ตอนที่ 1: เริ่มต้นในแชท
บางความสัมพันธ์ไม่ได้เริ่มจากการสบตากันครั้งแรกในชีวิตจริง แต่เริ่มจากการกดหัวใจในสตอรี่ใครสักคน แล้วอีกฝ่ายก็ตอบกลับมาด้วยอีโมจิยิ้ม ๆ แบบที่เราห้ามหัวใจตัวเองไม่ให้เต้นแรงไม่ได้เลย ผมกับเธอก็เป็นแบบนั้น—แค่การคอมเมนต์สั้น ๆ ใน IG ทำให้ทุกเช้าที่ตื่นมา ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาก่อนจะลืมตาเต็มที่ เพื่อดูว่า… เธออัปสตอรี่ใหม่หรือยัง
และนี่คือจุดเริ่มต้นของเรื่องราว ที่ผมไม่เคยคิดเลยว่าจะพาผมไปถึง “บทสรุปสุดท้าย” ที่ไม่เคยได้พูดออกไป
มันเริ่มจากสตอรี่รูปกาแฟแก้วหนึ่งในมือเธอ พร้อมแคปชันว่า "กาแฟขม แต่ใจเราหวานนะ" กับอีโมจิหน้ายิ้มปิดตา ผมเลื่อนดูผ่าน ๆ แต่กลับย้อนกลับมาดูอีกทีอยู่หลายรอบ กดหัวใจไปอย่างเผลอตัว แล้วพิมพ์คอมเมนต์สั้น ๆ ไปว่า
“หวานจริงปะ 😏”
ไม่ถึงสองนาที เธอตอบกลับมาพร้อมอีโมจิขำกลิ้ง
“หวานมั้ยไม่รู้ ต้องลอง”
ตอนนั้นแหละ… มือผมเย็นไปหมด แต่หัวใจร้อนผ่าวเหมือนวิ่งขึ้นตึกสิบชั้น เธอ—“ฟ้า”—เป็นรุ่นเดียวกัน อยู่คณะเดียวกันด้วย แต่ไม่เคยคุยกันตรง ๆ มาก่อน
หลังจากวันนั้น แชทเราก็ไหลยาว จากเรื่องกาแฟไปเรื่องเพลง เรื่องหนัง และเรื่องไร้สาระที่ทำไมผมถึงยิ้มได้ทั้งวันก็ไม่รู้ เวลาเธอส่งสติกเกอร์น่ารัก ๆ มาที ผมก็เผลอแคปเก็บไว้หมด จนต้องทำไฮไลท์ใน IG ชื่อ "ของฟ้า" (แน่นอนว่าเป็นไฮไลท์ส่วนตัวที่ล็อกไว้ไม่ให้เธอเห็น)
วันหนึ่งผมลองแกล้งถามว่า
“ถ้าเราจะถ่ายรูปลงสตอรี่ ต้องแท็กฟ้ามั้ย” เธอตอบมาเร็วมาก “แท็กทำไมอะ เขิน”
ผมไม่รู้ว่าผู้ชายคนอื่นเป็นยังไง แต่สำหรับผม คำว่า “เขิน” จากเธอ มันเหมือนโบนัสชีวิตที่ได้ทุกเช้าเย็น
หลังคุยกันมาได้เกือบสองสัปดาห์ ฟ้าส่งสตอรี่รูปพาสต้ากับคาปูชิโน่ พร้อมแท็กโลเคชันเป็นคาเฟ่ในมหาลัย ผมกดตอบกลับไปว่า
“นั่งคนเดียวเหรอ” เธอตอบ “อือ คนเดียว แต่อยากมีคนมานั่งด้วย”
ผมไม่รอช้า รีบวิ่งจากตึกเรียนไปคาเฟ่นั้นทันที ในหัวคิดแค่ “ขอให้ยังนั่งอยู่” และใช่—เธอยังนั่งอยู่ตรงโต๊ะริมกระจก แสงแดดส่องลงมากระทบเส้นผมสีน้ำตาลเข้มของเธอเหมือนในโฆษณาน้ำหอม
“มาไวไปปะ” เธอยิ้มให้ทันทีที่เห็นผม “วิ่งมาอะ” ผมตอบไปแบบไม่ได้คิดมาก แต่จริง ๆ คือวิ่งจริง ๆ
เรานั่งคุยกันเกือบชั่วโมง เรื่องเรียน เรื่องเพื่อน เรื่องแมวของเธอ เสียงหัวเราะของเธอมันดังก้องในหัวผมตลอด ราวกับเป็นเพลงที่อยากเปิดซ้ำไม่มีเบื่อ
ก่อนกลับ เธอยืมฮู้ดดี้ผมไปเพราะอากาศในคาเฟ่เย็น ผมแกล้งบอกว่า “ซักแล้วไม่ต้องคืนนะ” เธอยิ้มบาง ๆ แล้วพูดว่า “ก็ไม่คืนอยู่แล้ว”
วันนั้นผมเดินกลับด้วยรอยยิ้มโง่ ๆ บนหน้า พร้อมกลิ่นน้ำหอมจากฮู้ดดี้ที่เธอสวมติดอยู่กับตัว
ผมไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่ผมรู้ว่า… ผมอยากคุยกับเธอทุกวัน และอยากให้วันพรุ่งนี้มาถึงเร็ว ๆ เพื่อที่จะได้กดหัวใจในสตอรี่เธออีกครั้ง
