แม่ทัพภาคที่ 2 ไม่ให้เดินลาดตระเวนแบบเก่า ปรับแผนใช้รถไถ
.
.
ไม่เดินลาดตระเวนแบบเก่า ไม่เอาลูกน้องไปเสี่ยง แม่ทัพภาคที่ 2 สั่งใช้รถไถหากเหยียบโดนกับระเบิดก็ให้ระเบิดไป ประเด็นทุ่นระเบิด เราก็รู้ดีว่าประเทศเพื่อนบ้านเราเป็นอย่างไร เขาพยายามดิ้นให้หลุด หาก กต.ไทย เดินหน้าเต็มที่ ก็จะสร้างความเสียหายกับศักดิ์ศรีของกัมพูชา
.
วันนี้ (22 ก.ค.68) เวลา 08.30 น. ณ ห้องรับรอง 211 กองบัญชาการกองทัพบก พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวถึงกรณีทหารไทยเหยียบกับระเบิด โดยยืนยันว่า กองทัพไม่นิ่งเฉย แต่การเมืองก็ว่ากันไป ทหารดูในเรื่องความมั่นคง กรณีที่ทหารเหยียบกับระเบิดก็เป็นอีกกรณีที่จะต้องเข้าไปแก้ไขปัญหา แม้ว่าทางกัมพูชาจะออกมายืนยันว่าไม่ได้เป็นผู้วางทุ่นระเบิด แต่เราก็รู้ดีว่าประเทศเพื่อนบ้านเราเป็นอย่างไร เขาพยายามดิ้นให้หลุด เพราะหากกระทรวงการต่างประเทศของไทยเดินหน้าเรื่องนี้เต็มที่ ก็จะสร้างความเสียหายกับศักดิ์ศรีของประเทศกัมพูชาเช่นกัน จึงเป็นหน้าที่ของกระทรวงการต่างประเทศ ที่ต้องดำเนินการ
.
ในส่วนของทหารก็ได้ดำเนินการประท้วงไปแล้ว แต่หลังจากนี้จะไม่ใช้การเดินลาดตระเวนแบบเก่า ไม่เอาลูกน้องไปเสี่ยง จะใช้รถไถ หากเหยียบระเบิด ก็ให้ระเบิดไป และจะดำเนินการตรวจสอบพื้นที่อื่น ๆ ด้วยว่ามีอีกหรือไม่ นอกจากนี้ยังมีมาตรการที่เราจะดำเนินการต่อไป ที่จะประท้วงให้ประชาคมโลก ได้ตำหนิและวิจารณ์ กับประเทศที่ขัดต่ออนุสัญญาออตตาวา และตระบัดสัตย์ ข้อตกลงทำร่วมกันไว้
.
สำหรับข้อเสนอที่ให้ขอความร่วมมือประเทศลาวกดดันกัมพูชาเรื่องการตัดท่อน้ำเลี้ยง เช่น น้ำมัน ยุทธภัณฑ์ที่จำเป็นทางด้านทหารนั้น แม่ทัพภาคที่ 2 ระบุว่า เป็นเรื่องของรัฐบาล ซึ่งได้หารือและแจ้งไปยังหน่วยเหนือให้ร่วมกันดูปริมาณที่เคยนำเข้า ถ้ามีมากกว่าเดิมก็เป็นสิ่งผิดปกติ
.
สำหรับมาตรการรักษาความปลอดภัยของทหารช่างที่เข้าไปก่อสร้างถนนนั้น แม่ทัพภาคที่ 2 ระบุว่า มีชุดรักษาความปลอดภัยในทหารช่างอยู่แล้ว สำหรับแนวสร้างถนน เราไม่ทราบว่ากับระเบิดอยู่ตรงไหนบ้าง แต่จะทำไปตามเส้นเขตแดน เพื่อส่งกำลังบำรุง และนำกำลังเข้าไปลาดตระเวนซึ่งเป็นแนวทางในการสร้างความมั่นคงในพื้นที่ตามแนวชายแดนอย่างดีที่สุด และเร็วที่สุด จะสำเร็จอย่างยั่งยืนหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับผู้นำของสองประเทศ โดยเฉพาะแนวความคิดของผู้นำเขมรเป็นหลักว่าจะคุยกันอย่างไรเพื่อให้เจอกันในจุดที่เหมาะสม เพื่อแก้ไขปัญหาตรงนี้อย่างยั่งยืน
.
