เปิดพรีเซลล์ MG4 ใหม่ไปแล้วในจีนวันที่ 5 สิงหาคม 2568
มี 4 รุ่นย่อย และจะมีรุ่นที่ใช้แบตเตอรี่แบบ “กึ่งโซลิดสเตต” (semi-solid-state)
จะเผยราคาในเดือนกันยายน และเริ่มส่งมอบภายในสิ้นปีนี้
ดูจากตรงนี้หมายความว่า จะมีทั้งตัวที่ใช้แบตเตอรี่ กึ่งโซลตสเตต และ ตัวที่ไม่ใช้แบตเตออรี่ กึ่งโซลิตสเตต รึป่าวและราคาโซลิตสเตตจะเปิดมาในเดือนกันยายน ส่วนใครที่ขี้เกียจอ่านรับชมที่นี่ได้ครับ https://www.youtube.com/watch?v=nQ_QzgZLT50
MG4 ใหม่ ถือเป็นรุ่นแรกของโลก ที่ใช้แบตเตอรี่แบบกึ่งโซลิดสเตต ซึ่ง
SAIC รายงานว่าแบตเตอรี่สามารถผ่านการทดสอบเจาะสามทิศทางด้วยเข็มได้ โดยไม่เกิดควัน และแสดงสมรรถนะดีขึ้นในสภาพอุณหภูมิต่ำ
เพิ่มความปลอดภัยและอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ ทำให้ลูกค้ามีตัวเลือกเพิ่มขึ้นในกลุ่มรถยนต์ไฟฟ้าระดับประหยัด
ภายในมี
หน้าจอลอยขนาด 15.6 นิ้ว ความละเอียด 2.5K ขับเคลื่อนด้วยชิป Qualcomm Snapdragon 8155
นอกจากนี้ MG4 ยังเปิดตัวระบบ
MG×Oppo Smart Mobility System ที่สามารถเชื่อมต่อสมาร์ตโฟนกับรถได้อย่างไร้รอยต่อ
รองรับ กุญแจดิจิทัล (Digital Key)
คำสั่งเสียงผ่าน AI
การสะท้อนหน้าจอแอป (App Mirroring)
ความเข้ากันได้กับอุปกรณ์หลากหลายยี่ห้อ ไม่ว่าจะเป็น
Android, Apple, Huawei, Xiaomi ฯลฯ
ระบบขับเคลื่อน MG4 ใหม่ ใช้มอเตอร์แบบแม่เหล็กถาวรซิงโครนัส ให้กำลัง
120 กิโลวัตต์ และแรงบิด
250 นิวตันเมตร ความเร็วสูงสุดอยู่ที่
160 กม./ชม.
ดูแล้วคล้ายตัวเดิม มีแบตเตอรี่
ลิเธียมเฟอสเฟต Phosphate
(LFP) ให้เลือก 2 ขนาด
42.8 kWh วิ่งได้ระยะ
437 กม. (ตามมาตรฐาน CLTC)
53.9 kWh วิ่งได้ระยะ
530 กม.
การชาร์จจาก
30% ถึง 80% ใช้เวลาประมาณ
20 นาที
อัตราสิ้นเปลืองพลังงานอยู่ที่
10.4 kWh ต่อระยะทาง 100 กม.
ขนาดมิติตัวรถ
ความยาว:
4,395 มม.
ความกว้าง:
1,842 มม.
ความสูง:
1,551 มม.
