คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 3
ทำขำๆ 500-1000 ได้แน่ครับ แต่ต่อเดือนนะ 555 ทำจริงจังอะมันไม่เสี่ยงขาดทุน และ ไม่ได้ใช้ทุนเยอะ แต่มันก็เหมือนเราทำ เสียเวลาชีวิต และ ทำให้เราทำทั้งงานหลักก็เหนื่อย และ งานเสริมก็หมดเวลาชีวิตแล้วเงินทั้งหมด
ปกติธุรกิจพวกนี้ไม่ต้องซื้อแฟนไชล์ แต่ทำเองออนไลน์ทำส่งทดลองตลาดช่วงแรกๆ หรือ ทำไปสักระยะก็พอจะได้เงินนะ แต่ว่ามันน้อยมาก
แต่ถ้าเราลงทุนมากแล้วเป็นประเภทอาหาร ที่เสี่ยงบูดและขายไม่หมด คุณจะขาดทุนได้มากกว่ากำไร เพราะ ความเสี่ยงจากการขยาย product ทำให้ทุนกับกำไรที่เสียหายมันเยอะขึ้นไปด้วย
แต่สำหรับเงินเล็กน้อยอย่าง 500-1000 ให้นึกถึงคนทำสาวยาคูล หรือ คนทำขนมขายนิดๆ หน่อยๆ ไม่ได้ทำเยอะ กำไรก็ทำต่อชิ้น วันละไม่กี่ชิ้นก็ขายหมด ความเสี่ยงมันเลยต่ำมากครับ บางทีขายขาประจำหน้าเดิมๆ ก็เลยได้กำไร 5-20 บาทต่อวันไปเองครับ
บางคนวิ่งแกร๊บหรือรับจ้างขำๆ ก็ได้แล้วไม่เสียทุนอีก แต่มันจะง่ายแบบเงี้ยยิ่งเงินได้น้อย งานก็จะแบบสิ้นหวังแต่ได้แน่ได้ชัวร์
แต่โดยรวม แทบไม่ได้เยอะ เท่าที่คนเขาทำงานทางเดียวแต่ได้เยอะกว่า เขาเรียกว่า ปัญหาของการอยากได้อยากมีเงินไว แต่ไม่ได้เข้าใจหลักการของการ จ่ายแรงให้คุ้มกับเงินครับเราเลยทำงานหนัก เหนื่อยฟรี เครียดฟรี
แต่กลับกัน
เมื่อเราหวังจะทำธุรกิจจริงจัง ความเสี่ยงจะมากขึ้นอีกหลายสิบเท่า และ ทำให้ทุนที่ได้ก็สูง หรือ เป็นไปตามกฎ high risk high return นั่นแหละ
เสี่ยง stock ค้างมากขึ้น ขายไม่ออก ของไม่ระบาย จัดการไม่ได้ ทุนหมุนเวียนไม่มี ติดหนี้อีก บลาๆ พอมันใหญ่เกินกว่าการทำขำๆ งานมันจะทำให้เราเสี่ยงจ่ายเงินออกไปก่อน กำไรมาที่หลังมากขึ้น
และต้องใช้เวลาขายมากขึ้นเพราะ มันไม่มีทางที่เราจะขายของทั้งหมดออกทีเดียววันเดียว มันจะค่อยๆ ออก ค่อยๆ ไป และ ค่อยๆ ทวงกำไรคืนแล้วถึงสิ้นเดือนสรุปบัญชีก็จะทราบว่ากำไรหรือขาดทุน
นี่แหละธุรกิจ ทำไมมันฟังดูง่าย แต่เรื่องมากชิหัย เขาถึงไม่แนะนำให้ลาออกหรือทิ้งเงินจากงานประจำ แล้วไปทำธุรกิจเต็มตัวถ้าเราไม่รู้อะไรเลย
ผมเอาคำตอบมาให้เลย พวกเริ่มทำธึรกิจขำๆ หรือ ลองเช็คตลาด ก็จะได้เงินหรือกำไรประมาณนี้แหละ 100-200 พอได้ค่าขนมกินเล่นต่อเดือน แต่มันก็ไม่ได้เหนื่อยนะบางที
