เรื่องย่อ
"Into the Wild" เป็นภาพยนตร์แนวชีวประวัติ ผจญภัย ดราม่า ออกฉายในปี 2007 กำกับและเขียนบทโดย
Sean Penn สร้างจากหนังสือชื่อเดียวกันของ
Jon Krakauer ซึ่งอ้างอิงจากเรื่องจริงของ
Christopher McCandless (Emile Hirsch)
เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นในปี 1990 Christopher "Chris" McCandless เป็นนักศึกษาจบใหม่จากมหาวิทยาลัย Emory ผู้ซึ่งมีอนาคตที่สดใสรออยู่ข้างหน้า แต่เขากลับรู้สึกเบื่อหน่ายกับชีวิตที่ถูกสังคมกำหนดไว้ ทั้งเรื่องวัตถุนิยมและความสัมพันธ์ในครอบครัวที่ตึงเครียด ด้วยความต้องการที่จะหลุดพ้นจากกรอบเดิมๆ Chris จึงตัดสินใจทิ้งทุกอย่างไว้เบื้องหลัง บริจาคเงินเก็บทั้งหมดที่มีให้กับองค์กรการกุศล และเริ่มต้นการเดินทางอันโดดเดี่ยวเพื่อผจญภัยในดินแดนที่ไม่คุ้นเคย
เขาตั้งชื่อตัวเองใหม่ว่า "Alexander Supertramp" และเริ่มต้นการเดินทางข้ามอเมริกา โดยตั้งเป้าหมายสุดท้ายคือการเดินทางเข้าสู่ป่าในอะแลสกา ระหว่างทาง Chris ได้พบปะกับผู้คนหลากหลายเชื้อชาติและชีวิต ไม่ว่าจะเป็นคู่รักฮิปปี้อย่าง Jan (Catherine Keener) และ Rainey (Brian H. Dierker) ที่รับเขาไว้เป็นลูก หรือ Ron Franz (Hal Holbrook) ชายชราผู้โดดเดี่ยวที่รู้สึกผูกพันกับเขาเหมือนลูกชายแท้ๆ การเดินทางครั้งนี้ทำให้ Chris ได้เรียนรู้ถึงคุณค่าของการแบ่งปัน มิตรภาพ และความรักจากผู้คนแปลกหน้า แต่ในท้ายที่สุด เขาก็ยังคงมุ่งมั่นที่จะเข้าสู่ป่าในอะแลสกาเพียงลำพัง เพื่อพิสูจน์ให้ตัวเองเห็นว่าเขาสามารถเอาชีวิตรอดได้โดยไม่ต้องพึ่งพาใคร
ภาพยนตร์เล่าเรื่องราวการเดินทางของ Chris สลับไปกับภาพชีวิตสุดท้ายของเขาในอะแลสกาที่ต้องเผชิญหน้ากับความหนาวเย็น ความหิวโหย และธรรมชาติอันโหดร้าย
ความรู้สึกหลังรับชม
"Into the Wild" เป็นภาพยนตร์ที่สร้างความประทับใจได้อย่างลึกซึ้งและกระตุ้นให้เกิดการตั้งคำถามเกี่ยวกับชีวิต สิ่งที่ทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้ทรงพลังคือ
การแสดงอันยอดเยี่ยมของ Emile Hirsch ในบท Christopher McCandless เขาถ่ายทอดความมุ่งมั่น ความบริสุทธิ์ใจ ความหลงใหลในอิสระ และความเปราะบางของตัวละครได้อย่างน่าเชื่อถือ ทำให้ผู้ชมเข้าใจถึงแรงจูงใจเบื้องหลังการตัดสินใจของเขา
การกำกับของ Sean Penn ก็ทำได้อย่างยอดเยี่ยมเช่นกัน เขาเลือกที่จะถ่ายทอดเรื่องราวด้วยภาพที่สวยงามและมีพลังของธรรมชาติ ทั้งภูเขา ทะเลทราย และป่าไม้ ซึ่งตัดกับความวุ่นวายของชีวิตในสังคมได้อย่างชัดเจน เพลงประกอบภาพยนตร์ที่แต่งโดย
Eddie Vedder (นักร้องนำวง Pearl Jam) ก็เป็นอีกหนึ่งองค์ประกอบสำคัญที่ช่วยเสริมสร้างอารมณ์และบรรยากาศของการเดินทางอันโดดเดี่ยวได้อย่างลงตัว
ภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่ได้ตัดสินการกระทำของ Chris ว่าถูกหรือผิด แต่เปิดโอกาสให้ผู้ชมได้คิดและตีความด้วยตัวเอง มันคือเรื่องราวของการตามหาความหมายของชีวิต การค้นหาอิสรภาพที่แท้จริง และการเรียนรู้ว่าความสุขที่แท้จริงอาจไม่ใช่การอยู่เพียงลำพัง แต่คือการได้แบ่งปันความสุขนั้นกับผู้อื่น
แม้ว่าเนื้อเรื่องจะนำไปสู่บทสรุปที่น่าเศร้า แต่ก็เต็มไปด้วยความหวังและข้อคิดที่ลึกซึ้ง เป็นภาพยนตร์ที่จะทำให้คุณอยากออกเดินทาง และทบทวนการใช้ชีวิตของตัวเองอีกครั้ง
คะแนน IMDb และ Rotten Tomatoes ปัจจุบัน
IMDb: 8.1/10
Rotten Tomatoes: คะแนนจากนักวิจารณ์ 83% , คะแนนจากผู้ชม 87%
สรุป
"Into the Wild" คือภาพยนตร์ที่สร้างแรงบันดาลใจและให้แง่คิดเกี่ยวกับชีวิตได้อย่างทรงพลัง ด้วยการแสดงอันยอดเยี่ยมของ
Emile Hirsch และการกำกับที่ละเอียดอ่อนของ
Sean Penn ภาพยนตร์เรื่องนี้สามารถพาผู้ชมร่วมเดินทางไปกับ Christopher McCandless ในการตามหาอิสรภาพและความหมายของชีวิต ซึ่งเต็มไปด้วยความสวยงามของธรรมชาติและมิตรภาพจากผู้คนแปลกหน้า ด้วยคะแนนวิจารณ์ที่สูงจากทั้งนักวิจารณ์และผู้ชม "Into the Wild" จึงเป็นภาพยนตร์ที่คอหนังแนวผจญภัย ดราม่า และผู้ที่ต้องการแรงบันดาลใจจากเรื่องจริงไม่ควรพลาด.
Into the Wild: สู่ป่าอันกว้างใหญ่ การเดินทางเพื่อตามหาตัวตนและอิสรภาพที่แท้จริง
เรื่องย่อ
"Into the Wild" เป็นภาพยนตร์แนวชีวประวัติ ผจญภัย ดราม่า ออกฉายในปี 2007 กำกับและเขียนบทโดย Sean Penn สร้างจากหนังสือชื่อเดียวกันของ Jon Krakauer ซึ่งอ้างอิงจากเรื่องจริงของ Christopher McCandless (Emile Hirsch)
เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นในปี 1990 Christopher "Chris" McCandless เป็นนักศึกษาจบใหม่จากมหาวิทยาลัย Emory ผู้ซึ่งมีอนาคตที่สดใสรออยู่ข้างหน้า แต่เขากลับรู้สึกเบื่อหน่ายกับชีวิตที่ถูกสังคมกำหนดไว้ ทั้งเรื่องวัตถุนิยมและความสัมพันธ์ในครอบครัวที่ตึงเครียด ด้วยความต้องการที่จะหลุดพ้นจากกรอบเดิมๆ Chris จึงตัดสินใจทิ้งทุกอย่างไว้เบื้องหลัง บริจาคเงินเก็บทั้งหมดที่มีให้กับองค์กรการกุศล และเริ่มต้นการเดินทางอันโดดเดี่ยวเพื่อผจญภัยในดินแดนที่ไม่คุ้นเคย
เขาตั้งชื่อตัวเองใหม่ว่า "Alexander Supertramp" และเริ่มต้นการเดินทางข้ามอเมริกา โดยตั้งเป้าหมายสุดท้ายคือการเดินทางเข้าสู่ป่าในอะแลสกา ระหว่างทาง Chris ได้พบปะกับผู้คนหลากหลายเชื้อชาติและชีวิต ไม่ว่าจะเป็นคู่รักฮิปปี้อย่าง Jan (Catherine Keener) และ Rainey (Brian H. Dierker) ที่รับเขาไว้เป็นลูก หรือ Ron Franz (Hal Holbrook) ชายชราผู้โดดเดี่ยวที่รู้สึกผูกพันกับเขาเหมือนลูกชายแท้ๆ การเดินทางครั้งนี้ทำให้ Chris ได้เรียนรู้ถึงคุณค่าของการแบ่งปัน มิตรภาพ และความรักจากผู้คนแปลกหน้า แต่ในท้ายที่สุด เขาก็ยังคงมุ่งมั่นที่จะเข้าสู่ป่าในอะแลสกาเพียงลำพัง เพื่อพิสูจน์ให้ตัวเองเห็นว่าเขาสามารถเอาชีวิตรอดได้โดยไม่ต้องพึ่งพาใคร
