ภาวะเงินฝืดคืออะไร? ทำความเข้าใจสถานการณ์เศรษฐกิจที่หลายคนกังวล!!!

ภาวะเงินฝืดคืออะไร? ทำความเข้าใจสถานการณ์เศรษฐกิจที่หลายคนกังวล
ช่วงที่ผ่านมาหลายคนคงได้ยินคำว่า "เงินฝืด" บ่อยครั้งในข่าวเศรษฐกิจ บางคนอาจเริ่มสงสัยว่ามันคืออะไรกันแน่ และประเทศไทยกำลังเผชิญกับสถานการณ์นี้อยู่หรือไม่ บทความนี้จะพาทุกคนไปทำความเข้าใจภาวะเงินฝืดแบบง่าย ๆ

เงินฝืดคืออะไร?
ลองนึกภาพว่าปกติแล้วราคาสินค้าและบริการส่วนใหญ่ในตลาดจะค่อย ๆ แพงขึ้นเรื่อย ๆ ตามกาลเวลา นั่นคือ "เงินเฟ้อ" แต่ "เงินฝืด" (Deflation) คือตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิง! มันคือ ภาวะที่ระดับราคาสินค้าและบริการโดยทั่วไปในระบบเศรษฐกิจมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง พูดง่าย ๆ คือ ข้าวของเครื่องใช้ต่าง ๆ มีราคาถูกลงเรื่อย ๆ

ฟังดูดีใช่ไหม? เพราะเราสามารถซื้อของได้มากขึ้นด้วยเงินเท่าเดิม แต่ในความเป็นจริงแล้ว ภาวะเงินฝืดกลับเป็นสัญญาณอันตรายที่หลายประเทศกังวล

อะไรคือสาเหตุของเงินฝืด?
ภาวะเงินฝืดมักเกิดขึ้นจากหลายสาเหตุผสมผสานกัน ได้แก่:
1. คนไม่อยากใช้จ่าย (อุปสงค์อ่อนแอ): เมื่อผู้คนไม่มั่นใจในเศรษฐกิจ มองว่าอนาคตไม่แน่นอน หรือคาดการณ์ว่าราคาสินค้าจะลดลงอีก ก็จะชะลอการซื้อ ทำให้ความต้องการสินค้าและบริการลดลง
2. สินค้าล้นตลาด (อุปทานสูงเกินไป): มีการผลิตสินค้าออกมามากกว่าความต้องการซื้อของผู้บริโภค ทำให้ผู้ประกอบการต้องลดราคาเพื่อระบายสินค้า
3. ปริมาณเงินในระบบลดลง: เมื่อเงินที่หมุนเวียนอยู่ในระบบเศรษฐกิจมีน้อยลง คนก็มีเงินจับจ่ายใช้สอยน้อยลงตามไปด้วย
4. การแข่งขันสูง: ในบางอุตสาหกรรมที่มีการแข่งขันรุนแรง ผู้ประกอบการอาจจำเป็นต้องลดราคาเพื่อรักษาส่วนแบ่งตลาด

ทำไมเงินฝืดถึงน่ากังวล?
แม้ว่าการที่ราคาสินค้าถูกลงจะดูเหมือนเป็นข่าวดีสำหรับผู้บริโภค แต่ในระยะยาว ภาวะเงินฝืดจะส่งผลเสียต่อเศรษฐกิจอย่างรุนแรง เพราะมันจะสร้าง "วงจรขาลง" ดังนี้:
1. ธุรกิจขาดทุน/กำไรลด: เมื่อราคาสินค้าลด ธุรกิจก็มีรายได้และกำไรน้อยลง
2. ชะลอการลงทุนและผลิต: เมื่อไม่ค่อยมีกำไร ธุรกิจก็ไม่อยากลงทุนเพิ่ม ไม่ขยายกิจการ และลดกำลังการผลิต
3. ปลดคนงาน/ลดค่าจ้าง: เมื่อการผลิตลดลง ธุรกิจอาจจำเป็นต้องลดพนักงานหรือลดค่าจ้าง เพื่อควบคุมค่าใช้จ่าย
4. คนมีรายได้น้อยลง: เมื่อคนถูกปลดหรือได้ค่าจ้างน้อยลง ก็จะไม่มีเงินไปจับจ่ายใช้สอย ทำให้กำลังซื้อในตลาดลดลงอีก
5. เศรษฐกิจซบเซา: วงจรนี้จะดำเนินไปเรื่อย ๆ ทำให้เศรษฐกิจโดยรวมชะลอตัว ไม่มีการเติบโต และอาจนำไปสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยรุนแรง

ประเทศไทยกำลังเจอเงินฝืดอยู่หรือไม่?
จากข้อมูลล่าสุด ประเทศไทยยังไม่เข้าสู่ภาวะเงินฝืดอย่างสมบูรณ์ แม้ว่าตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) หรือ "เงินเฟ้อทั่วไป" ของไทยจะแสดงตัวเลขติดลบในบางเดือน โดยเฉพาะในช่วงเดือนเมษายนและพฤษภาคม 2568 ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการติดลบครั้งแรกในรอบกว่าหนึ่งปี

ทำไมถึงยังไม่เรียกว่าเงินฝืด?
1. ติดลบเพราะปัจจัยชั่วคราว: การที่เงินเฟ้อทั่วไปติดลบส่วนใหญ่เป็นผลมาจาก มาตรการของภาครัฐ ในการลดค่าครองชีพ เช่น การลดค่าไฟฟ้า หรือราคาน้ำมันเชื้อเพลิงที่ลดลงจากนโยบายภาครัฐ ซึ่งเป็นปัจจัยเฉพาะที่เกิดขึ้นกับสินค้าหมวดพลังงานเป็นหลัก
2. เงินเฟ้อพื้นฐานยังเป็นบวก: หากเราพิจารณา "เงินเฟ้อพื้นฐาน" (Core CPI) ซึ่งเป็นการคำนวณที่ตัดราคาสินค้าหมวดพลังงานและอาหารสดที่มีความผันผวนสูงออกไป จะพบว่า เงินเฟ้อพื้นฐานของไทยยังคงเป็นบวกอยู่ ซึ่งหมายความว่าราคาสินค้าและบริการโดยรวมที่ไม่ได้ขึ้นกับพลังงานโดยตรงยังคงเพิ่มขึ้น
3. ยังไม่ครบเงื่อนไข: ตามหลักเกณฑ์สากลของธนาคารกลางหลายแห่ง การที่จะเข้าสู่ภาวะเงินฝืดได้อย่างเป็นทางการ ต้องมีสัญญาณที่ชัดเจนและต่อเนื่องหลายข้อ เช่น อัตราเงินเฟ้อติดลบเป็นเวลานานและกระจายตัวในสินค้าหลายหมวด การคาดการณ์เงินเฟ้อในระยะยาวที่ลดต่ำลงมาก รวมถึงเศรษฐกิจที่ติดลบและการว่างงานที่เพิ่มขึ้น ซึ่งปัจจุบันของไทยยังไม่ครบเงื่อนไขเหล่านี้

สรุป: แม้ว่าตัวเลขเงินเฟ้อทั่วไปของไทยจะติดลบในบางช่วงเวลา แต่ส่วนใหญ่เป็นผลจากมาตรการของภาครัฐ และเงินเฟ้อพื้นฐานยังคงเป็นบวก ซึ่งบ่งชี้ว่าประเทศไทยยังไม่ได้เข้าสู่ภาวะเงินฝืดอย่างที่หลายคนกังวล อย่างไรก็ตาม การที่เงินเฟ้ออยู่ในระดับต่ำต่อเนื่องและมีแนวโน้มติดลบในบางช่วงเวลา ก็เป็นสิ่งที่หน่วยงานเศรษฐกิจต้องจับตาอย่างใกล้ชิด เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดภาวะเงินฝืดขึ้นจริงในอนาคต

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่