ผู้ชายคิดเห็นอย่างไรเมื่อภรรยาตกงานไม่มีงานทำ

คือเราโดนเลิกจ้างงานว่างงานมาเดือนที่สี่แล้วยอมรับว่าเครียดมากๆแรกสามีบอกให้เวลาว่างเดือนนึงพอว่างานได้เดือนนึงสามีถามหางานเมื่อไหร่จะหางานกดดันจริงๆค่ะพยายามหานะสมัครไปยังไม่โดนเรียกแต่ระหว่างนี้เราไม่ได้ขอเงินสามีใช้นะคะใช้เงินตนเองอยได้กะอะไรซื้อก้อช่วยเขาใช้จ่ายของเข้าบ้านบ้างคือพยายามที่จะไม่เป็นภาระเขาค่ะ แต่พอนานเข้าเขาเหมือนเริ่มเฉยชา พูดแบบถ้าไม่มีงานก้อกลับไปยุบ้านไปพุดคุยกันน้อยลงจนแทบไม่พุดคุยกันถามอะไรก้อหงุดหงิดใส่ พยายามเข้าใจเขานะคะว่าพอเราไม่มีงานเขาต้องทำงานหนักขึ้นเพราะตอนเราทำงานเราซัพพอตเขาทุกเดือน ตอนนี้รู้สึกแย่กับตนเองและเครียดมากรู้สึกท้อแท้ไม่มีแม้แต่กำลังใจเลยค่ะ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 1
คือถ้าคุณกำลังพยายาม เขาควรให้กำลังใจไม่ใช่บั่นทอน แถมมีการบอกให้กลับไปอยู่บ้านอีก .... เป็นผัวที่แย่มาก
ความคิดเห็นที่ 5
สามีไม่ไหวนะ จะร่วมสุขอย่างเดียว ไม่ร่วมทุกข์​
ความคิดเห็นที่ 2
มันก็ต้องดูหลายอย่าง เรื่องแบบนี้ผมไม่ฟังความข้างเดียวครับ ผมยืนยัน

หลายคนชอบโกหกผมเวลาตัวเองมีทุกข์ใจ หรือ วันแย่ๆ ด้วยการบอกว่า อีกฝ่ายก็แย่เพื่อให้หลายคนแยกไม่ออกว่า ใครแย่กว่ามากกว่าน้อยกว่า มันเป็นจิตวิทยาของคนโกหก ด้วยการบอกไม่หมดในเรื่องอื่นด้วย

เจอประจำเวลาคนทะเลาะกันมักจะพูดเสมอว่าในส่วนต้นของประโยคเลยว่า เรากำลังเป็นอะไร และ อีกฝ่ายทำอะไรใส่เรา แต่เวลาผมเจออะไรแบบนี้นะ มันจะดีแย่เท่ากันทั้งคู่เลยแต่เล่าให้อีกฝ่ายดูแย่เยอะกว่า

ผมรู้ผู้ชายทุกคน ถูกฝังสมองด้วยแนวคิด ช้างเท้าหน้า แบกภาระ แบกค่าใช้จ่าย หาอนาคต หาบ้าน หารถ วิ่งหาเงินให้ลูก เยอะครับ

ที่เห็นมาเยอะและเก็บข้อมูลเยอะ ส่วนมากตอนแรกมักพูดเสมอไม่เป็นไร แต่พอถึงจุดนึง จะอ้างว่าหางานไม่ได้ ไม่ทำอะไรยาวๆ ปล่อยจอย ขี้เกียจ อยู่บ้านไปวันๆ พวกเนี้ยนะเส้นทางของคำตอบมักลงเอยที่

ทะเลาะบ้านแตก เพราะ ว่าเขาจะเห็นตัวอย่างจากบ้านอื่นครอบครัวอื่นมาเป็นตัวอย่าง หลายคนชอบคิดว่าเอ้ย ผู้หญิงจะให้ผู้ชายดูแลเปย์ในฐานะเมียมาเป็นแม่บ้าน full-time ก็ได้นี่

แต่นั่นมันไม่ใช่เลย แถมมีคนรุมด่าสาปด้วยครับในโซเชียล คือ ยุคนี้เงินมันหายากมากๆ อย่าคิดว่าเอ้ยค้าขายออนไลน์ อาชีพเสริม นั่นนู่นนี่ มันทางเลือกเยอะใช่ แต่คนแย่งก็เยอะ มันไม่ง่ายที่จะทำแล้วสามารถกลับมาตั้งตัวง่ายนะครับ

ยิ่งทุนหาย ยิ่งขาดรายได้ ยิ่งสภาพแย่สุดท้ายมันไม่มีทางเลือกอื่นนอกจาก ต้องให้อีกฝ่าย support แล้วนี่แหละ วัฏจักรที่มันแทบทำให้ไปไม่รอด ถึงมีลูกก็อาจจะไม่รอดครับ เพราะว่า ลูกถ้าถึงจุดที่เขาเรียนจบมีงานทำใช่ไหม ภาระมัน 0 แล้ว แต่ภาระทางบ้านยังไม่โอเคร บางบ้านก็บ้านแตกแยกทางลูกก็โตไปใช้ชีวิตของมันได้แล้ว มันเลยเกิดขึ้นได้

แล้ว มันมีจุดที่ การันตรีบ้านแตกอยู่นั่น คือ ตอนแก่ครับทุกคนต้องเกษียณต้องมีเงินกินใช้ ถ้าเราไม่มีเงินเกษียณคุณคิดสภาพเอาว่า

คุณอาจจะไม่ต่างจากคนยุคก่อนที่ให้ลูกหลานเลี้ยง หรือ 60-70 ยังต้องมานั่งทำงานหาเงินกินข้าวไปวันๆ ไม่จบไม่สิ้น

ต่อให้ใครมาเถียงเรายังไง ก็ไม่สามารถหนีชะตากรรมตัวนี้ได้ครับ ดังนั้น ถึงแฟนจะบ่นแรง แต่ให้คิดถึงอนาคตอันไกลเยอะๆ ว่ามันจริงไหม มันแย่ไหมการขาดรายได้นานๆ และ สร้างภาระทั้งทางตรง และ ทางใจเยอะ

แล้วสาเหตุที่บ้านแตก คือ พอผู้ชายหรือผู้หญิง ได้รับค่านิยม mindset ของการไม่คบคนห่วยๆ ใช่ไหม คนอื่นก็ยังมีงานมีเงิน มีอะไรทำดีกว่าอย่างน้อยก็มีอาชีพ มีเงินพอจับจ่ายไม่ได้สร้างภาระ มันจะเกิดสภาวะ ตื่นรู้ในแบบของผู้ใหญ่ มันอาจจะลงเอยที่ มีชู้หรือคบคนที่เขาอย่างน้อยก็ไม่มีภาระแทน เพราะ คนเดิมนั้นเป็นภาระนั่นเอง

นี่คือ เหตุผลว่า ทำไมผมถึงย้ำนักย้ำหนาว่า ทำไมถึงมีคนเลิกกันเยอะมากในยุคแบบนี้ ก็เพราะมันเป็นแบบนี้ไงครับ ทุกคนมันคิดหาทางเอาตัวรอดตลอดเวลา และ ตัวเปรียบเทียบในสังคมมันเยอะมากๆ

ผมคงไม่ได้ให้กำลังใจนะ ผมแค่ให้ความเป็นจริงในรูปแบบนึง
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่