ไม่คิดว่าจะจบกันได้จริงๆจนวันนี้มาถึง

เขาเปลี่ยนในทางที่ดีขึ้นมากแต่ฉันคิดว่าเขาจะเป็นเหมือนแรกๆที่เลิกกันที่พยายามทำให้ดีแค่แรกๆหลังๆเขาก็เป็นเหมือนเดิม ตอนนี้เรากำลังหนักใจ ไม่คิดว่าจะเป็นแบบนี้ คือเราพยายาม ที่จะ จบความสัมพันธ์กับเขามาหลายรอบแล้วแต่ก็ไม่เคยทำได้เลย แต่เรื่องล่าสุดทำให้เขาค่อยๆออกห่างจากเรา เรื่องมันมีอยู่ว่า เรารู้จักกับเขามาจะ 3 ปีแล้ว เราก็เขาคบกันได้ปีกว่าแล้วเลิกกันเพราะเขาไม่เปลี่ยนแปลงตัวเอง บอกก่อนว่าเราเป็น คู่หญิงคบหญิง เพราะการที่เขาไม่เปลี่ยนแปลงตัวเองสักที จึงทำให้ในตอนนั้นเราเลือก ลดความสัมพันธ์กับเขา เพราะเขาเลือกคนรอบข้างมากกว่าเรา เขาไม่ใช่คนไม่ดี เขาเป็นคนดีคนนึง แต่ตอนนั้นเขาไม่พร้อมทำหน้าที่แฟนที่ดีก็เท่านั้นเอง หลังจากนั้น ที่เราลดความสัมพันธ์ เราก็ยังคุยกันปกติ เรายังรอขอเปลี่ยนแปลงตัวเองมาตลอด เหมือนที่เคยรอตอนคบกัน ไม่ได้ต่างจากเดิมเลยเพียงแค่เปลี่ยนสถานะ พอผ่านไป 2 เดือนหลังจากนั้น เราคิดว่าเขาเปลี่ยนตัวเองได้แล้ว แต่ไม่เลยเขาละเลยเรา แบบไม่รู้ตัว เขาก็ยอมรับว่าเขาเปลี่ยนไปจริงๆในตอนนั้น แต่เหตุการณ์ที่ทำให้เขากลับมา และเปลี่ยนเป็นคนละคนเพราะว่าเขาไปทำเรื่องที่ไม่ได้ให้อภัยมา เราก็ไม่เคยให้อภัยเขาหรอกแต่เราไปจากเขาไม่ได้เรายังรู้สึกกับเขาอยู่ เพราะเรื่องนี้เกิดขึ้นเราหมดความศรัทธาในตัวเขามากๆ ถึงมันยังไม่ถึงขั้นเลยเธอแต่มันก็เป็นเรื่องที่ไม่ควรเกิดขึ้น จึงทำให้เราฝังใจหนักกว่าเดิม เพราะที่ผ่านๆมาถึงแม้จะมีปัญหาเรื่องที่เขาไม่เปลี่ยนแปลงตัวเองแต่มันก็ ไม่ได้หนักถึงขั้นนี้​แต่เราก็ยังจะอยู่ต่อเพราะเราไปจากเขาไม่ได้จริงๆเรารักเขามาก แล้วหลังจากที่เกิดเหตุการณ์ล่าสุด เขาก็เปลี่ยนไปเลย​เป็นคนละคน​ เขาเปลี่ยนเป็นคนที่ดีขึ้นมาก จนเราไม่อยากจะเชื่อตัวเองว่าขอเปลี่ยนแค่ชั่วคราวจริงๆ เหมือนที่ผ่านมาหรือว่าขอเปลี่ยนไปแล้ว เราเลือกที่จะอยู่กับเขาแต่เราไม่เคยให้อภัยเขาเลย เรื่องอดีตก็ยังวนมาซ้ำๆยิ่งเขาทำแบบนี้อีก เรายิ่งไม่อยากกลับไปคบกับเขา เราไม่อยากกลับไปมีสถานะกับเขาแต่เวลาที่อยู่ด้วยกันเราก็มีความสุขตลอด ด้วยความที่เวลาเกิด เรื่องผิดใจกันเรามักจะอยู่ห่างกัน ตลอดจนทำให้เราไม่มีความสุขเวลาต้องห่างกันและเรามักจะหาเรื่อง ไปเสียดสีเขาตลอดซึ่งเรารู้ว่ามันไม่ควรทำ แต่เราก็ปล่อยวางกับอดีตไม่ได้ เรายิ่งเจ็บใจเมื่อคิดว่า ทำไมมันเปลี่ยนได้แล้วทำไมไม่เปลี่ยนตั้งแต่แรกทำไมต้องให้รอ นานเป็นปีๆ หลังจากนั้นเราก็ยังอยู่ด้วยกันมาต่อจนสิ้นเดือน ธันวาคม ก่อนจะขึ้นปีใหม่ ก็เป็น เคาท์ดาวน์ตามปกติ แต่เขาจะขอเราคืนดี เราก็พอเดาได้ว่าเขาจะทำอะไรเพราะเขารีบเร่งให้เราไปหาเขาก่อนเที่ยงคืน แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เราไม่เลือกเขาเหมือนที่ผ่านๆมา สุดท้ายฉันก็ไปหาเขาและได้นั่งคุยกันเป็นชั่วโมง ถึงเหตุผลที่เราไม่ลงมาเพราะเรารู้อยู่แล้วว่า ถึงเขาขอไปเราก็ยังไม่พร้อมจะกลับไปจริงๆ เราไม่อยากกลับไปมีสถานะ แบบยังห่วงหน้าห่วงหลังว่าเขาจะทำตัวแบบเดิม แต่คืนนั้นก็จบด้วยดี​ หลังจากนั้น ปี 2568 ปีนี้ ช่วงเดือนพฤษภาคมเราได้ไปทะเลด้วยกัน ไปกับครอบครัวเรา ซึ่งก็เป็นความฝันของเราสองคนแหละที่อยากไปเที่ยวไกลๆด้วยกัน ด้วยความที่อยู่กับครอบครัวเราก็รู้สึกว่า เราอาจจะแสดงปฏิกิริยาที่เขาไม่เคยเห็นให้เขาได้เห็น ซึ่งมันเป็นเรื่องค่อนข้างน่าอายนิดหน่อยแต่ไม่ได้ขนาดนั้นไปเรื่องปกติ เราก็ท่องเที่ยวด้วยกันตามปกติตอนแรกเขาจะ อยู่กับเราแค่วันสองวันเพราะว่าวันที่ 3 เขาต้องไปวันเกิดน้า​เขย แต่พอเขาคิดไปคิดมาสุดท้ายเขาก็ไม่ไปเขาเลือกที่จะอยู่กับเรา ซึ่งเราแปลกใจมาก ที่เขาไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อนแต่เรากลับ ยังไม่ให้โอกาสเขาได้คืนดีกับเรา เพียงเพราะเรายังยึดติดกับเรื่องในอดีต พอตอนกลับมาบ้านมีวันนึง เขาพูดออกมาว่า คืนดีกันนะ ฉันคิดว่าเขาพูดเล่นเราเลยติดตลก แล้วก็ไม่ได้อะไร ลืมบอกว่าเรา รู้จักกับเขาตั้งแต่อายุ 14 ส่วนเขาก็อายุ 16 ในตอนนั้น ต่อมาเรื่องล่าสุดหลังจากไปเที่ยวทะเลกลับมา ผ่านไปไม่นานเราก็มีความรู้สึกแปลกๆ อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน คือเราสับสนว่าจะเอายังไงกันต่อ กับความสัมพันธ์เราดี ด้วยความที่ความสัมพันธ์เราไม่มั่นคงอยู่แล้วเราไม่เชื่อใจในตัวเขาอยู่แล้วจึงทำให้วันหนึ่งตอนที่เราไปโรงเรียน เราไป ปิ๊งรุ่นน้องคนนึง ซึ่งตอนนั้นเราก็ลืมคิดไปเลยว่า เราชอบใครได้ไม่นานเลย ชอบแป๊บๆก็เลิกชอบ แต่ด้วยความที่เราเป็นคนซื่อสัตย์มาก พอรู้สึกอะไรเราก็จะบอกเขาตรงๆเพราะเราไม่อยากปิดบัง เขาก็รู้สึกมาก่อนหน้านั้นเราว่าเราไม่ค่อยรักเขาเลย เขาก็เลยตัดสินใจนั่งคุยกับเขา ว่าที่เรารู้สึกดีกับคนอื่นเพราะแบบนี้แบบนี้นะ เพราะเรารู้สึกไม่มั่นใจในตัวเขามาตลอด และเรายังยึดติดกับเรื่องในอดีต ในสิ่งที่เขาทำกับเรา ซึ่งมันไม่ควรยึดติดเลยจริงๆ ถ้ายังมี เขาอยู่ในชีวิต เราเลือกที่จะมีเขาแล้ว