ผมเห็นมาแต่เด็กๆ แล้วบางคนอบขนมขำๆ ทำข้าวไปขายตอนเช้าหน้าโรงเรียน หน้าออฟฟิศ ดิ้นรนระดับนึงต้นทุนข้าวหรือขนมจำไม่ผิดนะ
ข้าวกล่องถ้าอร่อย 30 บาทครับต้นทุนรวมน้ำมันแล้วด้วย ไปขายสัก 50-60 บาทเงี้ย ทำ 10-20 กล่องก็ได้เน้นขายไวก็มาแล้ว 200-300 บาทเนอะแล้วก็ไม่ต้องทำนาน และ ไม่เสี่ยงข้าวบูดเยอะเพราะเราขายหมดไวมาก
แต่กลับกันลองไปดูร้านที่ทำออกมาขาย 100-200 กล่องดู แล้วคนเดินผ่านซื้อจริงแค่ 20-30 คน นั่นแหละครับเหตุผลที่ทำไมมันเป็นแบบนี้ทำเล่นๆ มันง่าย ทำจริงจังมันยาก
หลายคนพอรู้กฎนี้ ก็เลยไม่เล่นขายอาหาร แต่ไปเล่นขายสิ่งที่ บูดยาก หรือ สินค้าเสื้อผ้า ของเล่น บลาๆ ก็ไปช็อปมาจากชายแดนนั่นแหละ ไม่ก็ส่งจากจีนแต่!!! เขาไม่สั่งกันชิ้นสองชั้นหรอกนะเขาต้องลงเงินที 10000-30000 เลยครับคุณก็จะ get เองแหละว่าพอจ่ายเงินขนาดนี้ เอาของมาขายกว่าจะได้กำไรจากทั้งหมด ก็นั่นแหละ
เลยเกิดปัญหาใหม่ที่ชื่อว่า ของค้าง stock ขายไม่ออก ก็ไม่มีเงินไปซื้อของใหม่จนกว่าจะขายของเดิมหมด เพราะ ทุนวนไม่มี
ปกติธุรกิจพวกนี้ไม่ต้องซื้อแฟนไชล์ แต่ทำเองออนไลน์ทำส่งทดลองตลาดช่วงแรกๆ หรือ ทำไปสักระยะก็พอจะได้เงินนะ แต่ว่ามันน้อยมาก
แต่ถ้าเราลงทุนมากแล้วเป็นประเภทอาหาร ที่เสี่ยงบูดและขายไม่หมด คุณจะขาดทุนได้มากกว่ากำไร เพราะ ความเสี่ยงจากการขยาย product ทำให้ทุนกับกำไรที่เสียหายมันเยอะขึ้นไปด้วย
แต่สำหรับเงินเล็กน้อยอย่าง 500-1000 ให้นึกถึงคนทำสาวยาคูล หรือ คนทำขนมขายนิดๆ หน่อยๆ ไม่ได้ทำเยอะ กำไรก็ทำต่อชิ้น วันละไม่กี่ชิ้นก็ขายหมด ความเสี่ยงมันเลยต่ำมากครับ บางทีขายขาประจำหน้าเดิมๆ ก็เลยได้กำไร 5-20 บาทต่อวันไปเองครับ
บางคนวิ่งแกร๊บหรือรับจ้างขำๆ ก็ได้แล้วไม่เสียทุนอีก แต่มันจะง่ายแบบเงี้ยยิ่งเงินได้น้อย งานก็จะแบบสิ้นหวังแต่ได้แน่ได้ชัวร์
แต่โดยรวม แทบไม่ได้เยอะ เท่าที่คนเขาทำงานทางเดียวแต่ได้เยอะกว่า เขาเรียกว่า ปัญหาของการอยากได้อยากมีเงินไว แต่ไม่ได้เข้าใจหลักการของการ จ่ายแรงให้คุ้มกับเงินครับเราเลยทำงานหนัก เหนื่อยฟรี เครียดฟรี
แต่กลับกัน
เมื่อเราหวังจะทำธุรกิจจริงจัง ความเสี่ยงจะมากขึ้นอีกหลายสิบเท่า และ ทำให้ทุนที่ได้ก็สูง หรือ เป็นไปตามกฎ high risk high return นั่นแหละ
เสี่ยง stock ค้างมากขึ้น ขายไม่ออก ของไม่ระบาย จัดการไม่ได้ ทุนหมุนเวียนไม่มี ติดหนี้อีก บลาๆ พอมันใหญ่เกินกว่าการทำขำๆ งานมันจะทำให้เราเสี่ยงจ่ายเงินออกไปก่อน กำไรมาที่หลังมากขึ้น
และต้องใช้เวลาขายมากขึ้นเพราะ มันไม่มีทางที่เราจะขายของทั้งหมดออกทีเดียววันเดียว มันจะค่อยๆ ออก ค่อยๆ ไป และ ค่อยๆ ทวงกำไรคืนแล้วถึงสิ้นเดือนสรุปบัญชีก็จะทราบว่ากำไรหรือขาดทุน
นี่แหละธุรกิจ ทำไมมันฟังดูง่าย แต่เรื่องมากชิหัย เขาถึงไม่แนะนำให้ลาออกหรือทิ้งเงินจากงานประจำ แล้วไปทำธุรกิจเต็มตัวถ้าเราไม่รู้อะไรเลย
ผมเอาคำตอบมาให้เลย พวกเริ่มทำธึรกิจขำๆ หรือ ลองเช็คตลาด ก็จะได้เงินหรือกำไรประมาณนี้แหละ 100-200 พอได้ค่าขนมกินเล่นต่อเดือน แต่มันก็ไม่ได้เหนื่อยนะบางที
ผมเห็นมาแต่เด็กๆ แล้วบางคนอบขนมขำๆ ทำข้าวไปขายตอนเช้าหน้าโรงเรียน หน้าออฟฟิศ ดิ้นรนระดับนึงต้นทุนข้าวหรือขนมจำไม่ผิดนะ
ข้าวกล่องถ้าอร่อย 30 บาทครับต้นทุนรวมน้ำมันแล้วด้วย ไปขายสัก 50-60 บาทเงี้ย ทำ 10-20 กล่องก็ได้เน้นขายไวก็มาแล้ว 200-300 บาทเนอะแล้วก็ไม่ต้องทำนาน และ ไม่เสี่ยงข้าวบูดเยอะเพราะเราขายหมดไวมาก
แต่กลับกันลองไปดูร้านที่ทำออกมาขาย 100-200 กล่องดู แล้วคนเดินผ่านซื้อจริงแค่ 20-30 คน นั่นแหละครับเหตุผลที่ทำไมมันเป็นแบบนี้ทำเล่นๆ มันง่าย ทำจริงจังมันยาก
หลายคนพอรู้กฎนี้ ก็เลยไม่เล่นขายอาหาร แต่ไปเล่นขายสิ่งที่ บูดยาก หรือ สินค้าเสื้อผ้า ของเล่น บลาๆ ก็ไปช็อปมาจากชายแดนนั่นแหละ ไม่ก็ส่งจากจีนแต่!!! เขาไม่สั่งกันชิ้นสองชั้นหรอกนะเขาต้องลงเงินที 10000-30000 เลยครับคุณก็จะ get เองแหละว่าพอจ่ายเงินขนาดนี้ เอาของมาขายกว่าจะได้กำไรจากทั้งหมด ก็นั่นแหละ
เลยเกิดปัญหาใหม่ที่ชื่อว่า ของค้าง stock ขายไม่ออก ก็ไม่มีเงินไปซื้อของใหม่จนกว่าจะขายของเดิมหมด เพราะ ทุนวนไม่มี
แสดงความคิดเห็น
รู้สึกกดดันเรื่องเงิน เลยอยากทำธุรกิจส่วนตัวเป็นรายได้เสริม
ทำให้กดดันกับการเงินในอนาคต เช่น มีงานประจำทำแล้วก็ต้องมีธุรกิจส่วนตัวเสริมเข้าไปด้วย
ถามว่าไม่มีจะพอมีกินไหม ตอบได้ว่าพอมีค่ะ ไม่อดอยาก แค่จะไม่เติบโต
ทีนี้เลยอยากถามท่านผู้มีประสบการณ์ค่ะ
ถ้าทำธุรกิจอย่างคาเฟ่ กาแฟ เปิดสอนพิเศษ
แบบคร่าวๆ พวกนี้ มันได้เงินเยอะ เป็นกอบเป็นกำไหม