“ภาษีทรัมป์” จะโกยรายได้ให้สหรัฐฯ ได้เท่าไหร่จากอาเซียน
นโยบาย “ภาษีศุลกากรตอบโต้” ของรัฐบาลทรัมป์ ที่เริ่มมีผล 1 ส.ค. 2568 ครอบคลุมประเทศอาเซียนทั้งหมด ส่งผลให้สหรัฐฯ เตรียมเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากอาเซียนในอัตราสูงสุดถึง 40% ซึ่งหากอิงจากมูลค่าส่งออกในปี 2024 ที่ 352,300 ล้านดอลลาร์ สหรัฐฯ จะมีรายได้จากภาษี สูงถึง 64,699 ล้านดอลลาร์
.
ข้อมูลสำคัญ :
- สหรัฐฯ จะเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากอาเซียนรวม $64.7 พันล้าน
- มูลค่าส่งออกจากอาเซียนไปสหรัฐฯ ในปี 2024 = $352.3 พันล้าน
- ประเทศที่โดนภาษีสูงสุด: เมียนมา–ลาว 40%, เวียดนาม 20%
- ประเทศภาษีต่ำสุด: สิงคโปร์ 10%
- ไทย โดนภาษี 19% จากมูลค่าส่งออก $63.3B คิดเป็นรายได้ภาษี $12B
- เวียดนาม เป็นประเทศที่สร้างรายได้ภาษีให้สหรัฐฯ สูงสุดถึง $27.3B
.
ประมาณการรายได้จากภาษีศุลกากร (ต่อประเทศ):
- เวียดนาม: $27,320 ล้าน (20%)
- ไทย: $12,027 ล้าน (19%)
- มาเลเซีย: $9,975 ล้าน (19%)
- อินโดนีเซีย: $5,339 ล้าน (19%)
- สิงคโปร์: $4,320 ล้าน (10%)
- ฟิลิปปินส์: $2,698 ล้าน (19%)
- กัมพูชา: $2,413 ล้าน (19%)
- ลาว: $321 ล้าน (40%)
- เมียนมา: $226 ล้าน (40%)
- บรูไน: $59 ล้าน (25%)
.
Fundamental Insight :
การเก็บภาษีแบบกว้างขวางต่ออาเซียน สะท้อนแนวคิด “America First” ที่กลับมาอีกครั้งในยุคทรัมป์ โดยเน้นสร้างความได้เปรียบเชิงการค้าผ่านภาษี เพื่อกระตุ้นการผลิตภายในประเทศ แม้จะกดดันพันธมิตรในอาเซียน แต่ก็ส่งผลให้สหรัฐฯ มี รายได้ใหม่มหาศาลจากศุลกากร และเพิ่มอำนาจต่อรองเชิงการค้า
.
สินทรัพย์ที่เกี่ยวข้อง + เหตุผล :
- USD – รายได้ภาษีช่วยลดการขาดดุลการคลัง กดดันประเทศคู่ค้า
- TH, VN, MY, SG – ตลาดส่งออกใหญ่ในอาเซียน อาจโดนกระทบจากต้นทุนส่งออกที่สูงขึ้น
- กลุ่ม Logistic & Shipping (ZIM, MAERSK) – อาจได้รับผลกระทบจากการลดลงของ Volumes
- กลุ่มผลิตในอเมริกา (Made in USA) – ได้ประโยชน์จากการชดเชยภาษีนำเข้า เช่น CAT, GE, DE
- ETF ตลาดเกิดใหม่ (เช่น EEM, VWO) – อาจผันผวนตามภาษีนำเข้าใหม่
.
