จุงวอน เจ้าของร้านถ่ายภาพเล็กๆในเมืองเล็กพอๆกัน เขาทำงานอย่าเต็มที่คอยให้บริการลูกค้าทุกคนอย่างเอาใจใส่
การได้ถ่ายรูป ล้างอัดรูปให้ลูกค้ามันคือความสุขง่ายๆในชีวิตที่ไม่ค่อยจะมีอะไรให้ทำอย่างเขา
จนกระทั่งวันหนึ่ง.. เมื่อมีลูกค้าสาวที่เป็นตำรวจสายตรวจอย่างดาริม เข้ามาให้ช่วยล้างอัดรูป..
ชีวิตที่เหมือนภาพถ่ายสีโทนเดียวของจุงวอน ก็เริ่มมีสีสันอื่นเพิ่มเข้ามา...
คริสต์มาสในเดือนสิงหาคม (8월의 크리스마스) ภาพยนตร์ดรามาโรแมนติกของเกาหลีใต้
ผลงานการกำกับเรื่องแรกของ Hur Jin-ho นำแสดงโดย ฮัน ซุกคยู และ ชิม อึน ฮา
เรื่องราวความรักระหว่างช่างภาพหนุ่มและตำรวจสาว ท่ามกลางบรรยากาศของฤดูกาลที่แปรเปลี่ยนในรอบ 1 ปี
หนังรักเกาหลีเริ่มมีตีตลาดไทยก็ช่วงปลายยุค 90 นี่ล่ะครับ เรื่องนี้ก็เช่นเดียวกัน
ผมเองก็เคยเห็นใบปิดหนังเรื่องนี้มานานมากแล้ว เพียงแต่ไม่ได้สนใจ คือเห็นแล้วก็เดาเอาว่าคงเป็นความรักปกติธรรมดา
แถมความดรามาเรียกน้ำตาซึ้งๆสไตล์แดนกิมจิ ที่ผมคาดการณ์เอาไว้มันถูกครับ แต่เพียงแค่ครึ่งเดียวเท่านั้น
เพราะถึงเนื้อหาของมันมีอะไรที่ทำให้คนดูได้ขบคิดต่ออีกมากนัก
การดำเนินเรื่องเป็นในรูปแบบเนิบช้า หรือ slow burn นั่นก็คือการเล่าเรื่องอย่างค่อยเป็นค่อยไปอย่างช้าๆ
โดยไม่ได้เร่งรีบในการเล่าเรื่องหรือเปิดเผยปมต่างๆ อย่างรวดเร็ว
ลักษณะสำคัญจะเป็นการสร้างบรรยากาศ การพัฒนาตัวละคร และการปูเรื่องราวอย่างช้าๆ
จนกระทั่งถึงจุดที่เรื่องราวดำเนินไปถึงจุดที่เข้มข้นหรือคลี่คลาย
ซึ่งแบบนี้เรามักจะเห็นบ่อยกับภาพยนตร์ญี่ปุ่นซะเป็นส่วนใหญ่
ดังนั้นใน Christmas in August สิ่งที่ผู้ชมจะได้เห็นก็คือกิจวัตรประจำวันของจุงวอน พระเอกของเรื่อง
ที่แต่ละวันคอยถ่ายรูปลูกค้าที่เข้ามาในร้าน ทุกเพศทุกวัย นางเอกก็เป็น 1 ในนั้น
และความสัมพันธ์น่ารักกุ๊กกิ๊กก็เริ่มผลิบานในทันที..
แต่มันไม่ง่ายเช่นนั้น เกาหลีคือเจ้าแม่ของความดราม่า ยิ่งกับเรื่องนี้บอกเลยว่าสะเทือนใจแน่นอนครับ.
การให้พระเอกของเราเป็นเจ้าของร้านถ่ายรูป นี่ล่ะคือสัญญะของหนังที่ส่งมาถึงคนดู
ว่าด้วยเรื่องของการเก็บบันทึกความทรงจำนั่นเอง..