บทสรุปสุดท้าย "The Words I Never Said"
บางความสัมพันธ์ไม่ได้เริ่มจากการสบตากันครั้งแรกในชีวิตจริง แต่เริ่มจากการกดหัวใจในสตอรี่ใครสักคน แล้วอีกฝ่ายก็ตอบกลับมาด้วยอีโมจิยิ้ม ๆ แบบที่เราห้ามหัวใจตัวเองไม่ให้เต้นแรงไม่ได้เลย ผมกับเธอก็เป็นแบบนั้น—แค่การคอมเมนต์สั้น ๆ ใน IG ทำให้ทุกเช้าที่ตื่นมา ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาก่อนจะลืมตาเต็มที่ เพื่อดูว่า… เธออัปสตอรี่ใหม่หรือยัง
และนี่คือจุดเริ่มต้นของเรื่องราว ที่ผมไม่เคยคิดเลยว่าจะพาผมไปถึง “บทสรุปสุดท้าย” ที่ไม่เคยได้พูดออกไป
มันเริ่มจากสตอรี่รูปกาแฟแก้วหนึ่งในมือเธอ พร้อมแคปชันว่า "กาแฟขม แต่ใจเราหวานนะ" กับอีโมจิหน้ายิ้มปิดตา ผมเลื่อนดูผ่าน ๆ แต่กลับย้อนกลับมาดูอีกทีอยู่หลายรอบ กดหัวใจไปอย่างเผลอตัว แล้วพิมพ์คอมเมนต์สั้น ๆ ไปว่า
“หวานจริงปะ 😏”
ไม่ถึงสองนาที เธอตอบกลับมาพร้อมอีโมจิขำกลิ้ง
“หวานมั้ยไม่รู้ ต้องลอง”
ตอนนั้นแหละ… มือผมเย็นไปหมด แต่หัวใจร้อนผ่าวเหมือนวิ่งขึ้นตึกสิบชั้น เธอ—“ฟ้า”—เป็นรุ่นเดียวกัน อยู่คณะเดียวกันด้วย แต่ไม่เคยคุยกันตรง ๆ มาก่อน
หลังจากวันนั้น แชทเราก็ไหลยาว จากเรื่องกาแฟไปเรื่องเพลง เรื่องหนัง และเรื่องไร้สาระที่ทำไมผมถึงยิ้มได้ทั้งวันก็ไม่รู้ เวลาเธอส่งสติกเกอร์น่ารัก ๆ มาที ผมก็เผลอแคปเก็บไว้หมด จนต้องทำไฮไลท์ใน IG ชื่อ "ของฟ้า" (แน่นอนว่าเป็นไฮไลท์ส่วนตัวที่ล็อกไว้ไม่ให้เธอเห็น)
วันหนึ่งผมลองแกล้งถามว่า
“ถ้าเราจะถ่ายรูปลงสตอรี่ ต้องแท็กฟ้ามั้ย” เธอตอบมาเร็วมาก “แท็กทำไมอะ เขิน”
ผมไม่รู้ว่าผู้ชายคนอื่นเป็นยังไง แต่สำหรับผม คำว่า “เขิน” จากเธอ มันเหมือนโบนัสชีวิตที่ได้ทุกเช้าเย็น
หลังคุยกันมาได้เกือบสองสัปดาห์ ฟ้าส่งสตอรี่รูปพาสต้ากับคาปูชิโน่ พร้อมแท็กโลเคชันเป็นคาเฟ่ในมหาลัย ผมกดตอบกลับไปว่า
“นั่งคนเดียวเหรอ” เธอตอบ “อือ คนเดียว แต่อยากมีคนมานั่งด้วย”
ผมไม่รอช้า รีบวิ่งจากตึกเรียนไปคาเฟ่นั้นทันที ในหัวคิดแค่ “ขอให้ยังนั่งอยู่” และใช่—เธอยังนั่งอยู่ตรงโต๊ะริมกระจก แสงแดดส่องลงมากระทบเส้นผมสีน้ำตาลเข้มของเธอเหมือนในโฆษณาน้ำหอม
“มาไวไปปะ” เธอยิ้มให้ทันทีที่เห็นผม “วิ่งมาอะ” ผมตอบไปแบบไม่ได้คิดมาก แต่จริง ๆ คือวิ่งจริง ๆ
เรานั่งคุยกันเกือบชั่วโมง เรื่องเรียน เรื่องเพื่อน เรื่องแมวของเธอ เสียงหัวเราะของเธอมันดังก้องในหัวผมตลอด ราวกับเป็นเพลงที่อยากเปิดซ้ำไม่มีเบื่อ
ก่อนกลับ เธอยืมฮู้ดดี้ผมไปเพราะอากาศในคาเฟ่เย็น ผมแกล้งบอกว่า “ซักแล้วไม่ต้องคืนนะ” เธอยิ้มบาง ๆ แล้วพูดว่า “ก็ไม่คืนอยู่แล้ว”
วันนั้นผมเดินกลับด้วยรอยยิ้มโง่ ๆ บนหน้า พร้อมกลิ่นน้ำหอมจากฮู้ดดี้ที่เธอสวมติดอยู่กับตัว
ผมไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่ผมรู้ว่า… ผมอยากคุยกับเธอทุกวัน และอยากให้วันพรุ่งนี้มาถึงเร็ว ๆ เพื่อที่จะได้กดหัวใจในสตอรี่เธออีกครั้ง