สวัสดีครับ
วันนี้ผมอยากมาแชร์เรื่องบางอย่างที่มันทั้งอ่อนไหวและสำคัญที่สุดในชีวิตผม
ไม่ใช่แค่เรื่องสุขภาพ… แต่มันคือเรื่องของหัวใจ
ผมกับแฟน (เราเป็นคู่ชาย–ชาย) คบกันมาประมาณ 8 เดือน
เขาเข้ามาในชีวิตผมในช่วงที่ผมแทบไม่เหลือใคร
ชีวิตผมเคยผ่านความเครียด ความผิดหวัง และความโดดเดี่ยว
แต่พอมีเขาเข้ามา… มันเหมือนได้หายใจเต็มปอดอีกครั้งเพราะเป้าหมายของเราคือการสร้าเรยื้อสร้างตัวสร้างครอบครัวด้วยกัน
เขาไม่ใช่คนเพอร์เฟกต์ เราอาจมีบางอย่างที่ไม่ตรงกันบ้าง แต่สำหรับผม เขาคือ “คนที่ใช่ที่สุดที่เคยเจอมา”
จนกระทั่งเมื่อ 3 วันก่อน พี่เขาเริ่มมีตุ่มขึ้นบริเวณอวัยวะเพศ
และเมื่อคืนก็เริ่มมีอาการเหมือนจะป่วย
เราสองคนเลยตัดสินใจสั่งชุดตรวจ HSV มาตรวจเอง และผลออกมาว่า…
ผมตรวจพบเชื้อ HSV-1 และ HSV-2
ส่วนแฟนผม ขึ้นเฉพาะ HSV-1
แต่เขามีอาการที่น่ากังวลมาก:
- มีตุ่มใสที่ปลายอวัยวะเพศ
- มีไข้
- เจ็บแปลบร้าวลงขา
- มีแผลที่ดูเหมือนติดเชื้อไวรัสที่ปลายอวัยวะเพศ
จากสิ่งที่เราศึกษามา รวมถึงอาการของเขา
เป็นไปได้สูงว่าเขาเพิ่งติด HSV-2 จากผม
(ถึงแม้เราจะมีอะไรกันมานานถึง 7 เดือนแล้วก็ตาม)
ตอนที่เขารับรู้ผลตรว:
- เขาเครียดและกังวลชัดเจน
- เขาถามผมว่า “เราไม่ได้ไปมีอะไรกับใครระหว่างที่คบกันใช่ไหม”ผมตอบได้เต็มปากว่า “ไม่เคยเลย”
- เขาพูดว่า “เวลามันตรงกับช่วงที่เรามีอะไรกันล่าสุดพอดี”
- เขากังวลมาก เพราะสุดสัปดาห์นี้จะกลับไปเยี่ยมครอบครัวที่สนิทกันมาก เขากลัวว่าจะเผลอนำโรคกลับไปติดคนที่บ้าน
แต่ถึงจะเป็นแบบนั้น…
เมื่อคืนขับรถกลับบ้าน เขายังจับมือผมเหมือนทุกครั้ง
ผมถามเขาว่า “ยังอยู่กับผมอยู่ไหม?”
เขาตอบกลับมาว่า “ยังเหมือนเดิมทุกอย่าง แต่อยากรู้ว่าเราจะใช้ชีวิตกันยังไงต่อจากนี้”
เรากลับไปนอนกอดกันเหมือนทุกคืน
เช้ามา เขาตื่นขึ้นมาส่งผมเปิดร้านตามปกติ แล้วก็ไปทำงานของเขาเหมือนเดิม
เขาบอกว่า “ตอนนี้ไม่อยากคิดอะไรแล้ว แค่อยากไปหาหมอเพื่อให้ได้ยารักษาที่ถูกต้อง”
และยังวางแผนต่อว่าจะ ไปตรวจโรคอื่นเพิ่มเติม เพื่อจะได้รู้สถานะของตัวเองและแพลนการใช้ชีวิตได้ถูก
แต่สำหรับผม…
มันทำให้ผมจมอยู่กับความรู้สึกผิดจนแทบลุกไม่ขึ้น
ผมไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองมีเชื้อมาก่อน เพราะไม่เคยมีอาการเลย
ผมไม่เคยคิดว่าผมจะเป็นคนที่ “ทำร้าย” คนที่ตัวเองรักที่สุดในชีวิตแบบนี้
และยิ่งพี่เขาจะต้องกลับบ้านเสาร์นี้
เขากลัวจะนำเชื้อกลับไปติดใครที่บ้านด้วย
เพราะครอบครัวของเขาอบอุ่นและใกล้ชิดกันมาก
แต่สิ่งที่ทำให้ผมกลัวยิ่งกว่านั้น… คือกลัวว่าเขาจะทิ้งผมไป
พึ่เขาเป็นผู้ชายที่เติบโตมาดี นิสัยดี ครอบครัวก็ดี
ผมกลับเป็นคนที่นำสิ่งเหล่านี้เข้ามาในชีวิตเขา
ในวันที่เขาควรจะมีแต่เรื่องดี ๆ
ผมไม่เหลือใครจริง ๆ
ไม่ว่าจะที่บ้าน เพื่อน หรือครอบครัว