เคยเข้าร้านถ่ายรูปกันมั้ยครับ ถ้าเป็นคนเจนสมัยนี้ผมว่าส่วนใหญ่ไม่น่าจะเคยแน่นอน
เพราะยุคสมัยมันเปลี่ยนไป มือถือถ่ายรูปได้แล้ว แม้กระทั่งถ่ายรูปติดบัตรก็สามารถถ่ายกันเองได้โดยไม่จำเป็นต้องเข้าร้านถ่ายรูปกันอีก
ซึ่งสมัยก่อนนั้นเวลาจะถ่ายรูปแต่ละที ต้องร้านถ่ายรูปนี่ล่ะ ทุกชุมชนมักจะมีสักร้านสองร้านไว้เพื่อบริการเสมอๆ
ผมชอบองค์ประกอบและบรรยากาศของการไปใช้บริการร้านถ่ายรูปมาก
มันจะมีกลิ่นของความทรงจำบางอย่างที่รู้สึกคุ้นเคย ซึ่งจะว่าไปมันก็คือการโหยหาอดีตของคน GenX อย่างผมนั่นเอง
ตัวของจุงวอนจะพูดเสมอในหนังว่า สำหรับตัวของเขาแล้วทุกสิ่งล้วนมีวันจืดจางด้วยกันทั้งนั้น
ไม่ว่าจะเป็นรูปถ่ายหรือแม้กระทั่งความรัก รูปถ่ายที่ดูสดใสในวันนี้ เมื่อเวลาผ่านไปก็จะซีดจาง..
ความทรงจำของคนเราก็เช่นกัน แม้ว่าเมื่อมีความรักทุกอย่างดูสดใส
แต่ชีวิตคนเราย่อมมีตัวแปรต่างๆมากมาย เราจะรั้งความสุขไว้ตลอดไปไม่ได้..
ยิ่งกับตัวของพระเอกเขามีเหตุผลที่ไม่สามารถรั้งความสุขนั้นให้อยู่กับตัวเขาไว้ต่อไป..
ความสุขที่พัดผ่านเข้ามาอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว ความสุขที่ไม่คิดอีกแล้วว่าจะได้พบเจอในชีวิต นั่นคือดาริม นางเอกนั่นเอง
ผมคงไม่บอกว่าเหตุผลนั้นคืออะไร ต้องให้ไปชมกันเอง แค่อยากบอกว่านี่คือหนังรักที่อบอุ่น..ละมุน
เป็นแม่แบบให้กับหนังรักสะเทือนใจอีกหลายเรื่องได้เดินตามรอย
ซึ่งผลงานของผู้กำกับ Hur Jin-ho หลังจากนั้นมีอีกมากครับ อาทิ One Fine Spring Day (2001).. April Snow (2005)
จะสังเกตว่าแต่ละเรื่องบ่งบอกถึงช่วงเวลาและฤดูกาลทั้งนั้นจริงมะ
ไมใช่แค่เฉพาะความรักของหนุ่มสาวเท่านั้น หนังยังให้ความสำคัญกับความผูกพันของคนในครอบครัว
เราไม่มีทางรู้ได้ว่าวันสุดท้ายของเราจะมาถึงเมื่อไหร่ วันนี้กินข้าวด้วยกันอยู่ดีดี วันพรุ่งนี้เขาอาจไม่อยู่กับเราแล้วก็ได้
ดังนั้นทำทุกเวลาให้ดีที่สุดนะครับ รักษาน้ำใจกันไว้ เก็บทุกความทรงจำที่ดีให้มีค่า
เพื่อที่เวลานึกถึงกันภาพทุกภาพในใจจะได้ยังคงสวยงามอยู่เสมอ..
