สุดท้ายมนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่ไม่มีวันเข้าใจกันและกันได้

“มีแต่คนอยากเป็นพระเอกในสงครามที่ไม่มีคนดู...”
วันนี้ทั้งวัน เราทำได้แค่นั่งมองจอมือถือ สลับกับส่ายหัวช้า ๆ แล้วก็อุทานในใจว่า..

“What the f*ck  ยิ้มอะไรกันวะเนี่ย…”

เปิดทวิต เปิดเฟซ ไล่อ่านคอมเมนต์ ส่องสตอรี่เพื่อน แชร์โพสต์กระหึ่มเรื่องไทย-เขมร ฝั่งหนึ่งยิ้มเบียวจัด คอสเพลย์เป็นทหารหน้าคีย์บอร์ด พิมพ์รัว ๆ เหมือนรบอยู่ชายแดน บางคนขนาดยังไม่ได้เกณฑ์ทหารแต่พร้อมจะยิงศัตรูด้วยสติกเกอร์ไลน์ “ฮึ่ม!! เพื่อชาติ!!”
อีกฝั่งพยายามตั้งสติ เตือนว่าเขตแดนคือเส้นสมมุติ
แต่ชีวิตคนคือ “เรื่องจริง” ที่ไม่มีทางกด Undo ได้เลย

เรายืนอยู่กลางความคิดสองฟาก แล้วรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคนดูที่ไม่อยากดู เหมือนถูกบังคับให้เลือกทีม ทั้งที่ใจยิ้มเหนื่อยเกินจะเชียร์ใครแล้ว ใครจะรู้บ้างว่า ในสงครามน่ะ ไม่มีใครเป็นผู้ชนะจริง ๆ หรอก มันมีแต่คนที่ รอด กับคนที่ สูญเสียบางอย่างไปตลอดชีวิต

ใช่, บางคนรอด แต่ก็มี PTSD
บางคนรอด แต่ต้องเป็นหม้าย
บางคนรอด แต่ไม่มีบ้านให้กลับ
และหลายคน... ไม่มีโอกาสรอดเลยด้วยซ้ำ

เสียงตะโกนเรื่องเกียรติภูมิชาติ, สัจจะต่อผืนแผ่นดิน, ศักดิ์ศรี ฟังดูยิ่งใหญ่ แต่พอเข้าไปดูจริง ๆ คนที่พูดแรงที่สุด ก็มักอยู่ไกลจากแนวหน้าเสมอ พวกเขาไม่ได้สละอะไรเลย… นอกจากเวลาในการพิมพ์คอมเมนต์

ในขณะที่ชีวิตของใครบางคนที่ชายแดน อาจถูกสละจริง ๆทั้งชีวิต, ทั้งครอบครัว, ทั้งอนาคต แต่เรากลับเอาความตายของคนอื่นมาสร้างความสะใจของตัวเอง
สร้าง meme, ปั่นกระแส, เฮโลซ้ำเติม มองมันเป็น content ทั้งที่มันคือชีวิตมนุษย์ที่กำลัง “burn” จริง ๆ แบบไม่มีเอฟเฟกต์ CG

ความจริงน่ะ... มนุษย์เราเก่งมากในการทำลายซ้ำ
แต่ดัน ล้มเหลวซ้ำ ๆ เวลาเรียนรู้จากอดีต
ทั้งที่ประวัติศาสตร์มันพยายามตะโกนใส่หน้าว่า

“สงครามมันห่วยแตกเสมอ ไม่ว่าใครจะเริ่มก่อนก็ตาม”

แต่ก็อย่างที่โรบินเคยพูด...
"ประวัติศาสตร์สามารถซ้ำรอยเดิมได้ แต่มนุษย์เราไม่สามารถย้อนคืนสู่อดีตได้" เพราะงั้นทุกครั้งที่เราตัดสินใจทำอะไรด้วยความเกลียด เรากำลังเดิมพันอนาคตของใครบางคนที่ไม่มีโอกาสได้เกิดมาอีกเลย

โลกนี้ไม่ต้องการฮีโร่ที่ถือปืน แต่ต้องการมนุษย์ที่ “กล้าเลือกไม่ยิง” แม้จะมีโอกาส ความรุนแรงไม่เคยเป็นคำตอบสุดท้ายของสันติภาพ... เชื่อเถอะ บ้านผมเจอมายี่สิบปีแล้ว มันไม่ได้ให้ชัยชนะ แต่มันพรากชีวิตคนที่ไม่ควรต้องเจ็บ คนที่ไม่เกี่ยวเลยกับสงครามของผู้มีอำนาจ

