.

.
.
.
.

.
The Strangest Parrot in the World
| Modern Dinosaurs
.
.

.
.
Kākāpō คาคาโป นกแก้ว
Chonky
ที่มีอายุยืนยาวเกือบ 100 ปี
ชื่อ Kākāpō (
Strigops habroptila)
หรือที่รู้จักกันในชื่อนกแก้วนกฮูก
ถิ่นอาศัย นอกชายฝั่งนิวซีแลนด์ เกาะคอดฟิช
เกาะม็อด และหมู่เกาะลิตเติลแบร์ริเออร์
อาหาร กินพืช จะแตกต่างกันไปตามฤดูกาล
ได้แก่ หัวใต้ดิน ผลไม้ เมล็ด ตาใบ
หน่ออ่อน เห็ดรา และมอส
นกแก้วกลางคืนที่บินไม่ได้ชนิดนี้
พบได้เฉพาะในนิวซีแลนด์เท่านั้น
สิ่งแรกที่จะสังเกตเห็นเกี่ยวกับ
นกแก้วคาคาโป คือ นกแก้วขนาดใหญ่
ที่บินไม่ได้อีกชนิดหนึ่ง
ที่พบได้เฉพาะในนิวซีแลนด์
มีรูปร่างที่อ้วนกลม (ตุ้ยนุ้ย)
มีหัวและลำตัวที่กลมน่ารัก
ใบหน้าคล้ายนกฮูก ขาที่แข็งแรง
และเป็น
นกแก้วที่ใหญ่ที่สุด ในปัจจุบัน
ตัวผู้มีความยาวได้ถึง 25 นิ้ว (64 เซนติเมตร)
และหนักได้เกือบ 9 ปอนด์ (4 กิโลกรัม)
นกคาคาโปยังเป็นหนึ่งในประเภทนก
ที่มี
อายุยืนยาวที่สุดในโลก
โดยคาดว่ามีอายุถึง 90 ปี
ชื่อ คาคาโป ในภาษาเมารี
แปลว่า
นกแก้วกลางคืน
ซึ่งอ้างอิงถึงนิสัยหากิน
เวลากลางคืนของนกชนิดนี้
แม้ว่านกคาคาโปจะบินไม่ได้
แต่เดินได้เป็นระยะทางไกล
เป็นนักปีนป่ายที่คล่องแคล่ว
ปีนป่ายและกระโดดจากต้นไม้
โดยใช้ปีกที่สั้นลงเพื่อทรงตัว
เมื่อพวกมันรู้สึกถึงอันตราย
นกคาคาโปจะนิ่งอยู่กับที่
ขนสีเขียวมรกตลายจุด
ทำให้แทบมองไม่เห็นตัวนก
เมื่ออยู่ท่ามกลางฉากหลัง
ของป่าไม้เขียวขจี
ขนของนกคาคาโปตัวผู้
จะมีกลิ่นเฉพาะตัว
ซึ่งนักวิทยาศาสตร์อธิบายว่า
หอมหวานและมีกลิ่นฉุน
และกลิ่นอันทรงพลังนี้
อาจมีบทบาทสำคัญต่อ
ความสำเร็จในการผสมพันธุ์ของตัวผู้
การผสมพันธุ์ของนกคาคาโป
ก็มีความพิเศษเช่นกัน
เพราะมีพฤติกรรมที่เรียกว่า
Lekking
.
.

.
What the Heck is a Lek?
.
.
ตัวผู้จะสร้างวิมานรักขึ้นมา
โดยสร้างแอ่งตื้น ๆ คล้ายชามในพื้นดิน
จากนั้นพวกมันจะหมอบลงในชาม
และร้องเรียกตัวเมียโดยใช้เสียง
สองแบบที่แตกต่างกัน คือ
เสียง บูม booms ความถี่ต่ำเป็นชุด ๆ
ที่ฟังดูเหมือนทูบา
Tuba
สลับกับเสียง ชิง ching แหลมสูง
อาจส่งเสียงบูมและชิงติดต่อกัน
นานถึงแปดชั่วโมง และต่อเนื่องทุกคืน
เป็นเวลาสองถึงสามเดือน
.
ในช่วงที่ตัวเมียไม่ให้ความสนใจ
ตัวผู้บางตัวก็มักจะหันไป
แสดงความรักอย่างอื่นแทน
ในปี 1990
Douglas Adams นักเขียน
ได้พบเจอเรื่องที่แปลกประหลาด
กับนกกาคาโปผู้หลงใหล
โดยอธิบายไว้ในหนังสือชื่อ
Last Chance to See
Penguin Random House, 1992)
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นขณะที่
กำลังบันทึกรายการวิทยุของ
BBC
เกี่ยวกับสัตว์ใกล้สูญพันธุ์
.
.