แต่ผมเชื่อว่าต้องมีหลายท่านเมื่อได้ชม อาจจะไม่ชอบฉากจบก็เป็นได้
เพราะดูแล้วอาจไม่ได้อธิบายหลายอย่างให้ชัดเจน แต่นี่ล่ะเสน่ห์ของหนังที่ทำให้คนดูได้คิดตามต่อกันไปเอง
สำหรับตัวผมทุกอย่างมันชัดเจนแล้ว จบได้แบบโลกความเป็นจริง ไม่เพ้อฝัน และบอกเลยว่าเศร้า... ครับ
ถ้าใครอยากดูหนัง Happy แนะนำว่าอย่าดู ข้ามไปเลย
แต่กับผม ผมรักเรื่องนี้และคิดโทษตัวเองว่า ทำไมเราถึงปล่อยให้เวลาผ่านไปเกือบ 30 ปีค่อยมาดู
นี่คือหนังรักที่ควรดูซ้ำๆในทุกๆปีจริงๆ
สุดท้ายแล้วทำไมต้องเป็น Christmas in August .. ในหนังจะสื่อว่า สิงหาคม คือเดือนเกิดของพระเอก
ซึ่งมาจากการคาดเดาของตัวนางเอกเอง แต่พระเอกก็ไม่ได้ปฏิเสธแต่อย่างใด ส่วนคริสต์มาสล่ะคืออะไร..
คริสต์มาสมันคือความสุขใช่ไหมครับ นั่นก็คือตัวของดาริมนางเอก ที่เข้ามาเป็นความสุขให้กับคนราศีสิงห์อย่างจุงวอนนั่นเอง
เหมือนละอองหิมะที่โปรยปรายในใจชายหนุ่ม สัมผัสแห่งความสุขที่เต็มหัวใจแม้ว่าช่วงเวลานั้นจะแสนสั้นนักก็ตาม...
ทิ้งท้ายด้วยเพลงนี้ครับของคุณแอม เสาวลักษณ์
เพลงชื่อว่าความทรงจำ เข้ากันกับหนังเรื่องนี้ที่สุดแล้ว
เพราะหนังมันฝังใจ
=== ทิ้งท้ายครับ หนังที่ดีสำหรับตัวเรา แน่นอนว่าอาจจะไม่ได้ดีและไม่ได้ถูกใจสำหรับใคร
ซึ่งอยู่ที่ความชอบของแต่ละบุคคล ภาพยนตร์ก็เหมือนอาหารล่ะครับ อยู่ที่เราเลือกที่จะอยากชิมรสชาติแบบไหนเท่านั้นเอง ===
== Christmas in August (1998) เพราะคุณ..คือความสุขสุดท้าย..ในชีวิตผม... ==
จุงวอน เจ้าของร้านถ่ายภาพเล็กๆในเมืองเล็กพอๆกัน เขาทำงานอย่าเต็มที่คอยให้บริการลูกค้าทุกคนอย่างเอาใจใส่
การได้ถ่ายรูป ล้างอัดรูปให้ลูกค้ามันคือความสุขง่ายๆในชีวิตที่ไม่ค่อยจะมีอะไรให้ทำอย่างเขา
จนกระทั่งวันหนึ่ง.. เมื่อมีลูกค้าสาวที่เป็นตำรวจสายตรวจอย่างดาริม เข้ามาให้ช่วยล้างอัดรูป..
ชีวิตที่เหมือนภาพถ่ายสีโทนเดียวของจุงวอน ก็เริ่มมีสีสันอื่นเพิ่มเข้ามา...