ขณะเดียวกัน แม่ทัพภาคที่ 2 ยังกล่าวถึง บุคคลที่จะมารับช่วงเป็นภาคที่ 2 คนต่อไป โดยยืนยันว่า ต้องมีบุคลิกเป็นผู้นำ ทำหน้าที่ให้ดียิ่ง และเป็นหลักให้ประเทศชาติ ประชาชน และลูกน้อง ตนเชื่อมั่นว่า ผู้บัญชาการทหารบก จะเลือกคนที่ดี ทำเพื่อผลประโยชน์ของประเทศ ในขณะที่ตนจะอยู่เบื้องหลัง คอยช่วยงาน ในฐานะพลเมืองที่ดี และมั่นใจว่าจะไม่มีปัญหาในช่วงรอยต่อ.
.
.
ประท้วงเดือด! เลือกศาลรธน.วุ่น “สว.สีน้ำเงิน” ขู่ฟันจริยธรรม “นันทนา” ด้าน “วุฒิพงศ์” เตือนให้มีหิริโอตตัปปะ
.
วันที่ 22 ก.ค.2568 เมื่อเวลา 09.30น. ที่รัฐสภา มีการประชุมวุฒิสภา มีพล.อ.เกรียงไกร ศรีรักษ์ รองประธานวุฒิสภา หน้าที่ประธานที่ประชุม พิจารณาการให้ความเห็นชอบบุคคลได้รับการรเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ 2คนคือ ร.ต.อ.สุธรรม เชื้อประกอบกิจ อาจารย์รัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล และนายสราวุธ ทรงศิวิไล อดีตอธิบดีกรมทางหลวง โดยเป็นการประชุมลับ
.
ก่อนเข้าสู่การประชุมลับ น.ส.นันทนา นันทวโรภาส สว.กลุ่มพันธุ์ใหม่ กล่าวคัดค้านไม่ให้ที่ประชุมวุฒิสภาลงมติเลือกตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ เพราะมีสว. 2 ใน 3 มีถูกแจ้งข้อหาฮั้วเลือกสว.แต่ถูกสว.หลายคนประท้วง เพราะน.ส.นันทนาพูดวนเวียนซ้ำซาก ในเรื่องที่ประชุมเคยลงมติให้สามารถเลือกองค์กรอิสระได้ เกิดการประท้วงโต้เถียงกันไปมาในที่ประชุมจนวุ่นวาย
.
โดยพ.ต.อ.กอบ อัจนากิตติ สว.สายสีน้ำเงิน อภิปรายว่า ก่อนหน้านี้ที่ประชุมวุฒิสภาเคยมีมติให้ดำเนินการเลือกองค์กรอิสระได้ แต่น.ส.นันทนายังกล่าววนเวียนซ้ำซาก ถือว่าผิดจริยธรรม ข้อ 28 ที่ระบุว่า สว.ต้องเป็นแบบอย่างที่ดีในการปฏิบัติหน้าที่และรักษาไว้ซึ่งกฎหมาย พร้อมจะดำเนินการในเรื่องนี้ ทำให้น.ส.นันทนาตอบโต้ว่า การระบุว่า ตนทำผิดจริยธรรม ไม่รู้เอาตัวท่านเองเป็นเกณฑ์หรือไม่ เป็นข้อกล่าวหาที่รุนแรงไม่เหมาะสม ไร้จริยธรรม ตนก็จะดำเนินการเช่นเดียวกัน
.
ด้านพล.อ.เกรียงไกรที่ทำหน้าที่ประธานการประชุมกล่าวว่า ไม่อนุญาตให้อภิปราย เพราะเคยลงมติกรณีนี้ไปแล้ว 2ครั้ง ถือเป็นการอภิปรายซ้ำซาก แต่น.ส.นันทนาแย้งว่า มีสิทธิพูด อย่าปิดหูปิดตา
.
แม้พล.อ.เกรียงไกรจะปิดไมโครโฟนน.ส.นันทนา แต่น.ส.นันทนาก็ยังตะโกนอภิปรายอย่างต่อเนื่อง ทำให้พล.อ.เกรียงไกรต้องออกคำสั่งให้นั่งลง และยืนยันคำวินิจฉัยไม่ให้อภิปรายประเด็นซ้ำซาก
.
