เรียนรู้ชีวิตของตัวเองจากตอนอายุ25-33ปี

สวัสดีค่ะ เราเคยตั้งกระทู้ว่าอยากแต่งงานกับเกย์เมื่อ 8 ปีที่แล้วและอยากมีลูก...

จากวันนั้นเราอายุ25 ตอนนี้เราอายุ33 อยากขอโทษที่ไม่ได้ตอบข้อความกลับใครเลยในตอนนั้นเพราะใช้พันทิปไม่เป็นค่ะ เหมือนล็อกอินและเข้ามาตอบเมนต์บ้างแล้วหายไปเลย (ไม่รู้ว่ามีข้อความด้วย)

จากวันนั้นมาจนทุกวันนี้ก็ไม่เคยได้แต่งงานมีลูกกับใครเลยนะคะ แต่อยากอัปเดทว่าชีวิตที่ไม่เป็นอย่างที่วางแผนไว้มันเป็นยังไง.

ก่อนอื่นเราดีใจกับเพศทางเลือกที่สามารถแต่งงานกันได้อย่างถูกกฎหมายแล้ว เย้ๆ
  
ส่วนตัวเรานั้นหลังจากเวลาผ่านไปหลายปีก็เหนื่อยกับการทำงานสร้างตัวมาก แต่เรียนรู้ได้ว่าถ้ามีลูกคงเหนื่อยกว่านี้มาก ขนาดไม่มีลูกยังเหนื่อยจนอยากตาย555

คือเรามีความคิดว่าไม่อยากใช้ชีวิตเพื่อรอใครมาเลือกให้ไปเป็นเมียเขา เราใช้ชีวิตแบบถ้ามีใครสักคนเราจะพร้อมสร้างครอบครัวเลย

ในตอนอายุ25 เราทำงานอยู่ห้องเช่าที่เป็นห้องพัดลม ห้องน้ำไม่มีน้ำอุ่น แต่ก่อนหน้านั้นสมัยเป็นเด็กกว่านั้นเราอยู่หอหญิงห้องน้ำรวมแถวประตูน้ำในกรุงเทพ อันนี้เล่าแบบข้ามๆแล้วนะคะเพราะกลัวว่าจะยาวไป

จากเด็กผู้หญิงในวันนั้นรู้สึกว่าตัวเองก็สร้างตัวแล้วระดับหนึ่ง555 แล้วอยากมีใครสักคนและอยากมีลูกอยากอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ดี การแต่งงานมีลูกกับเกย์เป็นเรื่องที่ดีสำหรับเรา คือในสังคมที่เราอยู่ผู้ชายไม่ได้มีคุณภาพขนาดนั้น ขอโทษค่ะ ในตอนนั้นมุมมองเราแคบมาก ผู้ชายมักจะติดเพื่อน เลิกงานกินเหล้า หรืออื่นๆที่เรามองว่าพ่อของลูกเราไม่ควรเป็นแบบนั้น เราไม่ได้มองว่าชีวิตต้องหรูหราแบบในหนัง เพราะตัวเองก็อย่างที่เห็นยังอยู่ห้องเช่าถูกๆ ก่อนจะตั้งกระทู้อยากแต่งงานมีลูกกับเกย์นั้นเราเคยมีแฟนเป็นผู้ชายที่ดีนะคะ ดีแบบที่ไม่ดื่มไม่ติดเพื่อน แต่ผู้ชายดีๆมักจะเชื่อฟังแม่เขาค่ะ เข้าใจใช่มั้ยคะ แบบว่าเราก็ฟังแม่เรา เขาก็ฟังแม่เขา ความรักพังค่ะ เลิกกันแบบดีๆแต่ด้วยความที่เคยมีความรักดีๆเราเลยมีมาตฐานว่าความรักครั้งต่อไปจะแย่กว่าเดิมก็ไม่เอาดีกว่า

ในส่วนของตัวเราเองไม่ใช่ผู้หญิงสายแซ่บ ไม่ได้มีความเร่าร้อนแถมน่าเบื่อสุดๆ การจะมีคนรักแล้วคอยสร้างความสุขให้คนอื่นเป็นศูนย์ค่ะ เราน่าเบื่อชนิดที่ว่าไม่เข้าสังคมอยู่คนเดียวได้ ชีวิตก่อนหน้านี้สามารถทำงานไม่มีวันหยุด ความสุขเล็กๆคือเข้าร้านนวดให้รางวัลตัวเองจากการทำงานหนัก ชีวิตน่าเบื่อเบอร์นั้นเลย การจะมีคนรักแบบหญิงชายนั้นแค่คิดก็เหนื่อย การจะสร้างครอบครัวของตัวเองแต่งงานกับเกย์เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับเรา คนอื่นเข้าไม่ถึงความคิดนี้แน่นอน 555