คริสต์มาสในเดือนสิงหาคม (8월의 크리스마스) ภาพยนตร์ดรามาโรแมนติกของเกาหลีใต้
ผลงานการกำกับเรื่องแรกของ Hur Jin-ho นำแสดงโดย ฮัน ซุกคยู และ ชิม อึน ฮา
เรื่องราวความรักระหว่างช่างภาพหนุ่มและตำรวจสาว ท่ามกลางบรรยากาศของฤดูกาลที่แปรเปลี่ยนในรอบ 1 ปี
หนังรักเกาหลีเริ่มมีตีตลาดไทยก็ช่วงปลายยุค 90 นี่ล่ะครับ เรื่องนี้ก็เช่นเดียวกัน
ผมเองก็เคยเห็นใบปิดหนังเรื่องนี้มานานมากแล้ว เพียงแต่ไม่ได้สนใจ คือเห็นแล้วก็เดาเอาว่าคงเป็นความรักปกติธรรมดา
แถมความดรามาเรียกน้ำตาซึ้งๆสไตล์แดนกิมจิ ที่ผมคาดการณ์เอาไว้มันถูกครับ แต่เพียงแค่ครึ่งเดียวเท่านั้น
เพราะถึงเนื้อหาของมันมีอะไรที่ทำให้คนดูได้ขบคิดต่ออีกมากนัก
การดำเนินเรื่องเป็นในรูปแบบเนิบช้า หรือ slow burn นั่นก็คือการเล่าเรื่องอย่างค่อยเป็นค่อยไปอย่างช้าๆ
โดยไม่ได้เร่งรีบในการเล่าเรื่องหรือเปิดเผยปมต่างๆ อย่างรวดเร็ว
ลักษณะสำคัญจะเป็นการสร้างบรรยากาศ การพัฒนาตัวละคร และการปูเรื่องราวอย่างช้าๆ
จนกระทั่งถึงจุดที่เรื่องราวดำเนินไปถึงจุดที่เข้มข้นหรือคลี่คลาย
ซึ่งแบบนี้เรามักจะเห็นบ่อยกับภาพยนตร์ญี่ปุ่นซะเป็นส่วนใหญ่
ดังนั้นใน Christmas in August สิ่งที่ผู้ชมจะได้เห็นก็คือกิจวัตรประจำวันของจุงวอน พระเอกของเรื่อง
ที่แต่ละวันคอยถ่ายรูปลูกค้าที่เข้ามาในร้าน ทุกเพศทุกวัย นางเอกก็เป็น 1 ในนั้น
และความสัมพันธ์น่ารักกุ๊กกิ๊กก็เริ่มผลิบานในทันที..
แต่มันไม่ง่ายเช่นนั้น เกาหลีคือเจ้าแม่ของความดราม่า ยิ่งกับเรื่องนี้บอกเลยว่าสะเทือนใจแน่นอนครับ.
การให้พระเอกของเราเป็นเจ้าของร้านถ่ายรูป นี่ล่ะคือสัญญะของหนังที่ส่งมาถึงคนดู
ว่าด้วยเรื่องของการเก็บบันทึกความทรงจำนั่นเอง..
เคยเข้าร้านถ่ายรูปกันมั้ยครับ ถ้าเป็นคนเจนสมัยนี้ผมว่าส่วนใหญ่ไม่น่าจะเคยแน่นอน
เพราะยุคสมัยมันเปลี่ยนไป มือถือถ่ายรูปได้แล้ว แม้กระทั่งถ่ายรูปติดบัตรก็สามารถถ่ายกันเองได้โดยไม่จำเป็นต้องเข้าร้านถ่ายรูปกันอีก
ซึ่งสมัยก่อนนั้นเวลาจะถ่ายรูปแต่ละที ต้องร้านถ่ายรูปนี่ล่ะ ทุกชุมชนมักจะมีสักร้านสองร้านไว้เพื่อบริการเสมอๆ
ผมชอบองค์ประกอบและบรรยากาศของการไปใช้บริการร้านถ่ายรูปมาก
มันจะมีกลิ่นของความทรงจำบางอย่างที่รู้สึกคุ้นเคย ซึ่งจะว่าไปมันก็คือการโหยหาอดีตของคน GenX อย่างผมนั่นเอง
ตัวของจุงวอนจะพูดเสมอในหนังว่า สำหรับตัวของเขาแล้วทุกสิ่งล้วนมีวันจืดจางด้วยกันทั้งนั้น
ไม่ว่าจะเป็นรูปถ่ายหรือแม้กระทั่งความรัก รูปถ่ายที่ดูสดใสในวันนี้ เมื่อเวลาผ่านไปก็จะซีดจาง..
ความทรงจำของคนเราก็เช่นกัน แม้ว่าเมื่อมีความรักทุกอย่างดูสดใส
แต่ชีวิตคนเราย่อมมีตัวแปรต่างๆมากมาย เราจะรั้งความสุขไว้ตลอดไปไม่ได้..
ยิ่งกับตัวของพระเอกเขามีเหตุผลที่ไม่สามารถรั้งความสุขนั้นให้อยู่กับตัวเขาไว้ต่อไป..