.
Ralph, the fragrant parrot of
Codfish Island
.
.
“ เมื่อเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าคนหนึ่ง
ที่ทำงานในพื้นที่ที่นกคาคาโป
กำลังส่งเสียงร้องอย่างกึกก้อง
บังเอิญทำหมวกหล่นลงพื้น
ครั้นกลับมาหาในภายหลัง
แล้วพบว่า นกคาคาโป
กำลังพยายามจะขโมยมัน ”
นักวิทยาศาสตร์ที่ทำงานกับ
นกคาคาโปตัวหนึ่ง ได้สร้าง
หมวกยางสำหรับใส่น้ำอสุจิ ขึ้นมา
เพื่อรองรับนกคาคาโปตัวหนึ่ง
ชื่อ Sirocco ซึ่งขึ้นชื่อความพิเรน
เรื่องพยายาม
ผสมพันธุ์กับหัวคน
หมวกนี้มีพื้นผิวเป็นรอยบุ๋ม
เหมาะสำหรับการเก็บอสุจินก
เพื่อใช้ในการผสมเทียมนก
.
.

.
Shagged by a rare parrot
| Last Chance To See - BBC
.
.
ในช่วงทศวรรษ 1970
นักอนุรักษ์ได้ค้นพบประชากรนก
ที่เพาะพันธุ์ได้ประมาณ 200 ตัว
เป็นเวลาหลายทศวรรษ
ที่พวกเขาทำงานเพื่อปกป้อง
นกคาคาโปและสร้างอนาคตที่มั่นคง
โดยย้ายพวกมันไปยังเกาะสามเกาะ
ที่พวกมันอาศัยอยู่ในปัจจุบัน
สถานที่ซึ่งสัตว์กินเนื้อ(แมว)
ผู้รุกรานทั้งหมดถูกกำจัดจนหมดสิ้น
ปัจจุบันมีนกคาคาโป
อยู่ในธรรมชาติประมาณ 242 ตัว
และได้รับการยอมรับว่า
อยู่ในข่ายสัตว์ใกล้สูญพันธุ์อย่างยิ่ง
และมีความเสี่ยงสูงที่จะสูญพันธุ์
.
เรียบเรียง/ที่มา
Livescienc
Kakapo
.
.
.

.
.

.
.

.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.

.
ขนนก Kakapo
.
.

