เรากับพี่สาวเป็นลูกของภรรยาคนแรกของพ่อ (ไม่ได้จดทะเบียน) แม่แยกทางกับพ่อ เพราะพ่อทำร้ายร่างกายและชอบพูดจาแย่ๆใส่
เรากับพี่สาวอยู่กับย่า แต่พ่อก็ส่งเสียพวกเราเรียนจนจบปริญญา ระหว่างนั้นพ่อก็มีภรรยาใหม่ จดทะเบียน และมีลูกอีก 2 คน
ย่าจะไม่ค่อยให้เราไปยุ่งกับบ้านพ่อ (เรากับพี่สาวอยู่บ้านย่า) เพราะภรรยาใหม่ของพ่อไม่ชอบย่า เคยตะโกนด่าย่าต่อหน้าคนเยอะๆมาแล้ว พ่อก็เข้าข้างภรรยาใหม่
เมื่อประมาณ 2 ปีก่อน ย่าเราเสียชีวิต โดยยกมรดกเป็นบ้านและที่ดินที่เราอยู่ ให้เป็นชื่อของเราและพี่สาว (แต่พี่สาวโอนที่ให้เราเป็นเจ้าของคนเดียว)
เรื่องเกินเมื่อไม่กี่อาทิตย์ก่อนพ่อโทรมาขอเงินทั้งเราและพี่สาวหลักแสน เพราะว่าธุรกิจค้าขายที่พ่อทำขาดทุน เรากับพี่สาวเป็นพนักงานออฟฟิศ ที่มีภาระผ่อนรถยนต์ และค่าใช้จ่ายอีกหลายอย่าง (เช่นค่าเช่าบ้าน เนื่องจากไม่สามารถกลับไปอยู่บ้านที่เป็นมรดกได้ด้วยเหตุผลบางอย่างที่ค่อนข้างรุนแรง) เรากับพี่เลยตัดสินใจย้ายมากรุงเทพเพื่อหางานทำและเช่าบ้านอยู่
ด้วยภาระที่เยอะมากๆ และเงินเดือนที่เหลือใช้ต่อเดือนทำให้ไม่มีเงินเก็บ พ่อได้เอาทองของย่าที่พี่สาวฝากไว้ไปขายโดยไม่บอกพี่สาว แต่พี่ก็ไม่ได้โกรธ
เราและพี่สาวพยายามทำตัวไม่ให้เป็นภาระของพ่อมากที่สุด หลังจากเรียนจบก็ทำงานทันที ไม่ขอเงินพ่ออีกต่อไป
แต่พอทั้งเราและพี่สาวบอกพ่อว่าเราไม่มีเงินเก็บขนาดนั้น เรามีแค่ 1 หมื่นต้นๆด้วยซ้ำ พ่อก็รู้สึกไม่พอใจ ที่พวกเราทำงานกันมานานแต่ไม่มีเงินเก็บ
พ่อบอกพี่สาวเราว่าพ่อมีปัญหากับภรรยาใหม่เนื่องจากธุรกิจพ่อขาดทุน (ภรรยาใหม่ของพ่อไม่เคยทำงานตั้งแต่แต่งงานกับพ่อมา)
และภรรยาใหม่ของพ่อไม่ให้พ่อเอาทองของตัวเองไปขาย ทำให้ไม่มีเงินหมุนเวียน
พ่อต้องเลี้ยงลูกอีก 2 คน คนโตผู้ชายเรียนจบสายอาชีพ แต่ไม่ไปทำงาน (พ่อบอกว่าเคยไปทำโรงงานแล้วโดนไล่ออกเนื่องจากเถียงหัวหน้างาน) แล้วยังพาผู้หญิง (ลูกสะใภ้) เข้ามาอยู่ในบ้านอีกคน ซึ่งน้องสะใภ้ก็ไม่ทำงาน ส่วนลูกอีกคนของพ่อเป็นผู้หญิงยังเรียนไม่จบ อยู่ม.ปลาย
เท่ากับว่าพ่อต้องทำงานเลี้ยงตัวเองและอีก 4 คนในเศรษฐกิจแบบนี้
พ่อตัดพ้อเราและพี่สาวประมาณว่าไม่กตัญญู เราอยากช่วยแต่เราไม่รู้จะช่วยยังไง ทางเดียวคือเราต้องเอารถเราเข้าไฟแนนซ์เพื่อกู้เงินมาให้พ่อ แต่รถเรากำลังจะผ่อนหมด เหลืออีกแค่ 4 งวด
เรากำลังจะหมดหนี้ และจะเริ่มเก็บเงินเพื่อสร้างอนาคตของเราในวัยใกล้ 30