ความสุขที่พัดผ่านเข้ามาอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว ความสุขที่ไม่คิดอีกแล้วว่าจะได้พบเจอในชีวิต นั่นคือดาริม นางเอกนั่นเอง
ผมคงไม่บอกว่าเหตุผลนั้นคืออะไร ต้องให้ไปชมกันเอง แค่อยากบอกว่านี่คือหนังรักที่อบอุ่น..ละมุน
เป็นแม่แบบให้กับหนังรักสะเทือนใจอีกหลายเรื่องได้เดินตามรอย
ซึ่งผลงานของผู้กำกับ Hur Jin-ho หลังจากนั้นมีอีกมากครับ อาทิ One Fine Spring Day (2001).. April Snow (2005)
จะสังเกตว่าแต่ละเรื่องบ่งบอกถึงช่วงเวลาและฤดูกาลทั้งนั้นจริงมะ
ไมใช่แค่เฉพาะความรักของหนุ่มสาวเท่านั้น หนังยังให้ความสำคัญกับความผูกพันของคนในครอบครัว
เราไม่มีทางรู้ได้ว่าวันสุดท้ายของเราจะมาถึงเมื่อไหร่ วันนี้กินข้าวด้วยกันอยู่ดีดี วันพรุ่งนี้เขาอาจไม่อยู่กับเราแล้วก็ได้
ดังนั้นทำทุกเวลาให้ดีที่สุดนะครับ รักษาน้ำใจกันไว้ เก็บทุกความทรงจำที่ดีให้มีค่า
เพื่อที่เวลานึกถึงกันภาพทุกภาพในใจจะได้ยังคงสวยงามอยู่เสมอ..
แต่ผมเชื่อว่าต้องมีหลายท่านเมื่อได้ชม อาจจะไม่ชอบฉากจบก็เป็นได้
เพราะดูแล้วอาจไม่ได้อธิบายหลายอย่างให้ชัดเจน แต่นี่ล่ะเสน่ห์ของหนังที่ทำให้คนดูได้คิดตามต่อกันไปเอง
สำหรับตัวผมทุกอย่างมันชัดเจนแล้ว จบได้แบบโลกความเป็นจริง ไม่เพ้อฝัน และบอกเลยว่าเศร้า... ครับ
ถ้าใครอยากดูหนัง Happy แนะนำว่าอย่าดู ข้ามไปเลย
แต่กับผม ผมรักเรื่องนี้และคิดโทษตัวเองว่า ทำไมเราถึงปล่อยให้เวลาผ่านไปเกือบ 30 ปีค่อยมาดู
นี่คือหนังรักที่ควรดูซ้ำๆในทุกๆปีจริงๆ
สุดท้ายแล้วทำไมต้องเป็น Christmas in August .. ในหนังจะสื่อว่า สิงหาคม คือเดือนเกิดของพระเอก
ซึ่งมาจากการคาดเดาของตัวนางเอกเอง แต่พระเอกก็ไม่ได้ปฏิเสธแต่อย่างใด ส่วนคริสต์มาสล่ะคืออะไร..
คริสต์มาสมันคือความสุขใช่ไหมครับ นั่นก็คือตัวของดาริมนางเอก ที่เข้ามาเป็นความสุขให้กับคนราศีสิงห์อย่างจุงวอนนั่นเอง
เหมือนละอองหิมะที่โปรยปรายในใจชายหนุ่ม สัมผัสแห่งความสุขที่เต็มหัวใจแม้ว่าช่วงเวลานั้นจะแสนสั้นนักก็ตาม...
ทิ้งท้ายด้วยเพลงนี้ครับของคุณแอม เสาวลักษณ์
เพลงชื่อว่าความทรงจำ เข้ากันกับหนังเรื่องนี้ที่สุดแล้ว
เพราะหนังมันฝังใจ
=== ทิ้งท้ายครับ หนังที่ดีสำหรับตัวเรา แน่นอนว่าอาจจะไม่ได้ดีและไม่ได้ถูกใจสำหรับใคร
ซึ่งอยู่ที่ความชอบของแต่ละบุคคล ภาพยนตร์ก็เหมือนอาหารล่ะครับ อยู่ที่เราเลือกที่จะอยากชิมรสชาติแบบไหนเท่านั้นเอง ===