณ์ที่เจอเองในด่านตรวจแห่งหนึ่ง สถานการณ์สุดตึง!! และมีคลิปเหตุการณ์จริงค่ะ
เรื่องที่ผู้คนไม่ค่อยให้ความสนใจ แต่มีโอกาสเกิดขึ้นได้กับทุกคนนะคะ🥹
ทุกวันนี้เหตุการณ์ที่ด่านตรวจในครั้งนั้นยังติดอยู่ในใจตลอดเวลาเลยค่ะ