ฐานล้อ:
2,750 มม. (ยาวกว่ารุ่นก่อน)
ดีไซน์ภายนอก
ลโก้ MG แบบมีไฟ LED
ไฟท้าย LED ทรงลูกศร
สีตัวถังให้เลือก
6 สี เช่น สีม่วงตงไหล (Donglai Purple) และสีแดงปะการัง (Coral Red)
ล้อให้เลือกทั้งขนาด
16 และ 17 นิ้ว
นอกจากนี้ยังใช้เทคโนโลยี
Cell-to-Body (CTB) รวมแบตเตอรี่เข้ากับโครงสร้างตัวรถโดยตรง เพิ่มความแข็งแรงและเพิ่มพื้นที่ใช้สอยภายใน
ตัวรถมีค่าความแข็งแรงต้านการบิด (Torsional Stiffness) สูงถึง
31,000 Nm/deg ซึ่ง MG ระบุว่าสูงกว่ารถ SUV หรูบางรุ่น
แบตเตอรี่ผ่านมาตรฐานกันน้ำระดับ
IP67 และ IP69K และผ่านการทดสอบความปลอดภัยอย่างเข้มงวด
ภายในห้องโดยสาร ( เรียกว่าใส่ใจคนนั่งเหมือนกันนะมีการใช้วัสดุเกรดเดียวกับที่ใช้ในทารกด้วย 555 )
เบาะหุ้มหนังสังเคราะห์เกรดเดียวกับวัสดุของใช้ทารก (ผ่านมาตรฐาน EU REACH)
มีช่องเก็บของ
30 จุด
ตัวเลือกสีภายใน:
ม่วงโรเซ่ (Rosé Purple) และ
น้ำเงินเข้ม (Deep Blue)
เบาะหน้า: พนักพิงแบบชิ้นเดียว พร้อม
ระบบทำความร้อนและระบายอากาศ
เบาะหลังเอนได้สูงสุด
27 องศา
หลังคาพาโนรามาพร้อมม่านไฟฟ้า (ติดตั้งมาตรฐาน)
ที่เก็บสัมภาระท้าย มีความจุท้ายรถ:
471 ลิตร
ช่องเก็บของใต้พื้นเพิ่มอีก
98 ลิตร
พับเบาะหลังสามารถสร้างพื้นที่นอนได้ขนาด
1.87 ตารางเมตร
พื้นที่ภายในใกล้เคียงกับรถระดับกลาง โดยเบาะผู้โดยสารหน้ามี
องศาเอนสูงถึง 46.4° และความยาวเบาะนั่ง
503 มม.
ระบบช่วยเหลือการขับขี่คร่าวๆ
ระบบช่วยมองจุดบอดกลางฝนและกลางคืน
กล้องรอบคัน 360 องศา พร้อมมุมมองใต้ท้องรถ
ระบบจอดรถอัตโนมัติพร้อมฟังก์ชันเข้า-ออกจากช่องจอด
กระจกหลังแบบ Privacy Glass ป้องกันแสง
พวงมาลัยแบบปรับอุณหภูมิ
กระจกแต่งหน้า (Vanity Mirror)
คิดว่างาน Motor Expo หรือ Motor Show น่าจะมาโชว์ตัวในบ้านเรา
เจาะลึกข้อมูล MG4 ใหม่ บอดี้ต้านแรงบิด 31,000 Nm/deg
มี 4 รุ่นย่อย และจะมีรุ่นที่ใช้แบตเตอรี่แบบ “กึ่งโซลิดสเตต” (semi-solid-state) จะเผยราคาในเดือนกันยายน และเริ่มส่งมอบภายในสิ้นปีนี้
ดูจากตรงนี้หมายความว่า จะมีทั้งตัวที่ใช้แบตเตอรี่ กึ่งโซลตสเตต และ ตัวที่ไม่ใช้แบตเตออรี่ กึ่งโซลิตสเตต รึป่าวและราคาโซลิตสเตตจะเปิดมาในเดือนกันยายน ส่วนใครที่ขี้เกียจอ่านรับชมที่นี่ได้ครับ https://www.youtube.com/watch?v=nQ_QzgZLT50
MG4 ใหม่ ถือเป็นรุ่นแรกของโลก ที่ใช้แบตเตอรี่แบบกึ่งโซลิดสเตต ซึ่ง SAIC รายงานว่าแบตเตอรี่สามารถผ่านการทดสอบเจาะสามทิศทางด้วยเข็มได้ โดยไม่เกิดควัน และแสดงสมรรถนะดีขึ้นในสภาพอุณหภูมิต่ำ เพิ่มความปลอดภัยและอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ ทำให้ลูกค้ามีตัวเลือกเพิ่มขึ้นในกลุ่มรถยนต์ไฟฟ้าระดับประหยัด
ภายในมี หน้าจอลอยขนาด 15.6 นิ้ว ความละเอียด 2.5K ขับเคลื่อนด้วยชิป Qualcomm Snapdragon 8155
นอกจากนี้ MG4 ยังเปิดตัวระบบ MG×Oppo Smart Mobility System ที่สามารถเชื่อมต่อสมาร์ตโฟนกับรถได้อย่างไร้รอยต่อ
รองรับ กุญแจดิจิทัล (Digital Key)
คำสั่งเสียงผ่าน AI
การสะท้อนหน้าจอแอป (App Mirroring)
ความเข้ากันได้กับอุปกรณ์หลากหลายยี่ห้อ ไม่ว่าจะเป็น Android, Apple, Huawei, Xiaomi ฯลฯ
ระบบขับเคลื่อน MG4 ใหม่ ใช้มอเตอร์แบบแม่เหล็กถาวรซิงโครนัส ให้กำลัง 120 กิโลวัตต์ และแรงบิด 250 นิวตันเมตร ความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 160 กม./ชม.