แต่ตอนนี้เรากลับรู้สึกผิดที่เรากำลังจะเก็บเงินเพื่อสร้างตัว แทนที่จะเอาให้พ่อ
เครียดเรื่องที่บ้านมากๆ
เรากับพี่สาวอยู่กับย่า แต่พ่อก็ส่งเสียพวกเราเรียนจนจบปริญญา ระหว่างนั้นพ่อก็มีภรรยาใหม่ จดทะเบียน และมีลูกอีก 2 คน
ย่าจะไม่ค่อยให้เราไปยุ่งกับบ้านพ่อ (เรากับพี่สาวอยู่บ้านย่า) เพราะภรรยาใหม่ของพ่อไม่ชอบย่า เคยตะโกนด่าย่าต่อหน้าคนเยอะๆมาแล้ว พ่อก็เข้าข้างภรรยาใหม่
เมื่อประมาณ 2 ปีก่อน ย่าเราเสียชีวิต โดยยกมรดกเป็นบ้านและที่ดินที่เราอยู่ ให้เป็นชื่อของเราและพี่สาว (แต่พี่สาวโอนที่ให้เราเป็นเจ้าของคนเดียว)
เรื่องเกินเมื่อไม่กี่อาทิตย์ก่อนพ่อโทรมาขอเงินทั้งเราและพี่สาวหลักแสน เพราะว่าธุรกิจค้าขายที่พ่อทำขาดทุน เรากับพี่สาวเป็นพนักงานออฟฟิศ ที่มีภาระผ่อนรถยนต์ และค่าใช้จ่ายอีกหลายอย่าง (เช่นค่าเช่าบ้าน เนื่องจากไม่สามารถกลับไปอยู่บ้านที่เป็นมรดกได้ด้วยเหตุผลบางอย่างที่ค่อนข้างรุนแรง) เรากับพี่เลยตัดสินใจย้ายมากรุงเทพเพื่อหางานทำและเช่าบ้านอยู่
ด้วยภาระที่เยอะมากๆ และเงินเดือนที่เหลือใช้ต่อเดือนทำให้ไม่มีเงินเก็บ พ่อได้เอาทองของย่าที่พี่สาวฝากไว้ไปขายโดยไม่บอกพี่สาว แต่พี่ก็ไม่ได้โกรธ
เราและพี่สาวพยายามทำตัวไม่ให้เป็นภาระของพ่อมากที่สุด หลังจากเรียนจบก็ทำงานทันที ไม่ขอเงินพ่ออีกต่อไป
แต่พอทั้งเราและพี่สาวบอกพ่อว่าเราไม่มีเงินเก็บขนาดนั้น เรามีแค่ 1 หมื่นต้นๆด้วยซ้ำ พ่อก็รู้สึกไม่พอใจ ที่พวกเราทำงานกันมานานแต่ไม่มีเงินเก็บ
พ่อบอกพี่สาวเราว่าพ่อมีปัญหากับภรรยาใหม่เนื่องจากธุรกิจพ่อขาดทุน (ภรรยาใหม่ของพ่อไม่เคยทำงานตั้งแต่แต่งงานกับพ่อมา)
และภรรยาใหม่ของพ่อไม่ให้พ่อเอาทองของตัวเองไปขาย ทำให้ไม่มีเงินหมุนเวียน
พ่อต้องเลี้ยงลูกอีก 2 คน คนโตผู้ชายเรียนจบสายอาชีพ แต่ไม่ไปทำงาน (พ่อบอกว่าเคยไปทำโรงงานแล้วโดนไล่ออกเนื่องจากเถียงหัวหน้างาน) แล้วยังพาผู้หญิง (ลูกสะใภ้) เข้ามาอยู่ในบ้านอีกคน ซึ่งน้องสะใภ้ก็ไม่ทำงาน ส่วนลูกอีกคนของพ่อเป็นผู้หญิงยังเรียนไม่จบ อยู่ม.ปลาย
เท่ากับว่าพ่อต้องทำงานเลี้ยงตัวเองและอีก 4 คนในเศรษฐกิจแบบนี้
พ่อตัดพ้อเราและพี่สาวประมาณว่าไม่กตัญญู เราอยากช่วยแต่เราไม่รู้จะช่วยยังไง ทางเดียวคือเราต้องเอารถเราเข้าไฟแนนซ์เพื่อกู้เงินมาให้พ่อ แต่รถเรากำลังจะผ่อนหมด เหลืออีกแค่ 4 งวด
เรากำลังจะหมดหนี้ และจะเริ่มเก็บเงินเพื่อสร้างอนาคตของเราในวัยใกล้ 30
แต่ตอนนี้เรากลับรู้สึกผิดที่เรากำลังจะเก็บเงินเพื่อสร้างตัว แทนที่จะเอาให้พ่อ