แต่ตอนนั้นเรารู้เหตุผลทุกอย่างแต่ ใจเราไม่ได้รู้สึกแบบนั้น ต่อให้เราคิดดีเท่าไหร่ จะเข้าใจเราคิดไม่ได้ มันก็ไม่มีประโยชน์ หลังจากนั้นที่นั่งเล่าให้เขาฟังเขาก็เสียใจ เพราะเขาพยายามมากจริงๆกับการเปลี่ยนตัวเองครั้งนี้ พอผ่านไปไม่ถึงเดือนเราก็เปลี่ยนไปอีก แบบมากๆ เริ่มไม่อยากคุยกับเขาเริ่มออกห่างและเริ่มไม่อยากเจอเขาในตอนนั้น เพราะความสับสนว่าตัวเองรู้สึกอะไรกันแน่ แต่เหมือนเขาจะรับรู้ได้และเขาบอกให้เราห่างกันสัก 1 อาทิตย์ แต่มันก็ไม่ถึง 1 อาทิตย์หรอกเราก็ยังคุยกันเล็กๆน้อยๆทุกวัน พอคบ 1 อาทิตย์เขาก็ทักมาถามว่า เป็นไงบ้างที่ไม่ได้คุยกันเลยแทบไม่ได้คุยกันเลยรู้สึกเสียใจคิดถึงบ้างไหม เราก็ตอบว่าไม่ เราแค่นึกถึงเราไม่ได้คิดถึงขนาดนั้น ซึ่งวันนั้นเป็นวันศุกร์ เขาเรียนอยู่ที่วิทยาลัยพอวันหยุดเขาจะกลับมาหาฉันตลอด ตั้งแต่เขาเป็นไป เขาก็พยายามเข้าหาเรามาก ทำให้วันนั้นเขาไม่ได้กลับมาหาเรา ตอนแรกเราก็ไม่ได้อะไร แต่วันนั้นเราออกไปดื่มพอดี พอกลับมาบ้าน เรามั่นใจว่าการที่เราอยากให้เขา มาหาเราในตอนนั้นเราเป็นความรู้สึกจริงๆไม่ใช่เพราะเหงาเเต่เขาก็คงเฟลเเละเสียใจมาก และพอผ่านไปอาทิตย์สองอาทิตย์ตอนแรกเขาก็ยังดูมีเยื่อใยต่อเรา แต่เป็นเพราะเราเองที่มัวแต่สนใจความรู้สึกตัวเองจนลืมสังเกตเขาว่าเขาเปลี่ยนไปขนาดไหน จนเมื่อคืน เราได้ พูดเสียใจกันอีกครั้ง ว่า เรา รู้สึกอยากเริ่มต้นใหม่ที่เป็นการเริ่มต้นใหม่จริงๆไม่ใช่การบั่นทอนกันเหมือนครั้งก่อนๆ เราคิดได้แล้วว่าเรายังอยากมีเขา เขาคิดได้แล้วว่าเราไม่เคย หยุดรักเขาเลย แต่เขาก็บอกว่า มาทำไมตอนนี้ เหมือนเขาก็ยังรอเราอยู่น้อยๆ แต่ด้วย คำว่าเขาก้าวออกมาได้แล้วของเขา คงทำให้เขา รู้สึกมีศักดิ์ศรีจึงไม่อยาก เปิดใจในตอนนั้น เขายังรู้สึกลังเล เขายังตอบไม่ได้ว่าเขายังรักเราอยู่ไหม ขอตอบได้แค่ว่าตอนนี้เขารู้สึกสบายใจกว่า ไม่ต้องมาสนใจเรา ไม่ต้องมา เครียดก่อนสอบ มีเวลาโฟกัสกับการเรียน เขาก็บอกว่าไม่ต้องให้เรารอเราก็บอกว่าเราไม่ได้ตั้งใจรอขนาดนั้นเราแค่รอเท่าที่เราอยากรอ และเราก็บอกเขาไปอีกว่า ในตอนนี้ เธอยังรู้สึกลังเลเสียดายและเสียใจอยู่ แต่เธอมั่นใจใช่ไหมว่าถ้าความรู้สึก ร้ายๆพวกนี้หายไป เธอจะไม่รู้สึกอะไรกับเราอีก เขาก็บอกว่าเขายังลังเลเขายังไม่ได้อยากเลือกเขารู้สึกว่าแบบนี้สบายใจกว่าเขาจึงเลือกทางนี้ ซึ่งพอเราได้รู้เหตุผลทุกอย่างแล้วก็นอนคิด จากที่เราร้องไห้ไม่ออก มาหลายเดือน