จากนั้นน.ต.วุฒิพงศ์ พงศ์สุวรรณ สว. อภิปรายว่า ได้ข่าวว่า การเลือกตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ 2 คน มีการบอกว่าให้เลือกคนหนึ่ง ไม่เลือกอีกคน แต่ไม่เชื่อ สว.ควรมีหิริโอตตัปปะ ควรให้ทั้ง 2คน มีโอกาสทำงานรับใช้บ้านเมือง ก่อนที่จะเข้าสู่การประชุมลับ เพื่อพิจารณาเลือกตุลาการศาลรัฐธรรมนูญต่อไป
.
.
“ฮุน มาเนต” โพสต์เตือนไทยสั้น ๆ 5 ข้อ ชี้ไทยกล่าวหากัมพูชาโดยไม่มีมูล
.
นายกฯ กัมพูชาโพสต์เฟซบุ๊ก ย้ำไทยกล่าวหากัมพูชาโดยไม่มีมูลความจริง เผยขอเตือนไทยสั้น ๆ แค่ 5 ข้อ
.
วันที่ 22 ก.ค. 68 ฮุน มาเนต นากรัฐมนตรีกัมพูชา โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า “เป็นเวลานานแล้วที่ข้าพเจ้าได้เห็นผู้นำทางการเมืองของไทย กองทัพ และสื่อมวลชน กล่าวหากัมพูชาอย่างไม่มีมูลความจริงในหลายประเด็น เช่น การแทรกแซงการเมืองภายในของไทย การวางทุ่นระเบิด และการข่มขู่ว่าจะใช้มาตรการฝ่ายเดียวในพื้นที่พิพาท เช่น พื้นที่ช่องบกและปราสาทตาเมือนธม เป็นต้น”
.
“กระทรวงการต่างประเทศและความร่วมมือระหว่างประเทศ กระทรวงกลาโหม กระทรวงกลาโหม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงสถาบันเฉพาะทางของกัมพูชา ได้ดำเนินการตอบโต้ข้อกล่าวหาเหล่านี้อย่างแข็งขัน เพื่อปกป้องบูรณภาพแห่งกัมพูชาอย่างต่อเนื่อง รวมถึงเตรียมการบังคับใช้มาตรการที่จำเป็นเพิ่มเติมเพื่อปกป้องผลประโยชน์สูงสุดของประเทศกัมพูชา”
.
“ข้าพเจ้าไม่ต้องการแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติม แต่ข้าพเจ้าเพียงต้องการส่งข้อความสั้น ๆ เพื่อเตือนฝ่ายไทยว่า”
.
“1. ไม่มีฝ่ายใดมีสิทธิ์ดำเนินการหรือใช้มาตรการฝ่ายเดียวในพื้นที่หรือสถานที่พิพาท มาตรการทั้งหมดที่สามารถดำเนินการได้ต้องได้รับความเห็นชอบจากทั้งสองฝ่ายล่วงหน้า”
.
“2. เส้นแดงยังคงเป็นเส้นแดง ไม่มีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ โปรดอย่าละเมิดเส้นนี้”
.
“3. กัมพูชาไม่ละเมิดใคร แต่กัมพูชาก็ไม่อนุญาตให้ใครละเมิดเช่นกัน กัมพูชามีความสามารถและพร้อมที่จะปกป้องตนเองและบูรณภาพแห่งดินแดนด้วยทุกวิถีทางจากการละเมิด”
.
“4. วิธีการนองเลือดต่อผู้อื่นไม่ใช่วิธีการที่มีศีลธรรมและชอบธรรม วิธีการเช่นนี้ต้องไม่ถูกนำมาใช้ หากเราต้องการสร้างความไว้วางใจซึ่งกันและกันอย่างแท้จริง”
.
“5. กัมพูชายังคงมุ่งมั่นที่จะหาทางแก้ไขปัญหานี้ด้วยวิธีการที่ไม่ใช้ความรุนแรง อย่างรวดเร็ว ชัดเจน และยั่งยืน”
JJNY : ไม่ให้เดินลาดตระเวน ปรับแผนใช้รถไถ│ประท้วงเดือด! เลือกศาลรธน.วุ่น│“ฮุน มาเนต”โพสต์เตือนไทย│กต.เขมโบ้ยทหารไทย
.
