
เมื่อวานนี้ (18 ก.ค.68) นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า การเจรจากับผู้แทนการค้าสหรัฐอเมริกา (USTR) ครั้งที่ 2 เมื่อคืนวันที่ 18 ก.ค.ที่ผ่านมา หลังไทยได้ส่งข้อเสนอที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ไปก่อนหน้านี้ และมีการนำข้อเสนอเพิ่มเติม หลังจากที่หารือกับหลายภาคส่วน
ซึ่งการหารือเมื่อคืนวันที่ 18 ก.ค. ใช้เวลาประมาณ 30 นาที ผลการหารือบรรยากาศดี เพราะทาง USTR บอกว่า “Very Substantial Improvement” ซึ่งก็คาดว่าไทยน่าจะได้รับอัตราภาษีที่อยู่ในกลุ่มเดียวกันกับประเทศในภูมิภาคนี้ ที่สัดส่วนไม่เกิน 20% และคาดว่า จะได้รับคำตอบการประกาศอัตราภาษีใหม่ จากเดิมที่กำหนด 36% ก่อนวันที่ 1 สิงหาคมนี้
ส่วนอัตราภาษีที่ไทยจะโดนเก็บจะมี 2 อัตราเหมือนกับเวียดนามหรือไม่นั้น ยังไม่ทราบว่าจะมีการตกลงกันเช่นไร โดยการซื้อขายสินค้ามีหลายกลุ่ม หากเป็นสหรัฐ ฯ คาดว่าก็น่าจะมีหลายอัตรา สำหรับสินค้ากลุ่มล่าง กลุ่มบน เป็นต้น ซึ่งจะต้องติดตามรายละเอียดอีกครั้ง
ทั้งนี้ สินค้าที่ไทยเปิดให้นำเข้าอัตราภาษี 0% มูลค่าไม่ได้มีจำนวนมาก และยืนยันว่า ยังดูแลภาคเกษตรกร โดยเฉพาะสินค้าบางชนิดที่เป็นกังวล รวมถึงภาคอุตสาหกรรม โดยเฉพาะซัพพลายเชน เอสเอ็มอี เป้าหมายที่เราคุยกับสหรัฐ ฯ ไม่ได้เป็นเป้าที่ฝืนใจตัวเอง ยังอยากใช้คำว่า เป็น Win-Win ของประเทศอยู่
ขณะที่ช่วงเช้าวานนี้ (18 ก.ค.68) นายพิชัย ได้โพสต์เฟสบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า “เมื่อคืนที่ผ่านมานี้ได้พูดคุยอย่างเป็นทางการครั้งที่ 2 กับทางผู้แทนการค้าอเมริกา (USTR)
โดยประเทศไทยได้ส่งข้อเสนอที่ได้รับการปรับปรุงไปตั้งแต่ก่อนหน้านี้ และก็ได้มีการนำข้อเสนอเพิ่มเติมหลังจากที่หารือกันกับหลายภาคส่วนมานำเสนอเพิ่มเติม
เราได้ย้ำว่าการปรับปรุงข้อเสนอครั้งนี้เชื่อว่าจะเข้าตรงเป้า และเป็นที่พอใจกับทางอเมริกา ในขณะที่จะ Balance ประโยชน์กับคนไทยและอุตสาหกรรมไทยได้เป็นอย่างดี
ที่ผ่านมา ได้มีการพูดคุยและทำ Stress Test กับภาคธุรกิจ ภาคเกษตรกรรม ซึ่งได้ให้ความเห็นที่เป็นประโยชน์ โดยหลายภาคส่วนเห็นว่าการเจรจาครั้งนี้ จะเป็นโอกาสดีที่ประเทศไทยจะได้ยกเครื่องเศรษฐกิจ ปรับปรุงโครงสร้าง จึงขอเป็นตัวแทนประเทศไทยขอบคุณทุกภาคส่วนที่ช่วยให้ความเห็นที่เป็นประโยชน์ คิดถึงภาพรวมของประเทศ และแสดงเจตจำนงค์ที่จะเห็นประเทศไทยพัฒนาต่อเนื่องจนออกมาเป็นข้อเสนอล่าสุดนี้
ต้องขอขอบคุณทีมไทยแลนด์ทุกคนที่ร่วมกันทำงานมาโดยตลอด ทั้งทีมที่ไทย และทีมที่กรุงวอชิงตัน จากทุกกระทรวงและทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง
ส่วนเรื่องอัตราภาษีจะเป็นเท่าไรนั้น ทางเราก็ได้รับแจ้งว่าจะนำส่งผลการประชุมไปรายงานท่านประธานาธิบดีให้ทราบ และหากมีการอัพเดททางอเมริกาก็จะแจ้งให้ทราบโดยพร้อมกัน
สำหรับงานการเจรจานี้จริงๆแล้วยังไม่จบนะครับ มีงานเอกสารที่จะต้องทำกันต่อเนื่อง และทีมไทยแลนด์ที่ประจำอยู่ที่กรุงวอชิงตันก็จะยังเกาะติดสถานการณ์นี้อย่างต่อเนื่อง
