JJNY : ‘วาสนา’โต้กัมพูชายันไทยทำถูกต้อง│สส.ปชน.หนุนแบงก์ชาติ│เช้านี้ทองร่วงแรงตามตลาดโลก│ออสเตรเลียเตรียมรับรองปาเลสไตน์

‘วาสนา’โต้กัมพูชา ปมเสริมลวดหนาม-ถุงทรายรอบปราสาทตาเมือนธม ยันไทยทำถูกต้อง
https://www.dailynews.co.th/news/5006122/
.

.

“วาสนา นาน่วม” ชี้ การเสริมลวดหนามและถุงทรายรอบปราสาทตาเมือนธม เป็นมาตรการป้องกันปกติ ไม่ขัด 13 ข้อตกลงหยุดยิง ย้ำเหตุยิงหนังสติ๊กเริ่มจากฝั่งเขมรไม่ใช่ไทย
.
จากกรณี “ฮุน เซน” โพสต์ภาพอ้างทหารไทยยิงหนังสติ๊กใส่ทหารเขมร แม้ดูเป็นเรื่องขบขันเล็กๆ น้อยๆ แต่อาจบานปลายกลายเป็นใช้อาวุธทุกชนิด เป็นการละเมิดข้อตกลงหยุดยิง หวังว่ากองทัพไทยจะสั่งให้ทหารไทยหยุด และหากพบกองทัพกัมพูชาทำเช่นนี้ก็จะสั่งให้ทหารหยุดทันที ตามที่ข่าวเสนอไปก่อนหน้านี้
.
เมื่อวันที่ 11 ส.ค. 68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า “วาสนา นาน่วม” นักข่าวสายทหาร ได้ออกมาโพสต์กรณีการเสริมลวดหนาม-ถุงทรายรอบปราสาทตาเมือนธม เป็นเพียงการป้องกัน ไม่ขัดข้อตกลงหยุดยิง ขณะเดียวกัน ฝั่งกัมพูชาก็ทำเช่นเดียวกัน และเหตุยิงหนังสติ๊กเริ่มจากฝั่งเขมรไม่ใช่ไทย ลงเฟซบุ๊กส่วนตัว  “Wassana Nanuam”
.
โดยเจ้าของโพสต์ ระบุข้อความว่า “ทหารไทยป้องกัน “ปราสาทตาเมือนธม” อย่างเข้มแข็ง นอกจากล้อมลวดหนามแล้ว ยังมีกระสอบทรายทำฐานที่มั่น ป้องกันการถูกโจมตีด้วย สื่อกัมพูชาและโซเชียลมีเดียรายงานภาพและคลิป พลตรี เนี๊ยะ วง ผบ.พล.ร.น้อย 42 กัมพูชา ที่คุมพื้นที่แนวหลังปราสาทตาเมือนธม พาคณะ ผู้ช่วยทูตทหาร 9 ประเทศ ลงพื้นที่ แนวหลังปราสาทตาเมือนธมในฝั่งเขมร”
.
อีกทั้ง “โดยกล่าวหาไทยละเมิดข้อตกลงหยุดยิง ด้วยการเอาถุงทรายล้อมปราสาทตาเมือนธม ทำบังเกอร์ แม้กัมพูชาจะเตือนว่าอย่าทำ แต่ไทยไม่ฟัง แถมตอนกลางคืนยังใช้การยิงหนังสติ๊ก เข้าใส่ทหารกัมพูชาด้วย ทั้งนี้ ในข้อตกลงหยุดยิง 13 ข้อ ไม่ได้ห้ามการป้องกันฐานที่มั่น”
.
อย่างไรก็ตาม “ขณะที่ฝ่ายกัมพูชาก็นำกำลังทหาร พร้อมอาวุธหนัก และถุงทรายเข้าในปราสาทตาควายเช่นกัน แล้วทหารเขมรที่ปราสาทตาควายเป็นฝ่ายเริ่มใช้หนังสติ๊กยิงใส่ทหารไทย  พลตรี เนี๊ยะ วง รอดชีวิตจากการสู้รบ และมีภาพร้องไห้ขณะมีคนเขมรมากอดเยี่ยมให้กำลังใจ”
.
ขอบคุณข้อมูล : Wassana Nanuam
.
https://www.facebook.com/WassanaJournalist/posts/pfbid02RTGUnRG6rDZKbqiM8GrquB4CyhfHrNyYELPcvkiHchPNdMAs6wdQVi7oLuPVab3Jl?rdid=ItvfK6WA39I1DBmw#
.

