สรุปข่าว US จับมือ EU ปิดดีลภาษี 15% รวมรถยนต์! | ทรัมป์ดีลใหญ่สุดในประวัติศาสตร์หรือแค่เกมการเมือง?

📌 เมื่อวานนี้ (27 ก.ค. 2025) มีข่าวใหญ่ในโลกการค้าระหว่างประเทศที่น่าจับตามองมาก ๆ ครับ โดย สหรัฐฯ และสหภาพยุโรป (EU) ได้บรรลุข้อตกลงทางการค้า ก่อนเส้นตาย 1 ส.ค. แบบฉิวเฉียด ที่ทำให้สินค้าส่งออกจากฝั่ง EU ต้องเจอกับ ภาษี 15% ในหลายหมวดสินค้า รวมถึงรถยนต์ด้วย!

📌 ประเด็นสำคัญของดีลนี้
-   🇺🇸 ทรัมป์ ประกาศดีลนี้ว่าเป็น "ข้อตกลงการค้าที่ใหญ่ที่สุด" เท่าที่เคยมีมา
-   🇪🇺 เออร์ซูลา ฟอน เดอร์ ไลเอิน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป บอกว่าเป็นดีลที่ “ยั่งยืนและคาดการณ์ได้”
-   🚗 สินค้าที่ถูกเก็บภาษี 15% ได้แก่ รถยนต์, ชิปเซ็ต, ยา ฯลฯ
-   🔩 ยกเว้นบางหมวดเช่น เหล็กและอะลูมิเนียม จะมีการตั้ง “โควตา” แทน
-   💊 ยังมีความเห็นไม่ตรงกันในประเด็นยา – ฝั่งทรัมป์บอก “ไม่รวม” แต่ฟอน เดอร์ ไลเอินย้ำ “รวมแน่ ๆ”
-   💵 EU ตกลงลงทุนในสหรัฐเพิ่ม 600,000 ล้านดอลลาร์ + ซื้อพลังงานจากสหรัฐอีก 750,000 ล้านดอลลาร์

💥 อะไรคือ "ดีลแลกดีล"?
ดีลนี้ไม่ได้แค่เรื่องภาษีครับ แต่มันคือ "ต่อรอง" กันหลายด้าน:
-   EU ยอมจ่ายภาษีเพิ่ม แลกกับการได้สิทธิเข้าถึงตลาดสหรัฐแบบลดข้อจำกัด
-   สหรัฐได้ทั้งเม็ดเงินลงทุน ทั้งยอดสั่งซื้อพลังงาน และอาวุธ
-   ทั้งหมดเกิดขึ้นก่อนดีลกับหลายประเทศอื่นจะจบ เช่น อินโดฯ, ญี่ปุ่น, ฟิลิปปินส์ (ที่ก็ได้เรทภาษีใกล้เคียงกัน)

⚠️ แล้วคนยุโรปว่าไง?
-   ฝั่งรัฐบาลหลายชาติใน EU โดยเฉพาะ เยอรมนี และ อิตาลี ยินดี เพราะหลีกเลี่ยงสงครามการค้า
-   แต่ฝั่ง “ภาคอุตสาหกรรม” โดยเฉพาะรถยนต์และยา ไม่ปลื้มเท่าไหร่ เพราะภาษีเพิ่ม = แข่งยากขึ้น
-   กลุ่มล็อบบี้ยิสต์ในเยอรมนีถึงกับออกมาเตือนว่า “นี่คือสัญญาณลบต่อเศรษฐกิจยุโรป”

🤔วิเคราะห์สั้น ๆ
-   หลายฝ่ายมองว่า ทรัมป์กำลังเดินเกม “เอาประโยชน์แบบสุดโต่ง” ก่อนเลือกตั้ง เขายังเดินหน้ากดดันหลายประเทศ และ “ใครไม่ดีลตอนนี้ อาจโดนหนักกว่าเดิมในอนาคต”
-   แต่ในทางกลับกัน EU ก็ไม่ได้เสียเปรียบเสียทีเดียว เพราะดีลนี้เปิดโอกาสทางการค้า-การลงทุนขนาดใหญ่ และลดความเสี่ยงจากสงครามภาษีที่อาจกระทบทั้งโลก

ที่มา prachachat


แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่