ฝึก​ภาวนา​ต้อง​ปล่อย​จิต​เป็น​ไป​เอง​ อย่า​บังคับ​

ให้จิตเป็นไปเอง อย่าบังคับ

"เมื่อจิตของเรานึกพุทโธเอง อยู่...ตลอดเวลา
ก็ปล่อยให้มัน อยู่...อย่างนั้น
อย่า ไปฝืนมัน
อย่า ไปบังคับให้มันสงบ
อย่า ไปคิดอย่างอื่น แม้แต่คิดว่า...
เมื่อไรจิตจะสงบ ก็อย่าไปคิด
ในขณะที่เรานึกพุทโธๆๆ อยู่...อะไรจะเกิดขึ้น ก็ให้เฉย อยู่...

ความรู้สึกว่า กายเบาเกิดขึ้น ก็เฉยอยู่...
ความรู้สึกว่า จิตเบาเกิดขึ้นก็เฉยอยู่...
ความรู้สึกว่า กายสงบจากทุกขเวทนาก็เฉยอยู่ รู้สึกว่า จิตสงบ คือสงบจากความฟุ้งซ่านรำคาญก็เฉย อยู่...
อย่า ไปเอะใจใดๆ ทั้งนั้น เมื่อรู้สึกว่ากายเบาอย่างเต็มที่ จิตเบาอย่างเต็มที่
มีความรู้สึกคล้ายๆ กับว่าตัวลอยอยู่บนอากาศ
ก็กำหนดรู้จิตเฉย อยู่...

จิตเกิดสว่าง ก็เฉยอยู่...
จิตมืด ก็เฉยอยู่...
ให้รู้อยู่...ที่จิต ให้มีสติรู้พร้อมอยู่ที่จิต
อย่างเดียว
อย่า...ไปพยายามตั้งใจคิดอะไรขึ้นมา
ในขณะนั้น...
หน้าที่ของเรา เพียงดู...จิตเฉยๆ อยู่เท่านั้น
เอาจิต นั่นแหละ ดู...จิต

เมื่อเรามีความรู้สึกตั้งใจ อยู่...ในจิต
เป็นการเอาจิต ดู...จิต  
เมื่อตั้งใจเอาจิต ดูจิตได้ชื่อว่าเป็นการตั้งสติ
ไว้ที่จิต เมื่อจิตยังนึกบริกรรมภาวนาอยู่...
บริกรรมภาวนา เป็นสิ่งรู้ของจิต
เป็นอารมณ์ของจิต และบริกรรมภาวนา
เป็นที่อาศัยระลึกของสติ...

อารมณ์จิต คือสิ่งรู้...ของจิต
แล้วก็จิต ผู้รู้...สติควบคุมกำกับอยู่ ทั้ง๓.อย่างพร้อมกัน อยู่...ในจุดเดียว
ในขณะจิตเดียวได้ชื่อว่า...จิตมีวิตก วิจาร
ตามองค์ฌานที่ท่านกล่าวไว้ เมื่อจิตบริกรรมภาวนา คือวิตก อยู่...ตลอดเวลา
มีสติรู้พร้อม อยู่...ตลอดเวลา เขาจะนึก
พุทโธๆๆ ของเขาอยู่...ตลอดเวลา ตลอด ๒๔.ชั่วโมง

ปล่อยให้เขานึกอยู่อย่าง นั้น...
อย่า ไปขัดไปขวางเขา บางทีเราพูด เราคิดอะไรอยู่...ก็ไปคล้ายๆ กับว่าจิตในส่วนลึก
ยังนึกพุทโธอยู่...ตลอดเวลา ก็ปล่อยให้เป็น
ไป หน้าที่ของเรา มีแต่ให้มีสติ รู้...อยู่เท่านั้น

นี่คือ...
หลักปฏิบัติเกี่ยวกับบริกรรมภาวนา."



คัดมาจากหนังสือฐานิยปูชา ๒๕๔๘
หน้า ๕๑-๕๒
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่