วันนี้ (22 ก.ค.68) เวลา 08.30 น. ณ ห้องรับรอง 211 กองบัญชาการกองทัพบก พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวถึงกรณีทหารไทยเหยียบกับระเบิด โดยยืนยันว่า กองทัพไม่นิ่งเฉย แต่การเมืองก็ว่ากันไป ทหารดูในเรื่องความมั่นคง กรณีที่ทหารเหยียบกับระเบิดก็เป็นอีกกรณีที่จะต้องเข้าไปแก้ไขปัญหา แม้ว่าทางกัมพูชาจะออกมายืนยันว่าไม่ได้เป็นผู้วางทุ่นระเบิด แต่เราก็รู้ดีว่าประเทศเพื่อนบ้านเราเป็นอย่างไร เขาพยายามดิ้นให้หลุด เพราะหากกระทรวงการต่างประเทศของไทยเดินหน้าเรื่องนี้เต็มที่ ก็จะสร้างความเสียหายกับศักดิ์ศรีของประเทศกัมพูชาเช่นกัน จึงเป็นหน้าที่ของกระทรวงการต่างประเทศ ที่ต้องดำเนินการ
.
ในส่วนของทหารก็ได้ดำเนินการประท้วงไปแล้ว แต่หลังจากนี้จะไม่ใช้การเดินลาดตระเวนแบบเก่า ไม่เอาลูกน้องไปเสี่ยง จะใช้รถไถ หากเหยียบระเบิด ก็ให้ระเบิดไป และจะดำเนินการตรวจสอบพื้นที่อื่น ๆ ด้วยว่ามีอีกหรือไม่ นอกจากนี้ยังมีมาตรการที่เราจะดำเนินการต่อไป ที่จะประท้วงให้ประชาคมโลก ได้ตำหนิและวิจารณ์ กับประเทศที่ขัดต่ออนุสัญญาออตตาวา และตระบัดสัตย์ ข้อตกลงทำร่วมกันไว้
.
สำหรับข้อเสนอที่ให้ขอความร่วมมือประเทศลาวกดดันกัมพูชาเรื่องการตัดท่อน้ำเลี้ยง เช่น น้ำมัน ยุทธภัณฑ์ที่จำเป็นทางด้านทหารนั้น แม่ทัพภาคที่ 2 ระบุว่า เป็นเรื่องของรัฐบาล ซึ่งได้หารือและแจ้งไปยังหน่วยเหนือให้ร่วมกันดูปริมาณที่เคยนำเข้า ถ้ามีมากกว่าเดิมก็เป็นสิ่งผิดปกติ
.
สำหรับมาตรการรักษาความปลอดภัยของทหารช่างที่เข้าไปก่อสร้างถนนนั้น แม่ทัพภาคที่ 2 ระบุว่า มีชุดรักษาความปลอดภัยในทหารช่างอยู่แล้ว สำหรับแนวสร้างถนน เราไม่ทราบว่ากับระเบิดอยู่ตรงไหนบ้าง แต่จะทำไปตามเส้นเขตแดน เพื่อส่งกำลังบำรุง และนำกำลังเข้าไปลาดตระเวนซึ่งเป็นแนวทางในการสร้างความมั่นคงในพื้นที่ตามแนวชายแดนอย่างดีที่สุด และเร็วที่สุด จะสำเร็จอย่างยั่งยืนหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับผู้นำของสองประเทศ โดยเฉพาะแนวความคิดของผู้นำเขมรเป็นหลักว่าจะคุยกันอย่างไรเพื่อให้เจอกันในจุดที่เหมาะสม เพื่อแก้ไขปัญหาตรงนี้อย่างยั่งยืน
.
ขณะเดียวกัน แม่ทัพภาคที่ 2 ยังกล่าวถึง บุคคลที่จะมารับช่วงเป็นภาคที่ 2 คนต่อไป โดยยืนยันว่า ต้องมีบุคลิกเป็นผู้นำ ทำหน้าที่ให้ดียิ่ง และเป็นหลักให้ประเทศชาติ ประชาชน และลูกน้อง ตนเชื่อมั่นว่า ผู้บัญชาการทหารบก จะเลือกคนที่ดี ทำเพื่อผลประโยชน์ของประเทศ ในขณะที่ตนจะอยู่เบื้องหลัง คอยช่วยงาน ในฐานะพลเมืองที่ดี และมั่นใจว่าจะไม่มีปัญหาในช่วงรอยต่อ.
.
.