ข้อมูลจาก Poland’s State Fire Service รายงานโดย New Mobility Association (PSNM) บอกว่า รถ EV มีอัตราการเกิดไฟไหม้พอๆ กับรถน้ำมัน โดยมาจากรายงานการวิเคราะห์การเกิดไฟไหม้ในโปแลนด์ช่วงครึ่งแรกของปีนี้
พบว่า อัตราส่วนรถน้ำมันที่เกิดไฟไหม้คิดเป็น 98.4% โดยตั้งแต่เดือน ม.ค.-มิ.ย. 2025 มีทั้งหมด 4,712 เคส จะเป็น
- รถน้ำมันล้วน – 4,636 เคส
- รถไฟฟ้าล้วน BEV – 23 เคส
- รถไฮบริด HEV / PHEV – 54 เคส
สามารถทำเป็นอัตราการเกิดไฟไหม้ต่อ 1,000 คัน สำหรับรถในโปแลนด์ได้ดังนี้ (เดือน ม.ค.-มิ.ย. 2025)
- รถน้ำมันล้วน – 0.23
- รถไฟฟ้าล้วน BEV – 0.23
- รถไฮบริด HEV / PHEV – 0.04
- รถไฮโดรเจนฟิวเซล FCEV – 0.00
- การทำเป็นอัตราต่อ 1,000 คันน่าจะเท่าเทียมกับทุกฝ่าย เพราะในโปแลนด์ รถ EV มีส่วนแบ่งการตลาดเพียง 8% เท่านั้น ทำให้เห็นได้ชัดว่า รถน้ำมันและรถไฟฟ้าล้วน มีอัตราการเกิดไฟไหม้แทบไม่ต่างกันเลย ส่วนรถไฮบริดจะเกิดไฟไหม้ได้น้อยกว่า
ถ้าลองมองภาพใหญ่กว่านั้น สถิติจากปี 2020 – 2025 ของโปแลนด์ จากเคสไฟไหม้รถทั้งหมด 51,142 เคส จะเป็น
รถน้ำมันล้วน – 50,833 เคส (99.39%)
รถไฮบริด HEV / PHEV – 222 เคส (0.43%)
รถไฟฟ้าล้วน BEV – 87 เคส (0.17%)
- สาเหตุที่ทำให้รถ BEV เกิดไฟไหม้ ไม่จำเป็นต้องมาจากแรงดันสูงเสมอไป แต่ Poland’s State Fire Service บอกว่ามีสาเหตุอื่น เช่น การทำงานผิดพลาดของระบบไฟฟ้า, การติดไฟจากส่วนอื่นของรถ และ การเกิดอุบัติเหตุ แต่ครึ่งหนึ่งของการเกิดไฟไหม้รถ EV เกิดจากแบตเตอรี่อยู่นะ
- ส่วนประเทศอื่นก็คล้ายๆ กัน ในปี 2022 สำนักงานเหตุฉุกเฉินพลเรือนของสวีเดน (MSB) ระบุว่ามีเหตุไฟไหม้รถ EV เพียง 23 ครั้ง จากยอดรถไฟฟ้าทั้งหมด 611,000 คันที่วิ่งได้อยู่ เทียบกับรถน้ำมันที่เกิดไฟไหม้ 3,400 ครั้งจากรถทั้งหมด ~4,400,000 คัน
คิดอัตราการเกิดไฟไหม้รถ EV ในสวีเดน อยู่ที่ 0.004% ส่วนรถน้ำมันอยู่ที่ 0.08%
- แม้อัตราการเกิดไฟไหม้ในรถไฟฟ้า BEV จะไม่ได้มากอย่างที่คิด แต่ก็มีแง่มุมบางอย่างที่แอบน่ากลัว เพราะเมื่อแบตเตอรี่แรงดันสูงติดไฟขึ้นมา อาจต้องใช้เวลาเป็นชั่วโมงให้กระบวนการ thermal runaway สงบลงไป แถมนักดับเพลิงที่จัดการกับรถไฟฟ้าได้ยังมีไม่มากนัก
สถิติล่าสุดเผย รถ EV ไม่ได้เกิดไฟไหม้บ่อย อย่างที่หลายคนคิด!