ทั้งคนพูดและคนฟัง จะเหนื่อยน้อยลง ถ้าเราพูดภาษาอังกฤษโดยมี sentence break ด้วย (ไม่ต้องพูดยาวรวดเดียวจนจบประโยค)
Sentence break (หรือ sentence pause) คือ "การแบ่งวรรคประโยค" ทีละใจความ (ให้คนฟังเข้าใจง่าย ๆ และคนพูดก็ไม่ต้องเหนื่อยพูดยาว ๆ)
สำหรับคนที่ไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อน ให้เริ่มจากขั้นเบสิกเลย (มีกฎให้จำไปใช้ครับ)
👉 แบ่งวรรคหน้า preposition (คำบอกตำแหน่ง) เช่น in, on, at, through, inside (ทำให้พูดง่ายขึ้น)
เช่น "I saw a cat in the car."
break สักหน่อยเป็น "I saw a cat... in the car."
(ระหว่างที่ break ก็ใช้เสียงสูงนิดนึง เพื่อให้คนฟังรู้ว่าเรายังพูดไม่จบ อย่าเพิ่งแทรกเรานะ หรืออย่าเพิ่งสรุปว่าเข้าใจหรือไม่เข้าใจสิงที่เราพูด)
หรืออย่างประโยค "There are many people at the reunion party."
ก็ break ประมาณ "There are many people... at the reunion party."
จะทำให้มีเวลาหายใจมากขึ้น และพูดชัดเจนขึ้นครับ (แต่เวลา break ก็ไม่ต้อง pause นานเป็นวินาที เอาประมาณ 0.5 วิก็พอ กะ ๆ เอาครับ แค่ไม่ต้องพูดติดกันแบบรวดเดียวก็ใช้ได้แล้ว)
ประโยคสั้น ๆ ก็ต้องฝึก sentence break ครับ (เดี๋ยวจะมีคนบอกว่าพูดให้จบรวดเดียวไปเลยเป็นไรไป?) คือจุดประสงค์ของเราคือการฝึก "แบ่งใจความของประโยค" เลยต้องเริ่มจากใจความสั้น ๆ ก่อน พอเป็นประโยคยาวก็จะทำได้ดีขึ้น
ก็เลยอยากให้เริ่มฝึกจาก preposition (in, on, at etc.) นี่แหละ
- You can sit... on that chair.
- She spent time walking... through the park.
- We'll meet... at 6 p.m.
- He is interested... in music and art.
ประมาณนี้ครับ เอากฎข้อเดียวพอเลยสำหรับการฝึกขั้นเบื้องต้น (จริง ๆ เรามี sentence break ได้หลายตำแหน่งเลย เช่น หน้า comma / หน้า conjunction / หน้า complement (v-ing) / หน้าคำนามวลี และอื่น ๆ)
แต่ในตอนแรกให้เน้นที่ preposition ก่อน
จุดเดียวที่ไม่ต้อง break หรือ pause คือ "เวลา preposition มันติดกับ verb to be"
- This gift is for you. (ไม่ต้อง break เป็น This gift is... for you.)
- John and I are inside the house. (ไม่ต้อง break เป็น John and I are... inside the house.)
พูดจบไปเลยก็ได้
หรือถ้าจะ break (คืออยากพูดช้า ๆ ชัด ๆ) ให้เรา break หน้า verb to be เลยครับ
- This gift... is for you.
- John and I... are inside the house.
ลองฝึกดูนะ ฝึกควบคู่ไปกับการอ่านออกเสียง (read aloud) คือก่อนอ่านให้เราทำสัญลักษณ์ / (slash) ขั้นใจความต่าง ๆ ไว้ก่อน แล้วเวลาอ่านก็ pause สัก 0.5 วิ (หายใจประมาณครึ่งลม) แล้วค่อยต่อครับ เช่น...
"Let's meet / at 6 p.m.
There will be lots people / at this reunion party.
You can sit / on any available chair.
John and his friends / are already inside the house.
You’ll find some snacks / on the table / by the window.
Sorry I didn't pick up your call. (ประโยคนี้ไม่ break)
I left my phone / on the kitchen counter."
