KEY POINTS
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง โดยดัชนีหลักทั้งดาวโจนส์, S&P 500 และ Nasdaq ปิดบวกอย่างมีนัยสำคัญ
ปัจจัยหนุนหลักมาจากการที่นักลงทุนคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนกันยายน
ข้อมูลจาก CME FedWatch Tool ชี้ว่ามีโอกาสสูงถึง 84% ที่เฟดจะลดดอกเบี้ย ซึ่งเป็นผลมาจากตัวเลขการจ้างงานที่ซบเซา
ความเคลื่อนไหวเชิงลบของตลาดเมื่อวันศุกร์ (2 สิงหาคม) เกิดขึ้นจากข้อมูลการจ้างงานเดือนกรกฎาคมที่ซบเซา รวมถึงการปรับลดตัวเลขจ้างงานของเดือนพฤษภาคมและมิถุนายนอย่างมาก นอกจากนี้ ความตึงเครียดทางการเมืองยังทวีความรุนแรงขึ้นเมื่อ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ มีคำสั่งปลด นาง Erika McEntarfer จากตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานสถิติแรงงานของสหรัฐฯ โดยกล่าวหาว่าเป็นผู้รายงานตัวเลขที่ “บิดเบือน”
ในวันเดียวกัน นาง Adriana Kugler ผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐฯ ได้ประกาศลาออกโดยไม่คาดหมาย ซึ่งนักวิเคราะห์มองว่า อาจเป็นการเปิดทางให้ประธานาธิบดีทรัมป์ปรับเปลี่ยนนโยบายทางการเงินตามที่เขาเรียกร้องมาโดยตลอด
ในด้านการค้าระหว่างประเทศ ประธานาธิบดีทรัมป์ประกาศว่า จะปรับขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากอินเดียอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากอินเดียยังคงนำเข้าน้ำมันจากรัสเซีย ขณะที่รัฐบาลอินเดียตอบโต้โดยระบุว่า จะดำเนินมาตรการเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของตน พร้อมประณามคำกล่าวของประธานาธิบดีสหรัฐฯ ว่า “ไม่เป็นธรรม”
ข้อมูลจาก CME FedWatch Tool ระบุว่า นักลงทุนให้โอกาสสูงถึง 84% ที่ Fed จะลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนกันยายน และคาดว่าจะมีการลดดอกเบี้ยอย่างน้อยสองครั้งภายในสิ้นปีนี้
ดัชนีหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง
• ดัชนี Dow Jones Industrial Average เพิ่มขึ้น 585.06 จุด หรือ 1.34% ปิดที่ 44,173.64 จุด
• ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 91.93 จุด หรือ 1.47% ปิดที่ 6,329.94 จุด
• ดัชนี Nasdaq Composite เพิ่มขึ้น 403.45 จุด หรือ 1.95% ปิดที่ 21,053.58 จุด
ราคาน้ำมันร่วง หลัง OPEC+ เพิ่มกำลังการผลิต
ราคาน้ำมันดิบลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบสัปดาห์ หลังจาก กลุ่ม OPEC+ บรรลุข้อตกลงเพิ่มกำลังการผลิตในเดือนกันยายน ซึ่งสร้างความกังวลเรื่องอุปทานล้นตลาด ขณะที่ข้อมูลจากสหรัฐฯ สะท้อนถึงความต้องการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงที่อ่อนแอกว่าที่คาด
• น้ำมันดิบ Brent ลดลง 91 เซนต์ หรือ 1.3% ปิดที่ 68.76 ดอลลาร์/บาร์เรล
• น้ำมันดิบ WTI ลดลง 1.04 ดอลลาร์ หรือ 1.5% ปิดที่ 66.29 ดอลลาร์/บาร์เรล
ทองคำพุ่งต่อเนื่องจากแรงหนุนคาดการณ์ลดดอกเบี้ย
ราคาทองคำปรับตัวขึ้นเป็นวันที่สามติดต่อกัน โดยได้รับแรงหนุนจากความคาดหวังว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ จะลดอัตราดอกเบี้ยในอนาคตอันใกล้
• ราคาทองสปอตเพิ่มขึ้น 0.3% แตะระดับ 3,372.15 ดอลลาร์/ออนซ์ สูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 24 กรกฎาคม
• ทองคำล่วงหน้าสหรัฐฯ (Gold Futures) ปิดเพิ่มขึ้น 0.8% ที่ระดับ 3,426.40 ดอลลาร์/ออนซ์
ตลาดหุ้นสหรัฐฟื้นตัวแรง หลังนักลงทุนคาดเฟดลดดอกเบี้ย
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง โดยดัชนีหลักทั้งดาวโจนส์, S&P 500 และ Nasdaq ปิดบวกอย่างมีนัยสำคัญ
ปัจจัยหนุนหลักมาจากการที่นักลงทุนคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนกันยายน
ข้อมูลจาก CME FedWatch Tool ชี้ว่ามีโอกาสสูงถึง 84% ที่เฟดจะลดดอกเบี้ย ซึ่งเป็นผลมาจากตัวเลขการจ้างงานที่ซบเซา
ความเคลื่อนไหวเชิงลบของตลาดเมื่อวันศุกร์ (2 สิงหาคม) เกิดขึ้นจากข้อมูลการจ้างงานเดือนกรกฎาคมที่ซบเซา รวมถึงการปรับลดตัวเลขจ้างงานของเดือนพฤษภาคมและมิถุนายนอย่างมาก นอกจากนี้ ความตึงเครียดทางการเมืองยังทวีความรุนแรงขึ้นเมื่อ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ มีคำสั่งปลด นาง Erika McEntarfer จากตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานสถิติแรงงานของสหรัฐฯ โดยกล่าวหาว่าเป็นผู้รายงานตัวเลขที่ “บิดเบือน”
ในวันเดียวกัน นาง Adriana Kugler ผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐฯ ได้ประกาศลาออกโดยไม่คาดหมาย ซึ่งนักวิเคราะห์มองว่า อาจเป็นการเปิดทางให้ประธานาธิบดีทรัมป์ปรับเปลี่ยนนโยบายทางการเงินตามที่เขาเรียกร้องมาโดยตลอด
ในด้านการค้าระหว่างประเทศ ประธานาธิบดีทรัมป์ประกาศว่า จะปรับขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากอินเดียอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากอินเดียยังคงนำเข้าน้ำมันจากรัสเซีย ขณะที่รัฐบาลอินเดียตอบโต้โดยระบุว่า จะดำเนินมาตรการเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของตน พร้อมประณามคำกล่าวของประธานาธิบดีสหรัฐฯ ว่า “ไม่เป็นธรรม”
ข้อมูลจาก CME FedWatch Tool ระบุว่า นักลงทุนให้โอกาสสูงถึง 84% ที่ Fed จะลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนกันยายน และคาดว่าจะมีการลดดอกเบี้ยอย่างน้อยสองครั้งภายในสิ้นปีนี้
ดัชนีหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง
• ดัชนี Dow Jones Industrial Average เพิ่มขึ้น 585.06 จุด หรือ 1.34% ปิดที่ 44,173.64 จุด
• ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 91.93 จุด หรือ 1.47% ปิดที่ 6,329.94 จุด
• ดัชนี Nasdaq Composite เพิ่มขึ้น 403.45 จุด หรือ 1.95% ปิดที่ 21,053.58 จุด