ขณะที่นายชนินทร์ ชลิศราพงศ์ รองประธานหอการค้าไทย ที่ปรึกษาทีมเจรจาฝ่ายไทย ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวบลูมเบิร์ก (ก่อนการเจรจากับ USTR) ระบุว่า ข้อเสนอใหม่ของไทย อาจช่วยลดภาษีนำเข้าและอุปสรรคทางการค้าที่ไม่ใช่ภาษีนำเข้าสำหรับสินค้าสหรัฐประมาณ 10,000 รายการ และคาดหวังว่า ภาษีศุลกากรขั้นสุดท้ายต่อไทย จะกำหนดไว้ในช่วง 18% - 20% ซึ่งลดลงจากระดับที่ทรัมป์ประกาศไว้ล่าสุดที่ 36%
โดยข้อเสนอใหม่ ส่งผลให้มูลค่าการเกินดุลการค้าของประเทศไทยที่มีต่อสหรัฐอเมริกาในปัจจุบันที่ 46,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่านั้น ไทยจะลดมูลค่าการเกินดุลการค้าที่มีต่อสหรัฐ ฯ ลงได้ถึง 70% ภายในระยะเวลา 3 ปี และจะทำให้เกิดการสมดุลการค้าของทั้งสองประเทศเร็วขึ้นกว่าเดิม เป็นภายในระยะเวลา 5 ปี จากเดิมที่จะใช้เวลานาน 7 ถึง 8 ปี ซึ่งสิ่งที่ไทยเสนอนั้น อาจมากกว่าอินโดนีเซียและเวียดนาม เนื่องจากไทยเป็นประเทศผู้ผลิต จึงมีศักยภาพที่จะใช้สินค้าสหรัฐ ฯ ได้มากขึ้น และแปรรูปเป็นสินค้าส่งออก ซึ่งคาดหวังว่าข้อเสนอของไทย จะมีน้ำหนักและปฏิบัติได้จริง ตัวเลขน่าจะเป็นที่น่าพอใจสำหรับสหรัฐ ฯ และมั่นใจว่า จะสามารถบรรลุข้อตกลงได้ก่อน 1 สิงหาคมนี้ พร้อมย้ำตอนท้ายว่า “เราใกล้ถึงเส้นชัยแล้ว”
'พิชัย' มั่นใจข้อเสนอไทยเข้าเป้า สหรัฐฯ เก็บภาษีไม่เกิน 20% หลังเจรจา USTR บรรยากาศราบรื่น
เมื่อวานนี้ (18 ก.ค.68) นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า การเจรจากับผู้แทนการค้าสหรัฐอเมริกา (USTR) ครั้งที่ 2 เมื่อคืนวันที่ 18 ก.ค.ที่ผ่านมา หลังไทยได้ส่งข้อเสนอที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ไปก่อนหน้านี้ และมีการนำข้อเสนอเพิ่มเติม หลังจากที่หารือกับหลายภาคส่วน
ซึ่งการหารือเมื่อคืนวันที่ 18 ก.ค. ใช้เวลาประมาณ 30 นาที ผลการหารือบรรยากาศดี เพราะทาง USTR บอกว่า “Very Substantial Improvement” ซึ่งก็คาดว่าไทยน่าจะได้รับอัตราภาษีที่อยู่ในกลุ่มเดียวกันกับประเทศในภูมิภาคนี้ ที่สัดส่วนไม่เกิน 20% และคาดว่า จะได้รับคำตอบการประกาศอัตราภาษีใหม่ จากเดิมที่กำหนด 36% ก่อนวันที่ 1 สิงหาคมนี้
ส่วนอัตราภาษีที่ไทยจะโดนเก็บจะมี 2 อัตราเหมือนกับเวียดนามหรือไม่นั้น ยังไม่ทราบว่าจะมีการตกลงกันเช่นไร โดยการซื้อขายสินค้ามีหลายกลุ่ม หากเป็นสหรัฐ ฯ คาดว่าก็น่าจะมีหลายอัตรา สำหรับสินค้ากลุ่มล่าง กลุ่มบน เป็นต้น ซึ่งจะต้องติดตามรายละเอียดอีกครั้ง
ทั้งนี้ สินค้าที่ไทยเปิดให้นำเข้าอัตราภาษี 0% มูลค่าไม่ได้มีจำนวนมาก และยืนยันว่า ยังดูแลภาคเกษตรกร โดยเฉพาะสินค้าบางชนิดที่เป็นกังวล รวมถึงภาคอุตสาหกรรม โดยเฉพาะซัพพลายเชน เอสเอ็มอี เป้าหมายที่เราคุยกับสหรัฐ ฯ ไม่ได้เป็นเป้าที่ฝืนใจตัวเอง ยังอยากใช้คำว่า เป็น Win-Win ของประเทศอยู่
