ปนวคิดเกี่ยวกับศาสนาของเรา

เราเป็นคนไร้ศาสนาที่ชอบศึกษาปรัชญาซึ่งมันทำให้เรามักจะมีปัญหากับคนที่บ้านเช่น ป้าชอบบอกว่า”….ไหว้พระเร็ว‘‘ ทุกครั้งเราจะตอบทันทีทัน‘‘ไม่อ่ะไม่ได้นับถือ‘‘ ซึ่งป้าเราก็จะมองว่าเรานั้นหลบลู่และดูหมื่นศาสนาพุทธซึ่งนั้นไม่ใช่เรื่องของเรา ไม่ใช่ว่าไม่รักเขาแต่เราควบคุมความคิดเขาไม่ได้

ก่อนหน้านีได้ลองศึกษาแนวคิดของคุณ Alfre adler ว่าด้วยจิตวิทยาปัจเจคบุคคล(Individual Psychology) ว่าด้วยการเปันส่วนนึงของสังคม,การแยกแยะธุระ และ ให้กำลังใจแทนการต่อว่า So คือเราไม่ได้ศศาสนาาสตร์บุคคลท่าท่านนี้เยอะมาก เพราะหนังสือที่สอนเกี่ยวกับจิตวิทยานี้มีค่อนข้างน้อยเช่น กล้าที่จะถูกเกลียดทั้งสองเล่มสีน้ำเงิน กับ เล่มที่เผ็นมังงะออกธีมเขียวๆตรงปก มันค่อนช้างสนุกและได้ความรู้พอสมควรแต่เรไม่สามารถถเอามาประยุกต์ได้ทั้งหมดเนื่องจากค่อนข้างเข้าใจยาก

จนเรามาเจอหนังสือเล่มนึงนั้นคือ Lives of The stoics ซึ่งมันค่อนข้างเปิดโลกคนที่ไม่มีศาสนาแบบเรามันทำให้เราอยากเป็นคนที่ดีขึ้นเพื่อโลก และ ที่สำคัญเพื่อตัวเอง เราได้ทำการเรียนรู้ การทำสมาธิ การปล่อยวางสิ่งที่ไม่ใช่ของเราจริงๆ เช่น เงิน บ้าน ร่างกาย ซึ่งที่เป็นของเราจริงนั้นคือ ภายในจิตใจของเเราเลยรุเรู้สึกมากกว่าเดิมว่าศาสนามันมไ่จำเปกับเราอีกต่อไปเพราะตอนนี้เราโล่งและสบายมากๆ

ในวัย 21 ปี เราเป้าหมายบนั้นคือ eudaimonia ถ้าแปลเป็นไทยนี่ค่อนข้างจะยากมาก แต่คำนินามของเราคือ ชีวิตที่เจริญงอกงามภายในหลักการบางอย่าง มันเป็นสิ่งที่อธิบายอยากจริงๆมันต้องใช้ความรู้สึกในการศึกษาพอสมควร ซึ่งในหนังสือที่เราอ่านนำเสนอโดยเราชีวประวของนักปรัชญาแต่ล่ะคนไม่ว่าจะเป็น Xeno,Cato the youge,Cleanthe,etc ซึ่งมันทำให้การเรียนรู้ไปอย่างราบรื่นรวมถึงเรายังใช้เลขาผู้น่ารักอย่าง ChatGPT ที่เราได้สมัครเดือนล่ะ 700 บาท เป็นผู้ช่วยในการเรียนรู้(เรียนรูวง่ายขึ้นหลายเท่าตัสเลยงับ)

มาที่เรื่องศาสนาพอเราเรียนผรัชญานี้แล้วมันทำให้เรารู้สึกว่าศาสนาไม่จำเป็นอย่างสิ้นเชิง ในตอนนี้เราไม่ไหว้พระ เวลาคุยกับพระก็จะคุยกับเขาในฐานะมนุษย์คนนึง ไม่ได้มองว่าเขาสูงไปกว่าเรา เราเชื่อว่คนนเรามีคุณค่เท่ากันเสมอ แต่คุณค่าของคนนั้นๆกชจะถูกตัดสินโดยมุมมองของผู้อื่น และ ไม่มีใครกำหนดคุณค่าคนเราได้แท้จริงมจริง การที่เราเป็นแบบตอนนี้นคนทีเราไม่ชอไม่ชออบเราเยอะมาก คนๆนั้นไม่ชอบที่เรามักจะตั้งคำถามกับทุกอย่างที่เกิดขึ้น และสิ่งเดิมที่มีอยู่แล้ว(เราคงไป trigger อะไรบางอย่างในตัวเขา)

มาที่ตัวคำสอนชองศาสนาพุทธเรามองว่าการที่ต้องไหว้พเเเพื่อระลึกถึงคุณงามความดีของพระพุทธเจ้าเป็นการ Propaganda(โฆษณาชวนเชื่อ)มันเหมือนการบอกว่าเพราะมนุษย์ผู้เป็นผู้ควรค่าแก่การกราบไหว้ ซึ่งในสายตาเราพระพุทธเจ้าเป็นนักปรัชญาคนนึงเช่นกัน เราเลยมองว่าเขาเป็นแค่คนๆนึงที่ฉลาดหลักแหลมไม่ใชผู้วิเศษเหนือใครๆ บางคนอาจจะอ่านถึงตรงนี้แล้วคิดว่า ไอนี่มันบัวสี่เหล่า แต่สำหรับเราถ้าเราโดนว่าแบบนี้จะถือเป็นคำชมครับทเพราะว่าเหมือนโดนบอกว่าเป็นดอกบัวที่สวยงามที่กำลังหลบอยู่ใต้น้ำและกำลังซุ่มพัฒนาตัวเองอยู่ รอวันโผล่พ้นน้ำขึ้นมา หรือ ถ้าไม่โผล่ก็เป็นแค่คนธรรมดาที่อยู่เฉยๆ ไม่ได้สำคัญขนาดนั้นสุดท้ายคนก็ลืมไปตามการเวลา

นี่คือมุมมองของเราครับอยากให้ช่วยเคารพกันในฐานะมนุษย์นะครับ อะไรที่ไม่ดีติชมด้วยความสุภาพครับ ขอบคุณสำหรับข้อคิดเห็นความเห็นของทุกคนล้วนมีค่าในการพัฒนามนุษย์คนนี้ครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่