มีแต่ความจุกอกและไม่รู้ว่าจะทำยังไง แต่เมื่อคืนเราร้องไห้ออกมา เราไม่คิดว่าเขาจะออกไปจากเราได้จริงๆ หรือเขาอาจแค่ออกมาพักใจตัวเอง เราไม่คิดเลยว่าเวลาที่เรา กำลังทบทวนความสัมพันธ์ เขาจะค่อยๆออกมา จริงๆมันก็สังเกตเห็นได้ชัดเจนแต่เราไม่สนใจเขาเอง พอมองย้อนกลับไปเรารู้สึกว่าเราทำตัวแสดงออกว่าเราไม่รักเขาเลยเป็นเวลา 2-3 เดือนมานี้ และช่วงเวลาเพียงเท่านี้คงมากพอที่ทำให้เขาเลือกที่จะตัดสินใจอะไรบางอย่างได้เพราะด้วยความที่เราพยายามออกห่างจากกันหลายรอบแล้วแต่ก็ทำไม่ได้ ครั้งนี้ก็อาจจะทำไม่ได้ถ้าเรายังทักหาเขาทุกวันหรือบอกคิดถึงเขาหรือบอกรักเขา แต่เราไม่บอกเลยเพราะเราซื่อตรงต่อความรู้สึกตัวเองถ้าเราไม่ได้รู้สึก ณ ตอนนั้นเราก็จะไม่บอก ​ ถ้าเราคิดได้เร็วกว่านี้สักเดือนนึง หรือสักเดือนครึ่ง เขาคงจะตอบตกลงให้โอกาสเราได้พิสูจน์ตัวเองว่าเราเปลี่ยนไปจริงๆ แต่การจะคิดอะไรได้หรือการแยกแยะความรู้สึกอะไรได้ มันไม่มีเวลาตายตัวบอกเลยว่าเราจะคิดได้เมื่อไหร่ เราก็ได้แต่คิดว่าเขายังคงรอ แต่พอเมื่อคืนตอนที่เราได้คุยกัน เขาบอกว่าเขาไม่กล้าบอกว่าเขา ไม่ต้องการเราแล้วเพราะกลัวเราเสียใจ มันก็ต้องเสียใจอยู่แล้วแหละเพราะเราพยายามประคับประคองมานานแล้ว เราเพียงแค่ไม่คิดว่าเขาจะออกไปจากเราได้จริงๆ เราคิดว่าเขาจะยัง อยากอยู่กับเราเหมือนครั้งที่ผ่านๆมา เพราะเขาเคยบอกว่า เขาไม่ต้องการเริ่มใหม่กับใครอีกเขายังมีเราเป็นคนสุดท้ายแล้ว ยอมรับเลยว่า ช่วงเดือนก่อนหรือ 2 เดือนที่ผ่านมาเราทำตัวห่างเหินจริงๆ เป็นเพราะความซื่อตรงของเราที่ทำให้เรารู้สึกแบบไหนก็แสดงออกมาแบบนั้น และเขาคงใช้ความรู้สึกนั้น ตอนที่เขาเสียใจ และบวกกับตั้งแต่คบกันมาเราไม่เคยสบายใจเลย คงเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้เขาตัดสินใจออกไปได้ เราพยายามบอกเขาแล้วว่าเราเปลี่ยนไปแล้วจริงๆ แต่เขาก็ สร้างกำแพงไว้สูงเกินกว่าที่เรา จะเอื้อมเขาถึงได้อีก มันไม่ผิดที่เขาจะปกป้องตัวเองเลย เราไม่ได้เข้าข้างใครนะแต่เรารู้สึกว่าเราทั้งสองไม่ผิด ในตอนแรกเขาก็ไม่เปลี่ยนตัวเองเพื่อเรา เพียงเพราะเขาไม่ได้รู้สึกรักเรามากพอก็เท่านั้นเอง แต่พ่อขอเปลี่ยนได้ กลับเป็นตอนที่เราหมดแรงพอดี ที่จะรอเขา แล้วพอเราหมดแรง ต่อให้เขาทำเองกับเราเท่าไหร่ ต่อให้เรารู้สึกดีขนาดไหน แต่ด้วยความที่เราหมดแรง เราก็เลยยังไม่ กลับไปคบกับเขา เขาคงเสียใจมากในเวลา 2 เดือนที่ผ่านมาที่เราแสดง พฤติกรรมในการให้เขาเห็นก็ได้แต่คิดว่าเขาอาจจะกลับมาอีกครั้ง