โมเดลธุรกิจสายบุญยุคใหม่ อินฟลูชื่อดัง คอลแลป วัดดัง ออกเรี่ยไรเงินบริจาค จบด้วยส่วนแบ่ง 30:70 หอมหวานอิ่มเอมทั้งสองฝ่าย

เมื่อชาวพุทธผูกการทำบุญเข้ากับแต้มบุญ เหมือนแต้มสะสมไปสู่สวรรค์ ชาติหน้าที่ดีกว่า พรุ่งนี้ที่ดีกว่า การทำบุญเพื่อหวังจะได้บางอย่างกลับมา จึงอยู่ในความคิดของชาวพุทธส่วนใหญ่
ส่วนชาวพุทธที่จะช่วยแบบให้เปล่า ไม่คิดอะไรเลย แทบจะไม่มี (ยอมรับเถอะ)

ใจความสำคัญ
ทำบุญ บริจาค เท่ากับ แต้มบุญสะสม ทางลัดของชีวิตที่ดีขึ้น

ด้วยใจความสำคัญที่ว่ามา ทำให้เข้าทางคนหัวใส เช่น อินฟลูชื่อดังแต่สายดาร์ก และวัดชื่อดังผู้ไม่เคยพอใจในเงินบริจาค สิบล้าน พันล้าน ร้อยล้าน กระทั่งหมื่นล้าน ยังคงน้อยไป

สองฝ่ายจึงคอลแลปกัน (collaboration = ร่วมมือ) ดึงฐานแฟนคลับของแต่ละฝั่ง ให้ควักเงินในกระเป๋าออกมาบริจาค
จากญาติโยมวัดฝั่งเดียว หากบวกฐานแฟนคลับของอินฟลูเข้าไป เงินบริจาคจึงมีโอกาสเพิ่มขึ้นหลายเท่า

ผลิตภัณฑ์จูงใจ
วัด...ออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆจูงใจสายบุญ สายขี้สงสาร ใจบาง เช่น โครงการต่างๆ ไถ่โค ไถ่ควาย ไถ่แพะ แกะ ไถ่สารพัดจะไถ่  หรือช่วยคนป่วย ช่วยนั่นนี่สะระตะจะช่วย โครงการออกมารัวๆ เรียกความสงสารจากญาติโยมและแฟนๆของอินฟลูคนดัง
ต้นทุน
บุคลากรสายสนุบสนุน / ใบอนุโมทนา / ฝีปาก / ชื่อเสียงวัดที่สั่งสมมา / ชื่อเสียงอินฟลูคนดัง และอื่นๆ
กลุ่มลูกค้าเป้าหมาย
คนไทยสายบุญผู้กระสันต์ในแต้มบุญ ก็แห่แหนกันไปทำบุญกันมืดฟ้ามัวดิน เสียเงินแล้วสบายใจ บางคน เสียเงินยิ่งเยอะ ยิ่งสบายใจ ทั้งที่ชีวิตประจำวันสุดจะประหยัด ปากกัดตีนถีบ บ้างเป็นหนี้ท่วมหัว บ้านรถผ่อนทุกอย่าง หรือไม่มีปัญญาแม้แต่จะซื้อบ้าน แต่พอได้เสียเงินเพราะทำบุญ กลับอิ่มเอมใจว่าตนนั้นได้แต้มบุญมาแล้ว ชาติหน้าต้องดี พรุ่งนี้ต้องดี (แน่ๆเลย)

หันมาทางอินฟลูและวัด หักส่วนแบ่ง 30 ต่อ 70 ดีลธุรกิจกันได้แบบวินวิน อิ่มหมีพีมันกันไป

หันมาดูคนบริจาคผู้บ้าแต้มบุญ วันนี้ชีวิตคุณเป็นอย่างไร เพียงพอจะเกษียณอย่างมั่นคงหรือยัง คนรอบตัวที่คุณรักและเคารพ มีชีวิตที่ดีหรือยัง ก่อนจะควักเงินไปบริจาควันละนิดละหน่อย ไปจนถึงทุ่มเงินมหาศาล ควรทำชีวิตตัวเองให้พอดีก่อน จะดีกว่า