เมื่อเรือกำลังค่อย ๆ จม ผู้นำบางคนเลือกจุดไฟแทนจะตักน้ำออก ใช้ความขัดแย้งภายนอกกลบวิกฤติภายใน ใช้ “ชาติ” เป็นฉากหลังในการยื้ออำนาจ ส่วนชีวิตประชาชนก็เป็นแค่หมากเบี้ย... ขอให้สนุกกับบทบาทเบี้ยในเกมที่ไม่เคยเลือกเล่นนะครับทุกคน

ตลกร้ายที่สุดคือ เมื่อวานเรายังเหยียดมุสลิมกันแทบตาย พูดถึงมาเลย์แบบป้ายสีสารพัด แต่วันนี้ คนที่ยืนข้างเราในเวทีโลกกลับเป็นมาเลเซีย ส่วนคนที่เราคิดว่า “เหมือนเรา” กลับเป็นคู่สงคราม เรานี่หรือ... เมืองพุทธ?

ปัญหาคือเราโตมากับการมองเพื่อนบ้านว่า "ด้อย" มองพม่า ลาว เขมร มาเลฯ เป็นแค่ตัวประกอบของภูมิภาค เราอยากสูงส่ง อยากเป็นอิสราเอลกลางเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เหมือนกับว่าเราเป็นชาติแห่งศิวิไลซ์ล้อมรอบด้วยพวกป่าเถื่อน

ความคิดแบบนี้เองที่ทำให้คนไทยจำนวนมาก “อิน” กับการล้างเผ่าพันธุ์ชาวปาเลสไตน์ เพราะลึก ๆ มันรีเลท มันอิน มันเห็นตัวเองเป็นฝ่ายที่สูงกว่า อยู่ในวงล้อมของ “พวกดื้อด้าน” ที่ไม่ยอมจำนน

ในขณะที่อีกฝั่งอาจจะคลั่งชาติแบบบ้าน ๆ จริง พูดง่าย ๆ คือตลาดล่างจริง แต่พอหันกลับมามอง mindset ฝั่งเราเอง ก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่หรอก เราแค่ห่อมันด้วยคำว่า “รักชาติ” “หวงแผ่นดิน” แล้วก็อ้างศีลธรรมแบบ selective ไปวัน ๆ

เมื่อทุกฝ่ายต่างเชื่อว่าความถูกต้องอยู่ที่ตนเอง การล้างแค้นจึงถูกตีความว่าเป็นความยุติธรรม ทั้งที่จริงแล้ว มันคือห่วงโซ่ของความเจ็บที่ไม่มีวันจบ ทุกคนมีเหตุผลของตัวเองที่จะยืนหยัด แต่ไม่มีใครพร้อมจะเข้าใจ

สุดท้าย เมื่อสงครามจบ แคว้นใหญ่ก็จะมั่นคง... ส่วนแคว้นเล็กอย่างพวกเรา จะเหลือแค่ซาก ความสูญเสีย และบทเรียนที่ไม่เคยมีใครได้เรียนรู้จริง ๆ

เมื่อทุกอย่างจบลง ไม่ใช่ชัยชนะที่เราได้ยิน แต่เป็นเสียงของฝุ่นควัน เสียงของหัวใจที่แตกสลาย ฟ้าพลันปกคลุมด้วยเงาดำ เสียงปืนจางหายไป ทิ้งไว้เพียงความเงียบ และคำถามซ้ำ ๆ ว่า... ทำไปเพื่อใคร?

"โทน" ก็แค่ผู้ชายคนหนึ่ง คนธรรมดาเหมือนพวกเรา เพียงแต่ดวงไม่ดีพอจะได้อยู่บ้าน เขากลายเป็นทหาร อยู่ไกลจากคนที่รัก แบกปืนกลไว้แนบไหล่ทั้งที่ไม่เคยคิดอยากฆ่าใคร สิ่งที่เขายอมเสี่ยงไม่ใช่เพราะเขาโกรธใคร แต่เพราะเขารู้ว่า มีบางอย่างสำคัญกว่าชีวิตของตัวเอง

เพื่อนของเขากำลังตาย เจ้านายไม่อยู่ หน้าที่คือคำสั่ง แล้วใครเล่าจะเข้าใจเขาจริง ๆ?

