ยุคนั้นยังไม่รู้จักกาแฟเลย รู้จักและดื่มแต่ ไมโล โอวัลติน
จนมาถึงวันนี้ วันที่ติดกาแฟ งอมแงม
ย้อนกลับไปช่วงวิกฤตเศรษฐกิจ พ.ศ. 2540 “บ้านใร่กาแฟ” ก้าวขึ้นมาเป็นแบรนด์กาแฟสดอันดับสองของไทย รองจาก Starbucks ด้วยคอนเซ็ปต์ร้านกาแฟทรงสามเหลี่ยมตั้งอยู่ในปั๊มน้ำมัน พร้อมรสชาติแบบมิด-ไฮเอนด์
ที่ราคาสูสีกับสตาร์บัคส์ ทำให้เคยขยายสาขาสูงสุดถึง 110 แห่ง สร้างยอดขายรวมกว่า 140 ล้านบาทต่อปี
อย่างไรก็ดี เมื่อปั๊ม JET ซึ่งเป็นพันธมิตรรายสำคัญขายกิจการให้ PTT (OR) และไม่สามารถคุยดีลธุรกิจกันได้ลงตัว ปตท.จึงเริ่มต้นธุรกิจร้านกาแฟของตนเองภายใต้แบรนด์ Cafe Amazon ซึ่งเข้ามาแทนที่บ้านใร่กาแฟในปั๊มน้ำมัน ทำให้แบรนด์ที่เคยโดดเด่นในปั๊มต้องถอยร่นออกจากทำเลหลัก
นอกจากนี้ กลยุทธ์การตั้งราคามิด-ไฮเอนด์ของบ้านใร่กาแฟยังถูก “คาเฟ่อเมซอน” “พันธุ์ไทย” และ “อินทนิล” ท้าทายด้วยราคาถูกกว่าและเครือข่ายปั๊มที่ครอบคลุมกว่า ทำให้ผู้บริโภคหันไปลองแบรนด์ใหม่กันมากขึ้น จนร้านบ้านใร่ฯ ต้องทยอยปิดสาขาและปรับจำนวนสาขาลงไปเหลือแค่หลักสิบ
แต่ธุรกิจไม่เคยหยุดนิ่ง “สายชล เพยาว์น้อย” ผู้ก่อตั้งบ้านใร่กาแฟ จึงพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส ด้วยการนำร้านกาแฟทั้งหลังไปตั้งนอกปั๊มน้ำมัน เปิดสาขาในย่านรามคำแหงและเอกมัย พร้อมต่อยอดเปิด “พิพิธภัณฑ์ตลาดโรงคั่วบ้านใร่กาแฟ” ที่สระบุรี เพื่อรักษาตำนานแบรนด์และสร้างรายได้จากการจำหน่ายวัตถุดิบกาแฟ-ชา และสินค้า OTOP ตลอดจนเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม
อ่านเพิ่มคอลัมน์เพิ่มเติมได้ที่
https://www.prachachat.net/opinion-column-11/news-1855765
" บ้านใร่กาแฟ” กาแฟสดที่เคยเป็น อันดับสองของไทย รองจาก Starbucks
จนมาถึงวันนี้ วันที่ติดกาแฟ งอมแงม
ย้อนกลับไปช่วงวิกฤตเศรษฐกิจ พ.ศ. 2540 “บ้านใร่กาแฟ” ก้าวขึ้นมาเป็นแบรนด์กาแฟสดอันดับสองของไทย รองจาก Starbucks ด้วยคอนเซ็ปต์ร้านกาแฟทรงสามเหลี่ยมตั้งอยู่ในปั๊มน้ำมัน พร้อมรสชาติแบบมิด-ไฮเอนด์
ที่ราคาสูสีกับสตาร์บัคส์ ทำให้เคยขยายสาขาสูงสุดถึง 110 แห่ง สร้างยอดขายรวมกว่า 140 ล้านบาทต่อปี
อย่างไรก็ดี เมื่อปั๊ม JET ซึ่งเป็นพันธมิตรรายสำคัญขายกิจการให้ PTT (OR) และไม่สามารถคุยดีลธุรกิจกันได้ลงตัว ปตท.จึงเริ่มต้นธุรกิจร้านกาแฟของตนเองภายใต้แบรนด์ Cafe Amazon ซึ่งเข้ามาแทนที่บ้านใร่กาแฟในปั๊มน้ำมัน ทำให้แบรนด์ที่เคยโดดเด่นในปั๊มต้องถอยร่นออกจากทำเลหลัก
นอกจากนี้ กลยุทธ์การตั้งราคามิด-ไฮเอนด์ของบ้านใร่กาแฟยังถูก “คาเฟ่อเมซอน” “พันธุ์ไทย” และ “อินทนิล” ท้าทายด้วยราคาถูกกว่าและเครือข่ายปั๊มที่ครอบคลุมกว่า ทำให้ผู้บริโภคหันไปลองแบรนด์ใหม่กันมากขึ้น จนร้านบ้านใร่ฯ ต้องทยอยปิดสาขาและปรับจำนวนสาขาลงไปเหลือแค่หลักสิบ
แต่ธุรกิจไม่เคยหยุดนิ่ง “สายชล เพยาว์น้อย” ผู้ก่อตั้งบ้านใร่กาแฟ จึงพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส ด้วยการนำร้านกาแฟทั้งหลังไปตั้งนอกปั๊มน้ำมัน เปิดสาขาในย่านรามคำแหงและเอกมัย พร้อมต่อยอดเปิด “พิพิธภัณฑ์ตลาดโรงคั่วบ้านใร่กาแฟ” ที่สระบุรี เพื่อรักษาตำนานแบรนด์และสร้างรายได้จากการจำหน่ายวัตถุดิบกาแฟ-ชา และสินค้า OTOP ตลอดจนเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม
อ่านเพิ่มคอลัมน์เพิ่มเติมได้ที่ https://www.prachachat.net/opinion-column-11/news-1855765