.
.
.
การควบคุม/กำจัดแมวในปี 1975
ทำให้จำนวนนกคาคาโป
ชะลอการลดลงอย่างรวดเร็ว
เมื่อเร็ว ๆ นี้จำนวนนกคาคาโป
ก็เริ่มเพิ่มขึ้นภายใต้แผนฟื้นฟู
ลูกศรสีแดงแสดงปีผสมพันธุ์
จากเดิมที่คาดว่าจะเหลือ
นกคาคาโปเพียงแค่ 50 ตัว
.
.
Kākāpō นกแก้วอายุยืนร่วม 100 ปี
.
.
.
.
.
The Strangest Parrot in the World
| Modern Dinosaurs
.
.
.
.
Kākāpō คาคาโป นกแก้ว Chonky
ที่มีอายุยืนยาวเกือบ 100 ปี
ชื่อ Kākāpō (Strigops habroptila)
หรือที่รู้จักกันในชื่อนกแก้วนกฮูก
ถิ่นอาศัย นอกชายฝั่งนิวซีแลนด์ เกาะคอดฟิช
เกาะม็อด และหมู่เกาะลิตเติลแบร์ริเออร์
อาหาร กินพืช จะแตกต่างกันไปตามฤดูกาล
ได้แก่ หัวใต้ดิน ผลไม้ เมล็ด ตาใบ
หน่ออ่อน เห็ดรา และมอส
นกแก้วกลางคืนที่บินไม่ได้ชนิดนี้
พบได้เฉพาะในนิวซีแลนด์เท่านั้น
สิ่งแรกที่จะสังเกตเห็นเกี่ยวกับ
นกแก้วคาคาโป คือ นกแก้วขนาดใหญ่
ที่บินไม่ได้อีกชนิดหนึ่ง
ที่พบได้เฉพาะในนิวซีแลนด์
มีรูปร่างที่อ้วนกลม (ตุ้ยนุ้ย)
มีหัวและลำตัวที่กลมน่ารัก
ใบหน้าคล้ายนกฮูก ขาที่แข็งแรง
และเป็น นกแก้วที่ใหญ่ที่สุด ในปัจจุบัน
ตัวผู้มีความยาวได้ถึง 25 นิ้ว (64 เซนติเมตร)
และหนักได้เกือบ 9 ปอนด์ (4 กิโลกรัม)
นกคาคาโปยังเป็นหนึ่งในประเภทนก
ที่มีอายุยืนยาวที่สุดในโลก
โดยคาดว่ามีอายุถึง 90 ปี
ชื่อ คาคาโป ในภาษาเมารี
แปลว่า นกแก้วกลางคืน
ซึ่งอ้างอิงถึงนิสัยหากิน
เวลากลางคืนของนกชนิดนี้
แม้ว่านกคาคาโปจะบินไม่ได้
แต่เดินได้เป็นระยะทางไกล
เป็นนักปีนป่ายที่คล่องแคล่ว
ปีนป่ายและกระโดดจากต้นไม้
โดยใช้ปีกที่สั้นลงเพื่อทรงตัว
เมื่อพวกมันรู้สึกถึงอันตราย
นกคาคาโปจะนิ่งอยู่กับที่
ขนสีเขียวมรกตลายจุด
ทำให้แทบมองไม่เห็นตัวนก
เมื่ออยู่ท่ามกลางฉากหลัง
ของป่าไม้เขียวขจี
ขนของนกคาคาโปตัวผู้
จะมีกลิ่นเฉพาะตัว
ซึ่งนักวิทยาศาสตร์อธิบายว่า
หอมหวานและมีกลิ่นฉุน
และกลิ่นอันทรงพลังนี้
อาจมีบทบาทสำคัญต่อ
ความสำเร็จในการผสมพันธุ์ของตัวผู้
การผสมพันธุ์ของนกคาคาโป
ก็มีความพิเศษเช่นกัน
เพราะมีพฤติกรรมที่เรียกว่า Lekking
.
.
What the Heck is a Lek?
.
.
ตัวผู้จะสร้างวิมานรักขึ้นมา
โดยสร้างแอ่งตื้น ๆ คล้ายชามในพื้นดิน
จากนั้นพวกมันจะหมอบลงในชาม
และร้องเรียกตัวเมียโดยใช้เสียง
สองแบบที่แตกต่างกัน คือ
เสียง บูม booms ความถี่ต่ำเป็นชุด ๆ
ที่ฟังดูเหมือนทูบา Tuba
สลับกับเสียง ชิง ching แหลมสูง
อาจส่งเสียงบูมและชิงติดต่อกัน
นานถึงแปดชั่วโมง และต่อเนื่องทุกคืน
เป็นเวลาสองถึงสามเดือน
.
เสียงนก Kakapo
.
.
.
Tuba
.
.
ในช่วงที่ตัวเมียไม่ให้ความสนใจ
ตัวผู้บางตัวก็มักจะหันไป
แสดงความรักอย่างอื่นแทน
ในปี 1990
Douglas Adams นักเขียน
ได้พบเจอเรื่องที่แปลกประหลาด
กับนกกาคาโปผู้หลงใหล
โดยอธิบายไว้ในหนังสือชื่อ
Last Chance to See
Penguin Random House, 1992)
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นขณะที่
กำลังบันทึกรายการวิทยุของ BBC
เกี่ยวกับสัตว์ใกล้สูญพันธุ์
.
.
Ralph, the fragrant parrot of
Codfish Island
.
“ เมื่อเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าคนหนึ่ง
ที่ทำงานในพื้นที่ที่นกคาคาโป
กำลังส่งเสียงร้องอย่างกึกก้อง
บังเอิญทำหมวกหล่นลงพื้น
ครั้นกลับมาหาในภายหลัง
แล้วพบว่า นกคาคาโป
กำลังพยายามจะขโมยมัน ”
นักวิทยาศาสตร์ที่ทำงานกับ
นกคาคาโปตัวหนึ่ง ได้สร้าง
หมวกยางสำหรับใส่น้ำอสุจิ ขึ้นมา
เพื่อรองรับนกคาคาโปตัวหนึ่ง
ชื่อ Sirocco ซึ่งขึ้นชื่อความพิเรน
เรื่องพยายาม ผสมพันธุ์กับหัวคน
หมวกนี้มีพื้นผิวเป็นรอยบุ๋ม
เหมาะสำหรับการเก็บอสุจินก
เพื่อใช้ในการผสมเทียมนก
.
.
Shagged by a rare parrot
| Last Chance To See - BBC
.
.
ในช่วงทศวรรษ 1970
นักอนุรักษ์ได้ค้นพบประชากรนก
ที่เพาะพันธุ์ได้ประมาณ 200 ตัว
เป็นเวลาหลายทศวรรษ
ที่พวกเขาทำงานเพื่อปกป้อง
นกคาคาโปและสร้างอนาคตที่มั่นคง
โดยย้ายพวกมันไปยังเกาะสามเกาะ
ที่พวกมันอาศัยอยู่ในปัจจุบัน
สถานที่ซึ่งสัตว์กินเนื้อ(แมว)
ผู้รุกรานทั้งหมดถูกกำจัดจนหมดสิ้น
ปัจจุบันมีนกคาคาโป
อยู่ในธรรมชาติประมาณ 242 ตัว
และได้รับการยอมรับว่า
อยู่ในข่ายสัตว์ใกล้สูญพันธุ์อย่างยิ่ง
และมีความเสี่ยงสูงที่จะสูญพันธุ์
.
เรียบเรียง/ที่มา
Livescienc
Kakapo
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
ขนนก Kakapo
.
.
.
.
.
การควบคุม/กำจัดแมวในปี 1975
ทำให้จำนวนนกคาคาโป
ชะลอการลดลงอย่างรวดเร็ว
เมื่อเร็ว ๆ นี้จำนวนนกคาคาโป
ก็เริ่มเพิ่มขึ้นภายใต้แผนฟื้นฟู
ลูกศรสีแดงแสดงปีผสมพันธุ์
จากเดิมที่คาดว่าจะเหลือ
นกคาคาโปเพียงแค่ 50 ตัว
.
.