.

.

.

เมื่อวันที่ 11 ส.ค. 2568 นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ สส.กทม. พรรคประชาชน (ปชน.) กล่าวถึงกรณีธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ออกประกาศมาตรการใหม่ 2 ฉบับ เพื่อยกระดับความปลอดภัยในการทำธุรกรรมดิจิทัลและกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ (e-Money) บนมือถือ ว่าถือเป็นก้าวสำคัญในการป้องกันอาชญากรรมทางการเงินออนไลน์ที่กำลังระบาดหนัก และมีวิธีการหลอกลวงซับซ้อนขึ้นทุกวัน

.

“มาตรการนี้ช่วยให้ระบบมีภูมิคุ้มกันเพิ่มขึ้น ทั้งการยืนยันตัวตนขั้นสูง การจำกัดการติดตั้งแอปจากช่องทางทางการเท่านั้น ไปจนถึงการบล็อกเครื่องที่ถูก Root หรือ Jailbreak ซึ่งเป็นเรื่องดี แต่สิ่งสำคัญคือต้องทำให้ขั้นตอนไม่ซับซ้อนเกินไป โดยเฉพาะกับผู้สูงอายุหรือผู้ที่ไม่ถนัดเทคโนโลยี” นายณัฐชา กล่าว

.

นายณัฐชา เสนอให้ ธปท. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดตั้ง ศูนย์รับแจ้งเหตุออนไลน์กลาง ที่สามารถสั่งระงับธุรกรรมได้ทันทีเมื่อพบความผิดปกติ รวมถึงเพิ่มการสื่อสารเชิงรุกให้ประชาชนตระหนักรู้ภัยการเงินออนไลน์ และวิธีใช้งาน Mobile Banking อย่างปลอดภัย

.

นายณัฐชา ตั้งข้อสังเกตว่า ในประกาศดังกล่าวยังไม่ได้กล่าวถึงการเอาผิดหรือกำหนดความรับผิดชอบของธนาคารโดยตรง ทั้งที่ธนาคารถือเป็นกลไกสำคัญซึ่งสามารถตรวจสอบความเคลื่อนไหวของเงินในบัญชี และประเมินได้ว่าธุรกรรมใดมีลักษณะผิดปกติ หากธนาคารละเลยจนเกิดความเสียหาย ควรต้องมีส่วนร่วมในการรับผิดและชดเชยให้กับผู้เสียหาย เพราะกลไกของมิจฉาชีพจำนวนมากในปัจจุบันกลับกลายเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ธนาคารมีรายได้และผลกำไรเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล ซึ่งสวนทางกับความรู้สึกของประชาชนที่ได้รับผลกระทบ

.

“ความปลอดภัยทางการเงินไม่ได้มาจากเทคโนโลยีเพียงอย่างเดียว แต่ต้องมาจากความรู้ ความเข้าใจ และความรับผิดชอบร่วมกันของทั้งผู้ใช้ ผู้ให้บริการ และหน่วยงานกำกับดูแล” นายณัฐชา กล่าว

.

ข้อมูลจาก: Nattacha Boonchaiinsawat - ณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์

.

เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์ซื้อขายทองคำของสมาคมค้าทองคำประจำวันนี้ (11 ส.ค.) ว่า ทันทีที่เปิดซื้อขายเมื่อเวลา 09.05 น. ราคาทองปรับลดลงทันที 250 บาท ส่งผลให้ทองคำแท่งขายออกอยู่ที่ 51,700 บาทต่อบาททองคำ และทองรูปพรรณขายออกอยู่ที่ 52,500 บาทต่อบาททองคำ

.