ดูแล้วคล้ายตัวเดิม มีแบตเตอรี่ ลิเธียมเฟอสเฟต Phosphate (LFP) ให้เลือก 2 ขนาด
42.8 kWh วิ่งได้ระยะ 437 กม. (ตามมาตรฐาน CLTC)
53.9 kWh วิ่งได้ระยะ 530 กม.
การชาร์จจาก 30% ถึง 80% ใช้เวลาประมาณ 20 นาที
อัตราสิ้นเปลืองพลังงานอยู่ที่ 10.4 kWh ต่อระยะทาง 100 กม.
ขนาดมิติตัวรถ
ความยาว: 4,395 มม.
ความกว้าง: 1,842 มม.
ความสูง: 1,551 มม.
ฐานล้อ: 2,750 มม. (ยาวกว่ารุ่นก่อน)
ดีไซน์ภายนอก
ลโก้ MG แบบมีไฟ LED
ไฟท้าย LED ทรงลูกศร
สีตัวถังให้เลือก 6 สี เช่น สีม่วงตงไหล (Donglai Purple) และสีแดงปะการัง (Coral Red)
ล้อให้เลือกทั้งขนาด 16 และ 17 นิ้ว
นอกจากนี้ยังใช้เทคโนโลยี Cell-to-Body (CTB) รวมแบตเตอรี่เข้ากับโครงสร้างตัวรถโดยตรง เพิ่มความแข็งแรงและเพิ่มพื้นที่ใช้สอยภายใน
ตัวรถมีค่าความแข็งแรงต้านการบิด (Torsional Stiffness) สูงถึง 31,000 Nm/deg ซึ่ง MG ระบุว่าสูงกว่ารถ SUV หรูบางรุ่น
แบตเตอรี่ผ่านมาตรฐานกันน้ำระดับ IP67 และ IP69K และผ่านการทดสอบความปลอดภัยอย่างเข้มงวด
ภายในห้องโดยสาร ( เรียกว่าใส่ใจคนนั่งเหมือนกันนะมีการใช้วัสดุเกรดเดียวกับที่ใช้ในทารกด้วย 555 )
เบาะหุ้มหนังสังเคราะห์เกรดเดียวกับวัสดุของใช้ทารก (ผ่านมาตรฐาน EU REACH)
มีช่องเก็บของ 30 จุด
ตัวเลือกสีภายใน: ม่วงโรเซ่ (Rosé Purple) และ น้ำเงินเข้ม (Deep Blue)
เบาะหน้า: พนักพิงแบบชิ้นเดียว พร้อม ระบบทำความร้อนและระบายอากาศ
เบาะหลังเอนได้สูงสุด 27 องศา
หลังคาพาโนรามาพร้อมม่านไฟฟ้า (ติดตั้งมาตรฐาน)
ที่เก็บสัมภาระท้าย มีความจุท้ายรถ: 471 ลิตร
ช่องเก็บของใต้พื้นเพิ่มอีก 98 ลิตร
พับเบาะหลังสามารถสร้างพื้นที่นอนได้ขนาด 1.87 ตารางเมตร
พื้นที่ภายในใกล้เคียงกับรถระดับกลาง โดยเบาะผู้โดยสารหน้ามี องศาเอนสูงถึง 46.4° และความยาวเบาะนั่ง 503 มม.
ระบบช่วยเหลือการขับขี่คร่าวๆ
ระบบช่วยมองจุดบอดกลางฝนและกลางคืน
กล้องรอบคัน 360 องศา พร้อมมุมมองใต้ท้องรถ
ระบบจอดรถอัตโนมัติพร้อมฟังก์ชันเข้า-ออกจากช่องจอด
กระจกหลังแบบ Privacy Glass ป้องกันแสง
พวงมาลัยแบบปรับอุณหภูมิ
กระจกแต่งหน้า (Vanity Mirror)
คิดว่างาน Motor Expo หรือ Motor Show น่าจะมาโชว์ตัวในบ้านเรา