เสียงระเบิดเมื่อคืนคือเสียงเดียวกับคืนที่เรากินเหล้า นั่งป๊อกเด้ง กดมือถือ ดู Netflix นอนห่มผ้าหนาใต้แอร์ 22 องศา คืนเดียวกันกับที่เขาถูกล้อมกลางป่า ไม่รู้จะรอดไหม ไม่รู้ชื่อเขาจะถูกจำได้ไหม เขาไม่ได้ตายในฐานะ “พระเอก” เขาตายในฐานะคนธรรมดาที่พยายามจะทำสิ่งดี แม้มันจะไม่เปลี่ยนโลก

บ้านผมเคยมีระเบิดตกหลังรั้ว เคยได้ยินเสียงเด็กข้างบ้านตะโกน "ม้ากกกก!" ก่อนเสียงปืนจะดัง ทุกคนในหมู่บ้านหมอบลง แล้วเด็กคนนั้นก็หายไป ผมเห็นแม่เขานั่งเงียบที่หน้าบ้านไปสามวัน ไม่ร้อง ไม่พูดอะไร โลกเงียบมาก... และตอนนั้นเอง ผมเข้าใจว่า “สันติภาพ” ไม่เคยได้มาด้วยปากที่ตะโกนใส่กันในคอมเมนต์

ทุกคนพูดถึง "ศรัทธา" แต่ไม่มีใครพูดถึง "ศพ"

พวกเราถูกสอนมาตั้งแต่เด็กว่าถ้าดื้อ เดี๋ยวจะถูกจับไปขายมาเล ว่าคนมาเลติดยา ว่าคนเขมรขโมยเก่ง ว่าคนพม่าล้างมือไม่เป็น แล้วพอได้โตขึ้น เราถึงเพิ่งรู้ว่า คนที่เราเหยียดนี่แหละที่ยื่นมือช่วยเราตอนที่โลกทั้งใบเงียบเกินไป

พอได้เห็นคนไทยเชียร์อิสราเอลล้างเผ่าพันธุ์ มันเจ็บในใจบางจุดที่ไม่เคยอยากเจ็บ เราคิดว่าเราสูงกว่าเพื่อนบ้าน ทั้งที่เราเองก็ไม่มีอะไรดีไปกว่ากันมากนักหรอก นอกจากความกลัวที่แต่งตัวเป็นความรักชาติ สุดท้ายคนธรรมดาอย่างโทนต้องตาย ส่วนคนที่อยู่ข้างบน ยังคงโพสต์เชียร์สงครามจากห้องแอร์ ยังคงพิมพ์ “ยอมไม่ได้!” พร้อมจิบลาเต้ในเช้าวันจันทร์

จะเสียเท่าไหร่ เขายังสาบานจะดูแลจนสุดใจ...

แต่พวกเราคือใครกันแน่? คนที่ร้องเพลงชาติทุกเช้า หรือคนที่ลืมชื่อคนเดือนตุลาไปแล้ว? ผมไม่รู้ว่าวันหนึ่งมันจะจบลงยังไง ผมไม่รู้ว่าใครผิดใครถูก และผมก็ไม่มั่นใจว่าประเทศนี้ยังมีอะไรให้รักเหมือนวันเด็กในโรงเรียนรึเปล่า

ไม่ขออะไรใหญ่โต ไม่ได้ต้องการให้โลกหยุดหมุน หรือให้ใครกลายเป็นวีรบุรุษ แค่ขอให้ ทหารทุกนายรอดกลับบ้าน ให้คนบริสุทธิ์ยังได้ตื่นมาทำกับข้าวให้ลูก ให้เด็ก ๆ ได้มีพรุ่งนี้ ให้พ่อแม่ไม่ต้องเฝ้าหน้าประตูเงียบ ๆ รอฟังข่าวจากใครบางคนที่ไม่แน่ใจว่าจะกลับมารึเปล่า เพราะสุดท้ายแล้ว เราไม่ได้อยากชนะใครเลย แค่ไม่อยากเห็นใครตายเพิ่ม

ท้ายที่สุดแล้ว เราอาจไม่ต้องการคำตอบว่าฝ่ายไหนถูกหรือผิด แต่อาจแค่หวังว่า จะมีคนรอดมากกว่าตาย จะมีแม่ที่ได้เห็นลูกกลับบ้านมากกว่ารูปบนกรอบรูป จะมีคนที่ยังเชื่อในมนุษย์ มากกว่าคนที่เชื่อในคำสั่ง

สงครามอาจไม่มีวันจบถ้าทุกคนยังเอาชนะ
เป็นเป้าหมาย แต่ถ้าเราเริ่มจากการ “อยากให้คนข้างหน้าไม่ต้องเจ็บ” แค่นั้น… บางทีสันติภาพก็อาจเริ่มได้จริง ๆ

ขอให้ทหารทุกนาย และผู้บริสุทธิ์ทุกชีวิต
ปลอดภัยจากเกมของคนที่ไม่มีวันเล่นเอง..

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่