ภาพยนตร์เล่าเรื่องราวการเดินทางของ Chris สลับไปกับภาพชีวิตสุดท้ายของเขาในอะแลสกาที่ต้องเผชิญหน้ากับความหนาวเย็น ความหิวโหย และธรรมชาติอันโหดร้าย
ความรู้สึกหลังรับชม
"Into the Wild" เป็นภาพยนตร์ที่สร้างความประทับใจได้อย่างลึกซึ้งและกระตุ้นให้เกิดการตั้งคำถามเกี่ยวกับชีวิต สิ่งที่ทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้ทรงพลังคือ การแสดงอันยอดเยี่ยมของ Emile Hirsch ในบท Christopher McCandless เขาถ่ายทอดความมุ่งมั่น ความบริสุทธิ์ใจ ความหลงใหลในอิสระ และความเปราะบางของตัวละครได้อย่างน่าเชื่อถือ ทำให้ผู้ชมเข้าใจถึงแรงจูงใจเบื้องหลังการตัดสินใจของเขา
การกำกับของ Sean Penn ก็ทำได้อย่างยอดเยี่ยมเช่นกัน เขาเลือกที่จะถ่ายทอดเรื่องราวด้วยภาพที่สวยงามและมีพลังของธรรมชาติ ทั้งภูเขา ทะเลทราย และป่าไม้ ซึ่งตัดกับความวุ่นวายของชีวิตในสังคมได้อย่างชัดเจน เพลงประกอบภาพยนตร์ที่แต่งโดย Eddie Vedder (นักร้องนำวง Pearl Jam) ก็เป็นอีกหนึ่งองค์ประกอบสำคัญที่ช่วยเสริมสร้างอารมณ์และบรรยากาศของการเดินทางอันโดดเดี่ยวได้อย่างลงตัว
ภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่ได้ตัดสินการกระทำของ Chris ว่าถูกหรือผิด แต่เปิดโอกาสให้ผู้ชมได้คิดและตีความด้วยตัวเอง มันคือเรื่องราวของการตามหาความหมายของชีวิต การค้นหาอิสรภาพที่แท้จริง และการเรียนรู้ว่าความสุขที่แท้จริงอาจไม่ใช่การอยู่เพียงลำพัง แต่คือการได้แบ่งปันความสุขนั้นกับผู้อื่น
แม้ว่าเนื้อเรื่องจะนำไปสู่บทสรุปที่น่าเศร้า แต่ก็เต็มไปด้วยความหวังและข้อคิดที่ลึกซึ้ง เป็นภาพยนตร์ที่จะทำให้คุณอยากออกเดินทาง และทบทวนการใช้ชีวิตของตัวเองอีกครั้ง
คะแนน IMDb และ Rotten Tomatoes ปัจจุบัน
IMDb: 8.1/10
Rotten Tomatoes: คะแนนจากนักวิจารณ์ 83% , คะแนนจากผู้ชม 87%
สรุป
"Into the Wild" คือภาพยนตร์ที่สร้างแรงบันดาลใจและให้แง่คิดเกี่ยวกับชีวิตได้อย่างทรงพลัง ด้วยการแสดงอันยอดเยี่ยมของ Emile Hirsch และการกำกับที่ละเอียดอ่อนของ Sean Penn ภาพยนตร์เรื่องนี้สามารถพาผู้ชมร่วมเดินทางไปกับ Christopher McCandless ในการตามหาอิสรภาพและความหมายของชีวิต ซึ่งเต็มไปด้วยความสวยงามของธรรมชาติและมิตรภาพจากผู้คนแปลกหน้า ด้วยคะแนนวิจารณ์ที่สูงจากทั้งนักวิจารณ์และผู้ชม "Into the Wild" จึงเป็นภาพยนตร์ที่คอหนังแนวผจญภัย ดราม่า และผู้ที่ต้องการแรงบันดาลใจจากเรื่องจริงไม่ควรพลาด.