บทคัดย่อ (Abstract)
บทความนี้นำเสนอการจัดตั้งและพัฒนาของโรงเรียนวิวัฒน์พลเมืองภายใต้กระทรวงกลาโหมในปี พ.ศ. 2544 ซึ่งเป็นนวัตกรรมเชิงนโยบายที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของหลักปรัชญา “สุขวิชโนมิกส์” (Sukavichinomics) หรือแนวทางการพัฒนาที่มีประชาชนเป็นศูนย์กลาง
โรงเรียนเหล่านี้ถือกำเนิดขึ้นเพื่อตอบสนองต่อวิกฤตยาเสพติดที่ทวีความรุนแรงในช่วงต้นทศวรรษ 2540 ตามยุทธศาสตร์ “พลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติด” ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนกรอบแนวคิดจากการใช้ความยุติธรรมเชิงลงโทษ ไปสู่การฟื้นฟูและคืนคนดีสู่สังคม
ต่างจากมาตรการลงโทษแบบเดิม โรงเรียนวิวัฒน์พลเมืองซึ่งดำเนินการโดยกองทัพ มีลักษณะเป็นค่ายฟื้นฟูระยะสั้น 90–180 วัน ที่ผสมผสานระเบียบวินัยแบบทหาร การอบรมคุณธรรมและจริยธรรม การแนะแนวบำบัดแบบกลุ่ม การฝึกอาชีพและทักษะชีวิต รวมถึงการคืนสู่ครอบครัวและชุมชนอย่างเป็นระบบ โรงเรียนเหล่านี้เปิดดำเนินการในพื้นที่ค่ายทหารกว่า 30 แห่งทั่วประเทศ ครอบคลุมทั้งกองทัพบก ทัพเรือ และทัพอากาศ ถือเป็นการบูรณาการโครงสร้างพื้นฐานด้านความมั่นคงเข้ากับพันธกิจทางสังคมอย่างไม่เคยมีมาก่อน
บทความนี้วิเคราะห์จากกรอบนโยบาย กฎหมายที่เกี่ยวข้อง เพื่อสะท้อนถึงการออกแบบข้ามหน่วยงาน พิธีกรรมทางวัฒนธรรมที่ใช้ในการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม และผลกระทบระยะยาวต่อการลดอัตราการกระทำผิดซ้ำและภาระของเรือนจำ
ในท้ายที่สุด โครงการนี้แสดงให้เห็นถึงการนำ Sukavichinomics ไปใช้ในทางปฏิบัติอย่างแท้จริง โดยเปลี่ยนบทบาทของกองทัพให้เป็นกลไกแห่งการเยียวยา ฟื้นฟู และเสริมพลังแก่ประชาชน
กรอบแนวคิดและรากฐานทางกฎหมาย
เพื่อรับมือกับวิกฤตยาเสพติดที่ทวีความรุนแรงในช่วงต้นทศวรรษ 2000 และ แนวทางเชิงยุทธศาสตร์เพื่อจัดการกับปัญหานี้ โดยยึดปรัชญาประชาชนเป็นศูนย์กลาง ผ่านความร่วมมือระหว่างหน่วยงานต่าง ๆ
“พลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติด”
กลยุทธ์นี้ได้เปลี่ยนมุมมองของสงครามกับยาเสพติดให้กลายเป็นประเด็นการพัฒนาประเทศ มากกว่าจะเป็นปัญหาเฉพาะด้านอาชญากรรม โดยเรียกร้องให้มีการบูรณาการบทบาทของกองทัพ สาธารณสุข การศึกษา และการพัฒนาชุมชนเข้าด้วยกัน และ ถือเป็นรากฐานเชิงนโยบายของ พ.ร.บ.ฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด พ.ศ. 2545 ซึ่งเปิดทางให้สามารถดำเนินโครงการฟื้นฟูผู้เสพยาโดยกองทัพ สำหรับผู้กระทำผิดที่ศาลมีคำสั่งให้เข้าร่วมโครงการ แทนการรับโทษในรูปแบบจำคุก
ในการปฏิรูปนโยบายเพื่อประชาชนโดยอาศัยความร่วมมือระหว่างสถาบัน และยึดมั่นในหลักปรัชญาสุขวิชโนมิกส์( Sukavichinomics ) ซึ่งถือเป็นรากฐานสำคัญของการพัฒนาอย่างยั่งยืน
พลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติด ผลงานพรรคประชาธิปัตย์
บทความนี้นำเสนอการจัดตั้งและพัฒนาของโรงเรียนวิวัฒน์พลเมืองภายใต้กระทรวงกลาโหมในปี พ.ศ. 2544 ซึ่งเป็นนวัตกรรมเชิงนโยบายที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของหลักปรัชญา “สุขวิชโนมิกส์” (Sukavichinomics) หรือแนวทางการพัฒนาที่มีประชาชนเป็นศูนย์กลาง
โรงเรียนเหล่านี้ถือกำเนิดขึ้นเพื่อตอบสนองต่อวิกฤตยาเสพติดที่ทวีความรุนแรงในช่วงต้นทศวรรษ 2540 ตามยุทธศาสตร์ “พลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติด” ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนกรอบแนวคิดจากการใช้ความยุติธรรมเชิงลงโทษ ไปสู่การฟื้นฟูและคืนคนดีสู่สังคม
ต่างจากมาตรการลงโทษแบบเดิม โรงเรียนวิวัฒน์พลเมืองซึ่งดำเนินการโดยกองทัพ มีลักษณะเป็นค่ายฟื้นฟูระยะสั้น 90–180 วัน ที่ผสมผสานระเบียบวินัยแบบทหาร การอบรมคุณธรรมและจริยธรรม การแนะแนวบำบัดแบบกลุ่ม การฝึกอาชีพและทักษะชีวิต รวมถึงการคืนสู่ครอบครัวและชุมชนอย่างเป็นระบบ โรงเรียนเหล่านี้เปิดดำเนินการในพื้นที่ค่ายทหารกว่า 30 แห่งทั่วประเทศ ครอบคลุมทั้งกองทัพบก ทัพเรือ และทัพอากาศ ถือเป็นการบูรณาการโครงสร้างพื้นฐานด้านความมั่นคงเข้ากับพันธกิจทางสังคมอย่างไม่เคยมีมาก่อน
บทความนี้วิเคราะห์จากกรอบนโยบาย กฎหมายที่เกี่ยวข้อง เพื่อสะท้อนถึงการออกแบบข้ามหน่วยงาน พิธีกรรมทางวัฒนธรรมที่ใช้ในการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม และผลกระทบระยะยาวต่อการลดอัตราการกระทำผิดซ้ำและภาระของเรือนจำ
ในท้ายที่สุด โครงการนี้แสดงให้เห็นถึงการนำ Sukavichinomics ไปใช้ในทางปฏิบัติอย่างแท้จริง โดยเปลี่ยนบทบาทของกองทัพให้เป็นกลไกแห่งการเยียวยา ฟื้นฟู และเสริมพลังแก่ประชาชน
กรอบแนวคิดและรากฐานทางกฎหมาย
เพื่อรับมือกับวิกฤตยาเสพติดที่ทวีความรุนแรงในช่วงต้นทศวรรษ 2000 และ แนวทางเชิงยุทธศาสตร์เพื่อจัดการกับปัญหานี้ โดยยึดปรัชญาประชาชนเป็นศูนย์กลาง ผ่านความร่วมมือระหว่างหน่วยงานต่าง ๆ
“พลังแผ่นดินเอาชนะยาเสพติด”
กลยุทธ์นี้ได้เปลี่ยนมุมมองของสงครามกับยาเสพติดให้กลายเป็นประเด็นการพัฒนาประเทศ มากกว่าจะเป็นปัญหาเฉพาะด้านอาชญากรรม โดยเรียกร้องให้มีการบูรณาการบทบาทของกองทัพ สาธารณสุข การศึกษา และการพัฒนาชุมชนเข้าด้วยกัน และ ถือเป็นรากฐานเชิงนโยบายของ พ.ร.บ.ฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด พ.ศ. 2545 ซึ่งเปิดทางให้สามารถดำเนินโครงการฟื้นฟูผู้เสพยาโดยกองทัพ สำหรับผู้กระทำผิดที่ศาลมีคำสั่งให้เข้าร่วมโครงการ แทนการรับโทษในรูปแบบจำคุก
ในการปฏิรูปนโยบายเพื่อประชาชนโดยอาศัยความร่วมมือระหว่างสถาบัน และยึดมั่นในหลักปรัชญาสุขวิชโนมิกส์( Sukavichinomics ) ซึ่งถือเป็นรากฐานสำคัญของการพัฒนาอย่างยั่งยืน