และพี่เขากลายเป็น “หลักของชีวิต” สำหรับผมไปแล้ว
ถ้าเขาเดินจากไป… ผมไม่แน่ใจเลยว่าผมจะตั้งหลักได้อีกไหม
หลังจากนี้ เราตั้งใจว่าจะไปตรวจโรคทุกอย่างที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม
ไม่ว่าผลจะเป็นอย่างไร ผมภาวนาว่าเขาจะเข้าใจว่า…
ผมไม่ได้ตั้งใจ ไม่ได้โกหก ไม่เคยปิดบัง
ผมแค่ “ไม่รู้ตัว” จริง ๆ ว่าตัวเองมีเชื้ออยู่แล้ว
ผมเขียนกระทู้นี้เพื่อบอกว่า…
โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ไม่ได้เกิดจาก “ความมั่ว” เสมอไปหลายคนติดโดยไม่รู้ตัว และไม่มีอาการเลยเป็นปี ๆ
การรู้สถานะของตัวเอง คือการแสดงความรักต่อคนที่เรารักจริง ๆ
ถ้าคุณมีพาร์ตเนอร์ที่คุณแคร์ อย่ากลัวที่จะพูดเรื่องนี้ด้วยกัน
และสุดท้าย… ความรักที่แท้จริง คือการไม่ทอดทิ้งกันในวันที่เราอ่อนแอที่สุด
ขอบคุณทุกคนที่อ่านจนจบครับ
หากใครเคยผ่านสถานการณ์แบบนี้ หรือมีคำแนะนำ
ผมยินดีรับฟังทุกความเห็น
หรือแม้แต่แค่เข้ามาให้กำลังใจเล็ก ๆ ก็ยังดีมากแล้วครับ
วันนี้ผมแค่… กลัวมากจริง ๆ 🖤
“เมื่อเราตรวจพบเชื้อ HSV และกลัวว่าจะเสียคนที่เรารักที่สุดไป – ขอแชร์เรื่องจริงจากคู่รักชายรักชาย”
วันนี้ผมอยากมาแชร์เรื่องบางอย่างที่มันทั้งอ่อนไหวและสำคัญที่สุดในชีวิตผม
ไม่ใช่แค่เรื่องสุขภาพ… แต่มันคือเรื่องของหัวใจ
ผมกับแฟน (เราเป็นคู่ชาย–ชาย) คบกันมาประมาณ 8 เดือน
เขาเข้ามาในชีวิตผมในช่วงที่ผมแทบไม่เหลือใคร
ชีวิตผมเคยผ่านความเครียด ความผิดหวัง และความโดดเดี่ยว
แต่พอมีเขาเข้ามา… มันเหมือนได้หายใจเต็มปอดอีกครั้งเพราะเป้าหมายของเราคือการสร้าเรยื้อสร้างตัวสร้างครอบครัวด้วยกัน
เขาไม่ใช่คนเพอร์เฟกต์ เราอาจมีบางอย่างที่ไม่ตรงกันบ้าง แต่สำหรับผม เขาคือ “คนที่ใช่ที่สุดที่เคยเจอมา”
จนกระทั่งเมื่อ 3 วันก่อน พี่เขาเริ่มมีตุ่มขึ้นบริเวณอวัยวะเพศ
และเมื่อคืนก็เริ่มมีอาการเหมือนจะป่วย
เราสองคนเลยตัดสินใจสั่งชุดตรวจ HSV มาตรวจเอง และผลออกมาว่า…
ผมตรวจพบเชื้อ HSV-1 และ HSV-2
ส่วนแฟนผม ขึ้นเฉพาะ HSV-1
แต่เขามีอาการที่น่ากังวลมาก:
- มีตุ่มใสที่ปลายอวัยวะเพศ
- มีไข้
- เจ็บแปลบร้าวลงขา
- มีแผลที่ดูเหมือนติดเชื้อไวรัสที่ปลายอวัยวะเพศ
จากสิ่งที่เราศึกษามา รวมถึงอาการของเขา
เป็นไปได้สูงว่าเขาเพิ่งติด HSV-2 จากผม
(ถึงแม้เราจะมีอะไรกันมานานถึง 7 เดือนแล้วก็ตาม)
ตอนที่เขารับรู้ผลตรว:
- เขาเครียดและกังวลชัดเจน
- เขาถามผมว่า “เราไม่ได้ไปมีอะไรกับใครระหว่างที่คบกันใช่ไหม”ผมตอบได้เต็มปากว่า “ไม่เคยเลย”
- เขาพูดว่า “เวลามันตรงกับช่วงที่เรามีอะไรกันล่าสุดพอดี”
- เขากังวลมาก เพราะสุดสัปดาห์นี้จะกลับไปเยี่ยมครอบครัวที่สนิทกันมาก เขากลัวว่าจะเผลอนำโรคกลับไปติดคนที่บ้าน
แต่ถึงจะเป็นแบบนั้น…
เมื่อคืนขับรถกลับบ้าน เขายังจับมือผมเหมือนทุกครั้ง
ผมถามเขาว่า “ยังอยู่กับผมอยู่ไหม?”