เอาหล่ะคือเราเพิ่งรู้ว่าการไม่มีลูกคืออิสระต่อตัวเอง ชีวิตรักไม่มีอะไรแน่นอนเพราะก่อนหน้านี้เคยเกิดโรคระบาดโควิด ตกงาน ย้ายไปอยู่ต่างจังหวัด ชีวิตพลิกไปพลิกมาไม่มีงานทำก็เลยไปเรียนนวดจบมาอยากทำงานสายนี้ใช้ชีวิตต่างจังหวัดอยู่กับธรรมชาติชิลล์ๆแต่ไม่รุ่ง วงการนวดอึดอัดแบบแปลกๆ ครูสอนดีโรงเรียนดี แต่เราเหมาะจะเป็นลูกค้ากว่าจะเป็นหมอนวด 555

สุดท้ายแล้วเราย้ายกลับกรุงเทพทำงานเป็นคนรับใช้ให้กับต่างชาติที่อยู่คอนโดย่านสุขุมวิท ตามความเข้าใจคนอื่นเราคือรับทำความสะอาดคอนโด แต่ตามความเข้าใจเรา เราคือคนรับใช้ค่ะ เพราะเรารับทำความสะอาดและใช้ให้ซื้อของ ซักผ้ารีดผ้าเลี้ยงสัตว์ทำตามคำสั่งเจ้านายเวลาที่เขาต้องกลับประเทศตัวเอง คือใช้งานจุกจิกจิปาถะได้เลยไม่ต้องเกรงใจ รวมถึงก็ทำงานนวดเจ้านายทุกคนด้วย คำว่าทุกคนนั่นหมายความว่าใช่ เรามีเจ้านายหลายคนหลายที่วิ่งทำงานตามคอนโดสายBTS

เราชอบงานนี้มาก เพราะงานจิปาถะทิปดี งานนวดรับเงินเพิ่ม งานเลี้ยงสัตว์ ทำความสะอาดคอนโดไม่ต้องคุยกับใคร เจ้านายไม่ค่อยอยู่ เหนื่อยแต่งานตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนน่าเบื่อแบบเราจึงตัดสินใจซื้อคอนโดเล็กๆ ติดแอร์ อาบน้ำอุ่นอยู่กรุงเทพ ...

เกือบจะโสดตลอดชีวิต แต่ไม่เป็นไร เริ่มตกผลึกว่าจริงๆชีวิตที่อยู่คนเดียวไม่มีลูก ไม่ได้สร้างครอบครัวมันไม่ได้แย่นะ สังคมรอบข้างก็สร้างได้ด้วยตัวเอง เราไม่มีเวลาสนใจว่าผู้ชายคนอื่นจะเลิกงานกินเหล้ามันก็เรื่องของเขา ผู้ชายจะเชื่อฟังพ่อแม่เขาก็ไม่ใช่เรื่องที่ผิด ทุกคนมีชีวิตเป็นของตัวเอง เราเลือกสังคมรอบตัวใหม่ได้ด้วยตัวเอง แม้ไม่ต้องแต่งงาน ไม่ต้องมีลูก เรามัวแต่มองชีวิตคนรอบข้างแล้วมากดดันตัวเอง เราเห็นเพื่อนวัยเดียวกันแต่งงานมีลูกแล้วก็กังวลว่าตัวเองจะต้องรีบแล้ว ฉันจะแก่เกินกว่าจะมีลูกแล้ว


ตอนนี้เราแก่เกินที่จะมีลูกจริงๆเหมือนที่เคยกังวล จากที่ทำแต่งานสร้างตัวเราไม่ได้ดูแลสุขภาพแต่ไม่ได้ป่วยนะ แต่ปวดหัวไมเกรนปวดหลัง สายตาสั้น และแก่สุดๆก็คือฮอร์โมนเราต่ำสุดๆ ก็อย่างที่บอกในตอนแรกๆเลยว่าเราไม่ใช่สายแซ่บ ไม่ได้มีความรู้สึกอยากแซ่บเพราะมัวแต่ทำงาน คือเมื่อก่อนคิดว่าเราคงทำงานคิดเรื่องงานอะไรประมาณนั้นก็เลยตายด้าน แต่จริงๆมันมีผลมาจากโรคเลือดจางของเราเองที่มีตามกรรมพันธุ์ ยิ่งตอนจะมีประจำเดือนนะ ปวดหัวแรงมาก จะอวก ปวดหลัง ปวดคอบ่าไหล่ การดูแลตัวเองช่วงมีประจำเดือนคือการกินอาหารแซ่บๆเข้าร้านนวด และนอนโง่ๆบนเตียงนานๆ

เรารู้ว่าถ้ามีลูกเราจะมีความสุขกว่านี้มั้ย แต่ตอนนี้มองย้อนกลับไปถ้ามีลูกแล้วลูกได้รับเลือดจางจากเราจะเป็นอะไรที่เศร้ามาก คือโรคเลือดจางเนี่ยมันไม่ได้ป่วยแบบโคม่าแต่ส่งผลกับการใช้ชีวิตมากในทุกเดือน เพราะเลือดจะส่งไปล่อเลี้ยงร่างกายมันจึงส่งผลกระทบหมด โดยเฉพาะถ้าได้ลูกสาว และลูกต้องมีประจำเดือนคือลูกจะเหนื่อยร่างมาก ปวดหัวจนอยากถอดออกมาล้างมาขยี้ซักตากแดดฆ่าเชื้อโรค แต่ทำได้แค่นอนเอาหัวแนบหมอนหลับตา ตื่นมาแล้วนอนต่อแบบนั้น

