เพื่อนของเรายิงปืนใส่ต้นไม้ต้นหนึ่ง
ตอนนั้นเรากำลังเคลื่อนที่ไปข้างหน้าอย่างเร็วมาก
เร็วขนาดที่ว่า "เวลาสำหรับเราแทบจะหยุดนิ่ง" เข้าใกล้ความเร็วแสง
แต่กระสุนที่ถูกยิงออกมา ยังคงเคลื่อนที่ด้วยความเร็วที่เวลายังเดินอยู่บ้าง
ในมุมมองของเราเอง เราเห็นกระสุนเคลื่อนที่ช้าลง
และเรายัง "เห็นตัวเองในอดีต" ที่กำลังวิ่งเข้าไปยังจุดที่กระสุนจะมาโดน
ถ้าตอนนั้นเรา เลือกที่จะหลบ — อนาคตก็คือเรารอด
และเมื่ออนาคตคือเรารอด "ภาพในอดีต" ที่เราเห็นอยู่ตรงหน้าก็จะเป็นภาพของเราที่หลบไปแล้ว
แต่ถ้าเรา เลือกไม่หลบ — ภาพในอดีตก็จะกลายเป็นเราที่ถูกยิงทันที
สรุป
ถ้าอนาคตเลือกจะทำอะไร อดีตก็ต้องทำแบบนั้นตาม
แต่มันจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อ “เราอยู่ในช่วงเวลาที่ช้ามาก” หรือเกือบหยุดนิ่งเท่านั้น
ในสภาวะแบบนั้น การตัดสินใจในอนาคต จะย้อนกลับไปกำหนดอดีต ได้
ไม่ใช่เพราะเราเปลี่ยนอดีตจริง ๆ
แต่เพราะ "เวลามันบิด" จนเส้นเหตุ-ผลมันไหลกลับจากอนาคตไปหาอดีตได้
สรุป
“เมื่อเราควบคุมอนาคต อดีตก็ต้องตามเรา”
“ในเวลาที่ช้าเกือบหยุดนิ่ง อนาคตจะเป็นตัวเปลี่ยนอดีต”
ทฤษฎีผลย้อนเหตุ (ตามแนวคิดของผมเองเป็นไปได้ไหมครับ)
ตอนนั้นเรากำลังเคลื่อนที่ไปข้างหน้าอย่างเร็วมาก
เร็วขนาดที่ว่า "เวลาสำหรับเราแทบจะหยุดนิ่ง" เข้าใกล้ความเร็วแสง
แต่กระสุนที่ถูกยิงออกมา ยังคงเคลื่อนที่ด้วยความเร็วที่เวลายังเดินอยู่บ้าง
ในมุมมองของเราเอง เราเห็นกระสุนเคลื่อนที่ช้าลง
และเรายัง "เห็นตัวเองในอดีต" ที่กำลังวิ่งเข้าไปยังจุดที่กระสุนจะมาโดน
ถ้าตอนนั้นเรา เลือกที่จะหลบ — อนาคตก็คือเรารอด
และเมื่ออนาคตคือเรารอด "ภาพในอดีต" ที่เราเห็นอยู่ตรงหน้าก็จะเป็นภาพของเราที่หลบไปแล้ว
แต่ถ้าเรา เลือกไม่หลบ — ภาพในอดีตก็จะกลายเป็นเราที่ถูกยิงทันที
สรุป
ถ้าอนาคตเลือกจะทำอะไร อดีตก็ต้องทำแบบนั้นตาม
แต่มันจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อ “เราอยู่ในช่วงเวลาที่ช้ามาก” หรือเกือบหยุดนิ่งเท่านั้น
ในสภาวะแบบนั้น การตัดสินใจในอนาคต จะย้อนกลับไปกำหนดอดีต ได้
ไม่ใช่เพราะเราเปลี่ยนอดีตจริง ๆ
แต่เพราะ "เวลามันบิด" จนเส้นเหตุ-ผลมันไหลกลับจากอนาคตไปหาอดีตได้
สรุป
“เมื่อเราควบคุมอนาคต อดีตก็ต้องตามเรา”
“ในเวลาที่ช้าเกือบหยุดนิ่ง อนาคตจะเป็นตัวเปลี่ยนอดีต”