ทั้งนี้สมาคมค้าทองคำวิเคราะห์ว่า ราคาทองคำ Spot เช้าวันจันทร์ร่วงลงแรงจากสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาจากแรงเทขายทางเทคนิค หลังจากเมื่อวันศุกร์ปรับตัวเพิ่มขึ้นทำจุดสูงสุดบริเวณ 3,400 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ส่วนสัปดาห์นี้จับตาตัวเลขเงินเฟ้อเพื่อประเมินแนวโน้มทิศทางอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) ด้านราคาทองในประเทศเปิดตลาดลงแรงตาม

.

ราคาทองคำตลาดโลกเช้าวันจันทร์ปรับตัวลงแรงกว่า 20 ดอลลาร์ สู่บริเวณแถวๆ 3,377 ดอลลาร์ต่อออนซ์ จากสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาบริเวณ 3,397 ดอลลาร์ต่อออนซ์ จากแรงเทขายทำกำไรทางเทคนิคหลังจากราคาปรับตัวขึ้นทดสอบระดับสูงสุดบริเวณ 3,400 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในวันศุกร์ จากความวิตกกังวลจากรายงานข่าวที่ว่ารัฐบาลของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ได้ประกาศกำหนดภาษีนำเข้าทองคำแท่งขนาด 1 กิโลกรัม ในอัตราที่ 39% จากเดิมที่การนำเข้าทองคำแท่งเพื่อการลงทุนถือเป็นสินค้าปลอดภาษี (0%) ส่งผลทำให้สัญญาซื้อขายล่วงหน้าทองคำโคเม็กซ์ (COMEX) ดีดตัวขึ้นทันทีทะลุระดับ 3,500 ดอลลาร์ แตะระดับ 3,534.10 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และราคาทองคำ Spot พุ่งขึ้นแรงดังกล่าว

.

คืนวันนี้ไม่มีรายงานเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐ ส่วนสัปดาห์นี้มีรายงานเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐไม่มากแต่มีความสำคัญให้ติดตามเป็นอย่างมากทั้งดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) และดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) โดยเฉพาะดัชนี CPI ถือเป็นข้อมูลเงินเฟ้อสำคัญที่เฟด นำไปใช้ประกอบการพิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ซึ่งคาดการณ์ล่าสุดระบุว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอย่างน้อย 2 ครั้งในปีนี้ โดยจะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในการประชุมประจำเดือนก.ย. หลังการเปิดเผยข้อมูลการจ้างงานนอกภาคการเกษตรประจำเดือนก.ค. ที่ออกมาอ่อนแอเกินคาดมาก และล่าสุดจำนวนผู้ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ก็ออกมาสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์บ่งชี้ถึงภาวะซบเซาของตลาดแรงงานสหรัฐ

.

ซึ่งล่าสุดรายงานของ CME Group ระบุว่า มีโอกาสมากถึง 95.2% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมเดือนก.ย. เพิ่มขึ้นอย่างมากจากระดับ 46.7% ในสัปดาห์ที่แล้ว

.

นอกจากนี้ติดตามการเปิดเผยดัชนียอดขายปลีกประจำเดือนก.ค. จำนวนผู้ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ดัชนีภาคการผลิตอุตสาหกรรมประจำเดือนก.ค. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภครัฐมิชิแกนเดือนส.ค. เป็นต้น

.

ประกาศราคาทองในประเทศเปิดตลาดเช้าวันจันทร์ปรับตัวลงแรง 250 บาท สู่บริเวณ 52,700 บาท หลังจากประกาศราคาซื้อขายทองคำวันเสาร์ราคาไม่เปลี่ยนแปลงจากวันศุกร์บริเวณ 51,950 บาท ขณะที่ค่าเงินบาทวันนี้แข็งค่าบริเวณแถวๆ 32.33 เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่กดดันให้ทองคำในประเทศปรับตัวลงแรงดังกล่าว