ปัจจุบันเราไม่ได้ทำงานหนักแบบเดิมแล้ว เราสู้ชีวิต และก็เจอกับความรักดีๆไม่ใช่เพื่อยกระดับสังคมให้ตัวเองแบบเดิมแล้วค่ะ แต่เป็นความรักแบบในสังสมเดียวกันแต่อยู่คนละประเทศ สุดท้ายก็ได้ย้ายมาอยู่ต่างประเทศ ไม่ได้แต่งงานไม่มีลูก (จริงๆถ้ามีลูกจะไม่เสียงเลือดจางเท่ากับท้องกับผู้ชายเอเชีย แต่ถ้าวางแผนมีลูกก็ต้องตรวจเลือดจริงจังเพราะแก่แล้ว) ตอนนี้ไม่อยากมีลูกแล้วค่ะ แต่เลี้ยงแมว8ตัวเป็นลูกและหลาน ส่วนแฟนก็เป็นคนน่าเบื่อเหมือนกัน ชอบช่วยทำงานบ้าน ช่วยทำอาหาร ชีวิตเรียบง่ายไม่เหนื่อยจนอยากตายแล้ว แต่ก็ไม่ได้อยากมีลูกหรือสร้างครอบครัวเหมือนคนอื่นแล้วค่ะ

ตอนนี้เป็นคนที่ชอบมีชีวิตแบบของตัวเอง ไม่ต้องเป็นแบบนั้นแบบนี้ไม่ต้องวางแผนชีวิตสร้างตัวจนไมเกรนขึ้น แค่อยากกินอะไรก็ทำกินเองง่ายๆ อยากนอนก็นอนไม่ต้องรีบตื่นไปรับใช้เจ้านาย ไม่ต้องส่งลูกรับลูกไปโรงเรียนและเป็นแม่บ้านเลี้ยงลูกอย่างที่ตั้งใจจะเป็นแม่ที่ดีของลูกๆ ตอนนี้เป็นคนเลี้ยงแมว ตักขี้แมว นอนตื่นมาพร้อมแมวสายๆเต็มเตียง เดินตามเข้าห้องน้ำห้องครัว ห้องนั้งเล่น ไม่วุ่นวายกับใคร อยู่กับความธรรมดาจนไม่คิดว่าชีวิตเรามันก็ธรรมดาแค่นี้เอง มองย้อนกลับไปแล้วเห็นตัวเองในวันนั้น ถ้ามีลูกถ้าแต่งงานชีวิตจะมีความสุขมั้ยไม่รู้ อาจจะสุขคนละแบบก็ได้ แต่ชีวิตตอนนี้สงบดีจัง

บางทีอนาคตอาจเปลี่ยนไปยังไงไม่รู้ในอีก 5 ปี 10ปี เราอาจมีลูก หรือเราอาจย้ายกลับไทย แต่ตอนนี้อยากบันทึกไว้ว่า ครั้งหนึ่งเคยได้พยายามอยู่ในสังคมดีๆ ทำงานหนัก ได้ย้ายมาอยู่ยุโรป เคยมีแมว 8 ตัว และมีชีวิตแบบที่เป็นความสงบแบบน่าเบื่อในแบบที่ตัวเองชอบ แม้ไม่ได้เป็นไปตามแผนแต่มันดีมากๆ ...ดีแบบที่ไม่เคยรู้ว่าในมุมๆหนึ่งของชีวิตคนที่ไม่มีลูก ไม่ได้สร้างชีวิตครอบครัวมันจะอิ่มเอมสุขใจได้ขนาดนี้

ปล.บทสรุปของชีวิตไม่มีสูตรสำเร็จ เราแค่เอนจอยกับชีวิตในตอนนี้ อนาคตไม่รู้ ตอนแก่ไปไม่รู้ เรารู้จักกับแฟนตอนอายุ29กำลังจะ30 เราช่วงอายุไม่ห่างกันมากเรียนรู้และลองใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันก่อนแต่งงาน ซึ่งถ้าความรักไม่ดีก็เลิกกันไปใช้ชีวิตของใครของมัน แต่ตอนนี้เราทั้งคู่ต่างคนต่างไม่มี Red Flags จึงลงดีเทลไม่ได้ว่าในอนาคตจะแต่งงานและมีลูกด้วยกันหรือไม่ ส่วนตัวเองตอนนี้ยังไม่อยากมีลูก และสามารถตายได้เลย แต่ค่ะแต่ตายตายังไม่หลับสนิทแน่ เพราะยังมีห่วงกับลูกแมวทั้ง 8 อยู่ กลัวแฟนจะเลี้ยงพวกเขาไม่ได้

นอกจากนี้แล้ว ชีวิตผู้หญิงคนหนึ่งที่ดูแลตัวเองและเดินทางมาจนถึงตอนนี้ก็ไม่มีอะไรต้องกังวลแล้ว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่