(เจอกันตอน... 6 โมงเย็นละกันนะ
เดี๋ยวจะมีคนมาเยอะเลย... ที่งานรียูเนี่ยน
คุณนั่งเก้าอี้... ตัวไหนก็ได้
จอห์นกับพวกเพื่อน ๆ... อยู่ในงานแล้ว
คุณหาขนมทานไปก่อนนะ... วางอยู่บนโต๊ะ... ติดหน้าต่าง
ขอโทษที่ไม่ได้รับสาย
ผมลืมโทรศัพท์... ไว้บนโต๊ะในห้องครัว)
ประมาณนี้ครับ
"รู้ให้มากกว่าเมื่อวาน"
JGC. ✌
การ "แบ่งวรรคประโยค" เวลาพูดภาษาอังกฤษ
Sentence break (หรือ sentence pause) คือ "การแบ่งวรรคประโยค" ทีละใจความ (ให้คนฟังเข้าใจง่าย ๆ และคนพูดก็ไม่ต้องเหนื่อยพูดยาว ๆ)
สำหรับคนที่ไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อน ให้เริ่มจากขั้นเบสิกเลย (มีกฎให้จำไปใช้ครับ)
👉 แบ่งวรรคหน้า preposition (คำบอกตำแหน่ง) เช่น in, on, at, through, inside (ทำให้พูดง่ายขึ้น)
เช่น "I saw a cat in the car."
break สักหน่อยเป็น "I saw a cat... in the car."
(ระหว่างที่ break ก็ใช้เสียงสูงนิดนึง เพื่อให้คนฟังรู้ว่าเรายังพูดไม่จบ อย่าเพิ่งแทรกเรานะ หรืออย่าเพิ่งสรุปว่าเข้าใจหรือไม่เข้าใจสิงที่เราพูด)
หรืออย่างประโยค "There are many people at the reunion party."
ก็ break ประมาณ "There are many people... at the reunion party."
จะทำให้มีเวลาหายใจมากขึ้น และพูดชัดเจนขึ้นครับ (แต่เวลา break ก็ไม่ต้อง pause นานเป็นวินาที เอาประมาณ 0.5 วิก็พอ กะ ๆ เอาครับ แค่ไม่ต้องพูดติดกันแบบรวดเดียวก็ใช้ได้แล้ว)
ประโยคสั้น ๆ ก็ต้องฝึก sentence break ครับ (เดี๋ยวจะมีคนบอกว่าพูดให้จบรวดเดียวไปเลยเป็นไรไป?) คือจุดประสงค์ของเราคือการฝึก "แบ่งใจความของประโยค" เลยต้องเริ่มจากใจความสั้น ๆ ก่อน พอเป็นประโยคยาวก็จะทำได้ดีขึ้น
ก็เลยอยากให้เริ่มฝึกจาก preposition (in, on, at etc.) นี่แหละ
- You can sit... on that chair.
- She spent time walking... through the park.
- We'll meet... at 6 p.m.
- He is interested... in music and art.
ประมาณนี้ครับ เอากฎข้อเดียวพอเลยสำหรับการฝึกขั้นเบื้องต้น (จริง ๆ เรามี sentence break ได้หลายตำแหน่งเลย เช่น หน้า comma / หน้า conjunction / หน้า complement (v-ing) / หน้าคำนามวลี และอื่น ๆ)
แต่ในตอนแรกให้เน้นที่ preposition ก่อน
จุดเดียวที่ไม่ต้อง break หรือ pause คือ "เวลา preposition มันติดกับ verb to be"
- This gift is for you. (ไม่ต้อง break เป็น This gift is... for you.)
- John and I are inside the house. (ไม่ต้อง break เป็น John and I are... inside the house.)
พูดจบไปเลยก็ได้
หรือถ้าจะ break (คืออยากพูดช้า ๆ ชัด ๆ) ให้เรา break หน้า verb to be เลยครับ
- This gift... is for you.
- John and I... are inside the house.
ลองฝึกดูนะ ฝึกควบคู่ไปกับการอ่านออกเสียง (read aloud) คือก่อนอ่านให้เราทำสัญลักษณ์ / (slash) ขั้นใจความต่าง ๆ ไว้ก่อน แล้วเวลาอ่านก็ pause สัก 0.5 วิ (หายใจประมาณครึ่งลม) แล้วค่อยต่อครับ เช่น...
"Let's meet / at 6 p.m.
There will be lots people / at this reunion party.
You can sit / on any available chair.
John and his friends / are already inside the house.
You’ll find some snacks / on the table / by the window.
Sorry I didn't pick up your call. (ประโยคนี้ไม่ break)
I left my phone / on the kitchen counter."
(เจอกันตอน... 6 โมงเย็นละกันนะ
เดี๋ยวจะมีคนมาเยอะเลย... ที่งานรียูเนี่ยน
คุณนั่งเก้าอี้... ตัวไหนก็ได้
จอห์นกับพวกเพื่อน ๆ... อยู่ในงานแล้ว
คุณหาขนมทานไปก่อนนะ... วางอยู่บนโต๊ะ... ติดหน้าต่าง
ขอโทษที่ไม่ได้รับสาย
ผมลืมโทรศัพท์... ไว้บนโต๊ะในห้องครัว)
ประมาณนี้ครับ
"รู้ให้มากกว่าเมื่อวาน"
JGC. ✌