เขาตอบกลับมาว่า “ยังเหมือนเดิมทุกอย่าง แต่อยากรู้ว่าเราจะใช้ชีวิตกันยังไงต่อจากนี้”
เรากลับไปนอนกอดกันเหมือนทุกคืน
เช้ามา เขาตื่นขึ้นมาส่งผมเปิดร้านตามปกติ แล้วก็ไปทำงานของเขาเหมือนเดิม
เขาบอกว่า “ตอนนี้ไม่อยากคิดอะไรแล้ว แค่อยากไปหาหมอเพื่อให้ได้ยารักษาที่ถูกต้อง”
และยังวางแผนต่อว่าจะ ไปตรวจโรคอื่นเพิ่มเติม เพื่อจะได้รู้สถานะของตัวเองและแพลนการใช้ชีวิตได้ถูก
แต่สำหรับผม…
มันทำให้ผมจมอยู่กับความรู้สึกผิดจนแทบลุกไม่ขึ้น
ผมไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองมีเชื้อมาก่อน เพราะไม่เคยมีอาการเลย
ผมไม่เคยคิดว่าผมจะเป็นคนที่ “ทำร้าย” คนที่ตัวเองรักที่สุดในชีวิตแบบนี้
และยิ่งพี่เขาจะต้องกลับบ้านเสาร์นี้
เขากลัวจะนำเชื้อกลับไปติดใครที่บ้านด้วย
เพราะครอบครัวของเขาอบอุ่นและใกล้ชิดกันมาก
แต่สิ่งที่ทำให้ผมกลัวยิ่งกว่านั้น… คือกลัวว่าเขาจะทิ้งผมไป
พึ่เขาเป็นผู้ชายที่เติบโตมาดี นิสัยดี ครอบครัวก็ดี
ผมกลับเป็นคนที่นำสิ่งเหล่านี้เข้ามาในชีวิตเขา
ในวันที่เขาควรจะมีแต่เรื่องดี ๆ
ผมไม่เหลือใครจริง ๆ
ไม่ว่าจะที่บ้าน เพื่อน หรือครอบครัว
และพี่เขากลายเป็น “หลักของชีวิต” สำหรับผมไปแล้ว
ถ้าเขาเดินจากไป… ผมไม่แน่ใจเลยว่าผมจะตั้งหลักได้อีกไหม
หลังจากนี้ เราตั้งใจว่าจะไปตรวจโรคทุกอย่างที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม
ไม่ว่าผลจะเป็นอย่างไร ผมภาวนาว่าเขาจะเข้าใจว่า…
ผมไม่ได้ตั้งใจ ไม่ได้โกหก ไม่เคยปิดบัง
ผมแค่ “ไม่รู้ตัว” จริง ๆ ว่าตัวเองมีเชื้ออยู่แล้ว
ผมเขียนกระทู้นี้เพื่อบอกว่า…
โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ไม่ได้เกิดจาก “ความมั่ว” เสมอไปหลายคนติดโดยไม่รู้ตัว และไม่มีอาการเลยเป็นปี ๆ
การรู้สถานะของตัวเอง คือการแสดงความรักต่อคนที่เรารักจริง ๆ
ถ้าคุณมีพาร์ตเนอร์ที่คุณแคร์ อย่ากลัวที่จะพูดเรื่องนี้ด้วยกัน
และสุดท้าย… ความรักที่แท้จริง คือการไม่ทอดทิ้งกันในวันที่เราอ่อนแอที่สุด
ขอบคุณทุกคนที่อ่านจนจบครับ
หากใครเคยผ่านสถานการณ์แบบนี้ หรือมีคำแนะนำ
ผมยินดีรับฟังทุกความเห็น
หรือแม้แต่แค่เข้ามาให้กำลังใจเล็ก ๆ ก็ยังดีมากแล้วครับ
วันนี้ผมแค่… กลัวมากจริง ๆ 🖤