ในแต่ละศาสนา ก็จินตนาการไม่เหมือนกัน
ถ้ามีจริง ต้องเป็นสากลสิ ทุกชาติ ทุกภาษา เจอเหมือนกัน สวรรค์มีหกชั้น ก็ต้องหกชั้นเป็นสากล
ไม่ใช่ศาสนาหนึ่งบอกอย่างหนึ่ง อีกศาสนาบอกอีกอย่าง แม้แต่ศาสนาเดียวกัน แต่คนละนิกาย ยังบอกไม่เหมือนกัน
ส่วนเรื่องเห็นผี ก็เป็นเพียงประสาทหลอน
John Forbes Nash อัจฉริยะนักคณิตศาสตร์รางวัลโนเบล เห็นเด็กผู้หญิงคนหนึ่งคอยติดตามเขาตลอดเวลา
พูดคุยกับเขาได้ด้วย แต่เขาสงสัยว่า ไม่ว่าเวลาผ่านไปกี่ปี เด็กผู้หญิงคนนี้ก็ตัวเท่าเดิม
ทำให้เขาฉุกคิดได้ว่า เด็กคนนี้เขาเห็นคนเดียว และไม่มีตัวตนจริงๆ
เขาเป็นนักวิทยาศาสตร์ ไม่เชื่อเรื่องผี เลยไปรักษากับจิตแพทย์ จนหายขาด
จอห์น แนช ไม่ได้เห็นเพียงเด็กผู้หญิง เขายังมีเพื่อนแวะเวียนมาหาอีกสองคน เป็นผู้ใหญ่แล้ว
แต่หลังรักษาหาย เขาก็รู้ว่า สองคนนั้นไม่มีอยู่จริงเช่นกัน (ใครสนใจประวัติเขาให้ไปดูเรื่อง
A Beautiful Mind)
เรื่องนี้ พิสูจน์ได้ชัดเลยว่า การเห็นผี เป็นเพียงความผิดปกติของสมอง
เรื่องชาติ ภพ ก็เหมือนกัน ศึกษาหลักธรรมมามาก ไม่เห็นพระพุทธองค์ทรงบอกว่า ชาติหน้ามีจริง สักครั้ง
พระองค์แค่บอกว่า มีเงื่อนไข จากสิ่งนั้น ทำให้เกิดสิ่งนี้ แล้วมีการเกิดอีก
เหมือนลูกมะม่วง ที่ออกจากต้นมะม่วง สรุปก็คือตัวตนเราหายไปเลย การเกิดใหม่ก็เป็นสิ่งใหม่ เพียงแต่มันมีเงื่อนให้เกิด แต่ไม่ใช่ตัวเราแล้ว
เปลือกของธรรมะ เป็นเรื่องที่เขียนขึ้นมาทีหลังพุทธกาลทั้งนั้น เลยเชื่อกันเป็นตุเป็นตะ ว่าพระพุทธเจ้าทรงสอน
แก่นของธรรมะจริงๆ เป็นเรื่องของชาติภพปัจจุบันเท่านั้น การเกิดตาย ก็คือ การเกิดตายในทาง ปฏิจจสมุปบาท ที่เกิดขึ้นน้บไม่ถ้วนในชีวิตเรา
ท่านพุทธทาสภิกขุ ก็เคยบอก ว่าแก่นของธรรม อยู่ที่ปัจจุบัน และ สุญญตาเท่านั้น
อาจเป็นไปได้ว่า พระพุทธทรงพบว่า หลังการตายไม่มีอะไรเหลือเลย และสุญญตา ก็คือการอธิบายในเรื่องนั้น
ส่วนเรื่องภพภูมิ สวรรค์กี่ชั้นๆ นรกกี่ขุมๆๆ เป็นเรื่องมาแต่งขึ้นทีหลัง
เป็นไปได้ไหม เรื่องผี วิญญาณ ชาติภพ เป็นเพียงจินตนาการของสมอง
ถ้ามีจริง ต้องเป็นสากลสิ ทุกชาติ ทุกภาษา เจอเหมือนกัน สวรรค์มีหกชั้น ก็ต้องหกชั้นเป็นสากล
ไม่ใช่ศาสนาหนึ่งบอกอย่างหนึ่ง อีกศาสนาบอกอีกอย่าง แม้แต่ศาสนาเดียวกัน แต่คนละนิกาย ยังบอกไม่เหมือนกัน
ส่วนเรื่องเห็นผี ก็เป็นเพียงประสาทหลอน
John Forbes Nash อัจฉริยะนักคณิตศาสตร์รางวัลโนเบล เห็นเด็กผู้หญิงคนหนึ่งคอยติดตามเขาตลอดเวลา
พูดคุยกับเขาได้ด้วย แต่เขาสงสัยว่า ไม่ว่าเวลาผ่านไปกี่ปี เด็กผู้หญิงคนนี้ก็ตัวเท่าเดิม
ทำให้เขาฉุกคิดได้ว่า เด็กคนนี้เขาเห็นคนเดียว และไม่มีตัวตนจริงๆ
เขาเป็นนักวิทยาศาสตร์ ไม่เชื่อเรื่องผี เลยไปรักษากับจิตแพทย์ จนหายขาด
จอห์น แนช ไม่ได้เห็นเพียงเด็กผู้หญิง เขายังมีเพื่อนแวะเวียนมาหาอีกสองคน เป็นผู้ใหญ่แล้ว
แต่หลังรักษาหาย เขาก็รู้ว่า สองคนนั้นไม่มีอยู่จริงเช่นกัน (ใครสนใจประวัติเขาให้ไปดูเรื่อง A Beautiful Mind)
เรื่องนี้ พิสูจน์ได้ชัดเลยว่า การเห็นผี เป็นเพียงความผิดปกติของสมอง
เรื่องชาติ ภพ ก็เหมือนกัน ศึกษาหลักธรรมมามาก ไม่เห็นพระพุทธองค์ทรงบอกว่า ชาติหน้ามีจริง สักครั้ง
พระองค์แค่บอกว่า มีเงื่อนไข จากสิ่งนั้น ทำให้เกิดสิ่งนี้ แล้วมีการเกิดอีก
เหมือนลูกมะม่วง ที่ออกจากต้นมะม่วง สรุปก็คือตัวตนเราหายไปเลย การเกิดใหม่ก็เป็นสิ่งใหม่ เพียงแต่มันมีเงื่อนให้เกิด แต่ไม่ใช่ตัวเราแล้ว
เปลือกของธรรมะ เป็นเรื่องที่เขียนขึ้นมาทีหลังพุทธกาลทั้งนั้น เลยเชื่อกันเป็นตุเป็นตะ ว่าพระพุทธเจ้าทรงสอน
แก่นของธรรมะจริงๆ เป็นเรื่องของชาติภพปัจจุบันเท่านั้น การเกิดตาย ก็คือ การเกิดตายในทาง ปฏิจจสมุปบาท ที่เกิดขึ้นน้บไม่ถ้วนในชีวิตเรา
ท่านพุทธทาสภิกขุ ก็เคยบอก ว่าแก่นของธรรม อยู่ที่ปัจจุบัน และ สุญญตาเท่านั้น
อาจเป็นไปได้ว่า พระพุทธทรงพบว่า หลังการตายไม่มีอะไรเหลือเลย และสุญญตา ก็คือการอธิบายในเรื่องนั้น
ส่วนเรื่องภพภูมิ สวรรค์กี่ชั้นๆ นรกกี่ขุมๆๆ เป็นเรื่องมาแต่งขึ้นทีหลัง