ขณะที่ช่วงเช้าวานนี้ (18 ก.ค.68) นายพิชัย ได้โพสต์เฟสบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า “เมื่อคืนที่ผ่านมานี้ได้พูดคุยอย่างเป็นทางการครั้งที่ 2 กับทางผู้แทนการค้าอเมริกา (USTR)
โดยประเทศไทยได้ส่งข้อเสนอที่ได้รับการปรับปรุงไปตั้งแต่ก่อนหน้านี้ และก็ได้มีการนำข้อเสนอเพิ่มเติมหลังจากที่หารือกันกับหลายภาคส่วนมานำเสนอเพิ่มเติม
เราได้ย้ำว่าการปรับปรุงข้อเสนอครั้งนี้เชื่อว่าจะเข้าตรงเป้า และเป็นที่พอใจกับทางอเมริกา ในขณะที่จะ Balance ประโยชน์กับคนไทยและอุตสาหกรรมไทยได้เป็นอย่างดี
ที่ผ่านมา ได้มีการพูดคุยและทำ Stress Test กับภาคธุรกิจ ภาคเกษตรกรรม ซึ่งได้ให้ความเห็นที่เป็นประโยชน์ โดยหลายภาคส่วนเห็นว่าการเจรจาครั้งนี้ จะเป็นโอกาสดีที่ประเทศไทยจะได้ยกเครื่องเศรษฐกิจ ปรับปรุงโครงสร้าง จึงขอเป็นตัวแทนประเทศไทยขอบคุณทุกภาคส่วนที่ช่วยให้ความเห็นที่เป็นประโยชน์ คิดถึงภาพรวมของประเทศ และแสดงเจตจำนงค์ที่จะเห็นประเทศไทยพัฒนาต่อเนื่องจนออกมาเป็นข้อเสนอล่าสุดนี้
ต้องขอขอบคุณทีมไทยแลนด์ทุกคนที่ร่วมกันทำงานมาโดยตลอด ทั้งทีมที่ไทย และทีมที่กรุงวอชิงตัน จากทุกกระทรวงและทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง
ส่วนเรื่องอัตราภาษีจะเป็นเท่าไรนั้น ทางเราก็ได้รับแจ้งว่าจะนำส่งผลการประชุมไปรายงานท่านประธานาธิบดีให้ทราบ และหากมีการอัพเดททางอเมริกาก็จะแจ้งให้ทราบโดยพร้อมกัน
สำหรับงานการเจรจานี้จริงๆแล้วยังไม่จบนะครับ มีงานเอกสารที่จะต้องทำกันต่อเนื่อง และทีมไทยแลนด์ที่ประจำอยู่ที่กรุงวอชิงตันก็จะยังเกาะติดสถานการณ์นี้อย่างต่อเนื่อง
ขณะที่นายชนินทร์ ชลิศราพงศ์ รองประธานหอการค้าไทย ที่ปรึกษาทีมเจรจาฝ่ายไทย ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวบลูมเบิร์ก (ก่อนการเจรจากับ USTR) ระบุว่า ข้อเสนอใหม่ของไทย อาจช่วยลดภาษีนำเข้าและอุปสรรคทางการค้าที่ไม่ใช่ภาษีนำเข้าสำหรับสินค้าสหรัฐประมาณ 10,000 รายการ และคาดหวังว่า ภาษีศุลกากรขั้นสุดท้ายต่อไทย จะกำหนดไว้ในช่วง 18% - 20% ซึ่งลดลงจากระดับที่ทรัมป์ประกาศไว้ล่าสุดที่ 36%
โดยข้อเสนอใหม่ ส่งผลให้มูลค่าการเกินดุลการค้าของประเทศไทยที่มีต่อสหรัฐอเมริกาในปัจจุบันที่ 46,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่านั้น ไทยจะลดมูลค่าการเกินดุลการค้าที่มีต่อสหรัฐ ฯ ลงได้ถึง 70% ภายในระยะเวลา 3 ปี และจะทำให้เกิดการสมดุลการค้าของทั้งสองประเทศเร็วขึ้นกว่าเดิม เป็นภายในระยะเวลา 5 ปี จากเดิมที่จะใช้เวลานาน 7 ถึง 8 ปี ซึ่งสิ่งที่ไทยเสนอนั้น อาจมากกว่าอินโดนีเซียและเวียดนาม เนื่องจากไทยเป็นประเทศผู้ผลิต จึงมีศักยภาพที่จะใช้สินค้าสหรัฐ ฯ ได้มากขึ้น และแปรรูปเป็นสินค้าส่งออก ซึ่งคาดหวังว่าข้อเสนอของไทย จะมีน้ำหนักและปฏิบัติได้จริง ตัวเลขน่าจะเป็นที่น่าพอใจสำหรับสหรัฐ ฯ และมั่นใจว่า จะสามารถบรรลุข้อตกลงได้ก่อน 1 สิงหาคมนี้ พร้อมย้ำตอนท้ายว่า “เราใกล้ถึงเส้นชัยแล้ว”