ตลอดที่รู้จักกันมาเขาไม่เคยบอกว่าเขาจะไปจากเราสักครั้งเลยมีแต่เราที่อยากไปแต่ไม่เคยไปได้สักที ถึงแม้เขาจะทำให้เราเจ็บใจแต่เราก็ยังเป็นคนเดียวที่อยู่ข้างเขาเวลาเขาไม่มีใคร แต่เราแค่เสียใจที่ตอนที่เราอยู่ ในตอนที่เขาไม่มีใคร แต่เขากลับยังทำแบบนั้นกับเรา เราจึงยึดติดจนถึงทุกวันนี้แต่พอวันนี้ วันที่เราพร้อมเริ่มต้นใหม่จริงๆ แบบที่จะไม่บั่นทอนเขาเหมือนครั้งที่ผ่านๆมา มันกลับเป็นช่วงเวลาพอดี ที่เขาก็ไม่ได้ต้องการเราแล้วเหมือนกัน เราเชื่อว่าทุกคนก็เคยมีความหวัง เราก็ยังหวังว่าภายในปีนี้ หรือไม่ว่าตอนไหน แต่ตราบใดที่เรายังรู้สึกกับเขา ก็ยังหวังว่าเขาจะกลับมา ยังหวังว่าเขาจะกลับมาในตอนที่เขาพร้อม ถึงคำที่บอกว่าถ้าคนมันใช่ต่อให้นานเท่าไหร่เขาก็จะกลับมา มันจะเป็นความจริงก็ตาม แต่คนที่ใช่มันก็สู้คนที่พอดีไม่ได้หรอก เราเป็นคนคิดย้ำ คิดนาน และไม่ปล่อยความคิดอะไรง่ายๆ จึงทำให้เรายังยึดติดกับความผิดของเขา ทั้งที่ทุกวันนี้มันก็นานแล้วที่เขาไม่ได้ทำผิดอะไรต่อเรา แต่เรายังอยากเริ่มต้นใหม่จริงๆ ถึงแม้ตอนนี้เขายังจะไม่พร้อม แต่เขาเป็นพวก ที่ เวลาจะ เดินหน้าต่อต้องมีใครสักคนมาฉุดเขาไป เราหมายถึง แบบที่เขาเคยทำมาตลอด เพราะก่อนหน้านี้ตอนที่เขามีแฟนคนแรก และแฟนคนแรกไม่ดีกับเขา แต่แฟนคนที่สองของเขาก็คอยทำให้เขารู้สึกดีตลอดเขาจึง เลิกกับคนแรกแล้วมาคบกับคนที่ 2 แล้วทีนี้คนที่ 2 ก็ดีแค่แรกๆ หลังๆก็ทำร้ายเขาเหมือนคนแรก เขาก็อยู่อย่างนั้นเกือบ 2 ปี จนมาเจอเราเขาเลยรู้สึกว่า ไม่อยากอยู่กับคนที่สองอีกแล้ว หลังจากนั้นเขาก็ไม่เคยกลับไปหาคนที่ 2 อีกเลย เขายอมรับมาตรงๆว่า การที่เขาออกจากฉันได้ในครั้งนี้ เพราะมีคนอื่นมาฉุดเขาออกไป บ้างในบางวัน มันก็ดีที่เราออกจากกันได้เราจะได้ไม่ต้องบั่นทอนกัน แต่เราเปลี่ยนไปแล้วจริงๆ เราไม่ได้เปลี่ยนแค่ความคิด เหมือนที่ผ่านมาใจแล้วก็เปลี่ยนไปด้วย พวกคุณว่าแบบนี้ยังจะพอมีโอกาสไหม เพราะตอนนี้เขาก็ยังลังเลและไม่แน่ใจกับตัวเองว่าเขารู้สึกยังไงกันแน่ หรือเขาอาจจะเป็นเหมือนเราที่รู้สึกแบบนี้แค่ชั่วคราว แต่เราว่าเขาอาจจะไม่ได้เป็นแบบนั้นเพราะเขารู้สึกเสียใจและทำใจได้ด้วยตัวเอง ในตลอดที่เรากำลังสับสนในตัวเองเขาก็ค่อยๆถอยออกมาแล้วเรายังอยากมีเขาเป็นคนสุดท้ายในชีวิต เขาเป็นช่วงเวลา แทบทั้งหมดในชีวิตวัยรุ่นของเราจนตอนนี้เราจะเข้า 17 ยังพอมีทางไหม
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่