TradingLens Insight :
การตั้งภาษีในวงกว้างกับอาเซียน ไม่ใช่แค่เครื่องมือเศรษฐกิจ แต่เป็นกลยุทธ์การเจรจาระดับโลก ในแบบฉบับทรัมป์ ซึ่งกดดันให้ประเทศที่ยังไม่ปิดดีลต้องเร่งเจรจา นักลงทุนควรจับตา 2 สิ่งหลักคือ (1) การเปลี่ยนแปลงในดุลการค้าและเงินเฟ้อฝั่งสหรัฐฯ และ (2) การตอบโต้ของประเทศในอาเซียน ที่อาจส่งผลต่อภาคการส่งออกและค่าเงินของแต่ละประเทศโดยตรง
ภาษีทรัมป์” จะโกยรายได้ให้สหรัฐฯ ได้เท่าไหร่จากอาเซียน
นโยบาย “ภาษีศุลกากรตอบโต้” ของรัฐบาลทรัมป์ ที่เริ่มมีผล 1 ส.ค. 2568 ครอบคลุมประเทศอาเซียนทั้งหมด ส่งผลให้สหรัฐฯ เตรียมเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากอาเซียนในอัตราสูงสุดถึง 40% ซึ่งหากอิงจากมูลค่าส่งออกในปี 2024 ที่ 352,300 ล้านดอลลาร์ สหรัฐฯ จะมีรายได้จากภาษี สูงถึง 64,699 ล้านดอลลาร์
.
ข้อมูลสำคัญ :
- สหรัฐฯ จะเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากอาเซียนรวม $64.7 พันล้าน
- มูลค่าส่งออกจากอาเซียนไปสหรัฐฯ ในปี 2024 = $352.3 พันล้าน
- ประเทศที่โดนภาษีสูงสุด: เมียนมา–ลาว 40%, เวียดนาม 20%
- ประเทศภาษีต่ำสุด: สิงคโปร์ 10%
- ไทย โดนภาษี 19% จากมูลค่าส่งออก $63.3B คิดเป็นรายได้ภาษี $12B
- เวียดนาม เป็นประเทศที่สร้างรายได้ภาษีให้สหรัฐฯ สูงสุดถึง $27.3B
.
ประมาณการรายได้จากภาษีศุลกากร (ต่อประเทศ):
- เวียดนาม: $27,320 ล้าน (20%)
- ไทย: $12,027 ล้าน (19%)
- มาเลเซีย: $9,975 ล้าน (19%)
- อินโดนีเซีย: $5,339 ล้าน (19%)
- สิงคโปร์: $4,320 ล้าน (10%)
- ฟิลิปปินส์: $2,698 ล้าน (19%)
- กัมพูชา: $2,413 ล้าน (19%)
- ลาว: $321 ล้าน (40%)
- เมียนมา: $226 ล้าน (40%)
- บรูไน: $59 ล้าน (25%)
.
Fundamental Insight :
การเก็บภาษีแบบกว้างขวางต่ออาเซียน สะท้อนแนวคิด “America First” ที่กลับมาอีกครั้งในยุคทรัมป์ โดยเน้นสร้างความได้เปรียบเชิงการค้าผ่านภาษี เพื่อกระตุ้นการผลิตภายในประเทศ แม้จะกดดันพันธมิตรในอาเซียน แต่ก็ส่งผลให้สหรัฐฯ มี รายได้ใหม่มหาศาลจากศุลกากร และเพิ่มอำนาจต่อรองเชิงการค้า
.
สินทรัพย์ที่เกี่ยวข้อง + เหตุผล :
- USD – รายได้ภาษีช่วยลดการขาดดุลการคลัง กดดันประเทศคู่ค้า
- TH, VN, MY, SG – ตลาดส่งออกใหญ่ในอาเซียน อาจโดนกระทบจากต้นทุนส่งออกที่สูงขึ้น
- กลุ่ม Logistic & Shipping (ZIM, MAERSK) – อาจได้รับผลกระทบจากการลดลงของ Volumes
- กลุ่มผลิตในอเมริกา (Made in USA) – ได้ประโยชน์จากการชดเชยภาษีนำเข้า เช่น CAT, GE, DE
- ETF ตลาดเกิดใหม่ (เช่น EEM, VWO) – อาจผันผวนตามภาษีนำเข้าใหม่
.
TradingLens Insight :
การตั้งภาษีในวงกว้างกับอาเซียน ไม่ใช่แค่เครื่องมือเศรษฐกิจ แต่เป็นกลยุทธ์การเจรจาระดับโลก ในแบบฉบับทรัมป์ ซึ่งกดดันให้ประเทศที่ยังไม่ปิดดีลต้องเร่งเจรจา นักลงทุนควรจับตา 2 สิ่งหลักคือ (1) การเปลี่ยนแปลงในดุลการค้าและเงินเฟ้อฝั่งสหรัฐฯ และ (2) การตอบโต้ของประเทศในอาเซียน ที่อาจส่งผลต่อภาคการส่งออกและค่าเงินของแต่ละประเทศโดยตรง