[Spoil] ราชันเร้นลับ : ตัวตลก EP3 ดูจบแล้วมาคุยกัน

ราชันเร้นลับ : ตัวตลก ตอนที่ 3
Lord of Mysteries : The Clown EP3

ชื่อตอน บันทึก : การแสดงอันตราย



ความเดิมตอนที่แล้ว ไคลน์ ทำงานเป็นหน่วยลับ นักท่องราตรี  และเลือกเป็นผู้วิเศษเส้นทางนักพยากรณ์ตามคำใบ้ของบันทึกจักรพรรดิโรเซลล์  แต่ว่าน้ำยาเวทมนตร์ของเส้นทางสายนี้ ลัทธิเทพีแห่งรัตติกาลมีครอบครองเพียงลำดับที่ 9 เท่านั้น  และจากนั้นไคลน์ก็ได้รับภารกิจแรกร่วมกับ เลโอนาร์ด  คือการช่วยเหลือเด็กที่ถูกลักพาตัว หลังจากจบภารกิจพอกลับมาถึงบ้าน ไคลน์ก็เข้าถึงความทรงจำของไคลน์คนเก่าแล้วพบว่า เขาเคยไปบ้านที่อยู่ฝั่งตรงข้ามของคดีลักพาตัววันนี้มาก่อน

<<อ่านสปอยล์ EP2 ก่อนหน้านี้ >>



Spoiler Alert *
(โปรดระวังสปอยล์)

ตอนนี้เนื้อหาแอบเยอะเหมือนเดิม แม้เนื้อหาบางส่วนจะต่างกับฉบับนิยายบ้าง แต่ตื่นตาตื่นใจกับฉากต่อสู้ของผู้วิเศษมากเลยค่ะ 

บริษัทรักษาความปลอดภัยแบล็คธอร์น ฉากหน้าของสำนักงานนักท่องราตรี

ดันน์ สมิธ​ หัวหน้าหน่วย ใช้พลังฝันร้ายสืบเค้นข้อมูลของชายที่ชื่อ รีเจนซ์  ซึ่งเป็นสมาชิกของ คณะภราดรลับ  แล้วได้ข้อมูลมาว่าเป็นเขานี่เองที่นำ บันทึกตระกูลแอนทิโกนัส ออกมาขายในตลาด เลโอนาร์ด บอกว่า ตอนนี้คณะภารดรลับเองก็กำลังตามหาบันทึกที่หายไปเหมือนกัน 

คณะภราดรลับ :
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

จากนั้นก็มีคนมาแจ้งกับดันน์ว่า ไคลน์จำเบาะแสบางอย่างได้แล้ว

ต่อมา ณ บ้านที่อยู่ฝั่งตรงข้ามของคดีลักพาตัวเด็กตอนที่แล้ว พวกนักท่องราตรีลงพื้นที่ตรวจสอบ แล้วพบศพของหญิงชราคนหนึ่งที่น่าจะเสียชีวิตมานานแล้ว ไคลน์ เข้ามาในบ้านแล้วจำได้ว่า ไคลน์คนเก่าเคยมาที่นี่เพื่อมาส่งบันทึกแอนทิโกนัส ให้ใครบางคน

เลโอนาร์ดสันนิษฐานว่า แบคคัสที่ลักพาตัวเด็กก่อนหน้านี้อาจจะเสียสติ เพราะอยู่ใกล้บันทึกต้องสาปแอนทิโกนัสนั้นมากเกินไป (บ้านฝั่งตรงข้ามกันเลย)

เรย์ บีเบอร์ ลูกชายของหญิงชราผู้ตาย หายสาบสูญ  เลโอนาร์ดนำรูปถ่ายออกมาแล้วให้ไคลน์ใช้พลังนักพยากรณ์หาที่อยู่ของเขา แต่พลังทำนายถูกบางอย่างที่แข็งแกร่งรบกวนจนไคลน์เกือบโดนทำร้ายกลับ  ดันน์เลยบอกว่าจะติดต่อไปที่วิหารศักดิ์สิทธิ์หาวิธีอื่นเพื่อตามหาที่อยู่ของ เรย์ บีเบอร์ และยืนยันความเกี่ยวข้องของเขากับบันทึกตระกูลแอนทิโกนัส

ณ ที่ทำการของหน่วยลับนักท่องราตรี  ดันน์ ได้มอบ ลูกตุ้มซิทริน ให้ไคลน์เพื่อใช้เสริมพลังวิญญาณ ช่วยยกระดับการทำนายได้ เขาบอกว่าไคลน์อาจได้ใช้ในปฏิบัติการครั้งนี้

หลังจากที่ดันน์ได้ติดต่อวิหารศักดิ์สิทธิ์ไป ทางวิหารก็อนุญาติให้ใช้วัตถุปิดผนึกระดับ 2 (คือระดับอันตราย) ในภารกิจครั้งนี้ด้วย ซึ่งมันถูกขนส่งมาพร้อมกับผู้คุ้มกัน 3 คนที่เป็นนักท่องราตรีจากแบคลันท์ เมืองหลวงของอาณาจักรโลเอน 

(เมืองทิงเกน ที่ไคลน์อยู่ตอนนี้ไม่ใช่เมืองหลวงนะคะ ทิงเกนเป็นเมืองแห่งการศึกษา ตั้งอยู่ในเขตอาว์วาทางตอนเหนือของอาณาจักรโลเอน) 

วัตถุปิดผนึก :
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

นักท่องราตรีที่มาคุ้มกันวัตถุปิดผนึก ประกอบด้วย
1. แอร์ ฮาร์สัน  สายผู้ไม่นิทรา ลำดับที่ 7 มารฝัน 
2. บอร์เจีย  สายคนเก็บศพ ลำดับที่ 8 คนขุดสุสาน 
3. ดาลี ซีโมน  สายคนเก็บศพ ลำดับที่ 7 ผู้สื่อวิญญาณ

ดาลีได้ทักทายไคลน์อย่างเป็นมิตรเพราะเคยเจอกันแล้ว ส่วนแอร์ที่เป็นผู้นำกลุ่มดูไม่ค่อยเห็นด้วยที่จะให้ไคลน์ซึ่งเป็นเพียงนักพยากรณ์ลำดับที่ 9 ที่ไม่มีพลังรบไปปฏิบัติภารกิจด้วย

ดันน์ ถึงกับปวดหัวตอนที่ได้รู้ว่า วัตถุปิดผนึกที่วิหารศักดิ์สิทธิ์อนุมัติ คือ 2-049  เขาถามแอร์ว่า วิหารประเมินระดับความอันตรายของมันแล้วจริงเหรอ  แอร์ตอบว่า ผลการประเมินวัตถุนี้คือ ระดับอันตรายสูงสุด แต่ในเมื่อพวกดันน์เชื่อว่า เรย์ บีเบอร์อาจเป็นทายาทของตระกูลแอนทิโกนัสตัวจริง วิธีที่จะตามหาเขาพบได้เร็วที่สุด มีเพียงต้องใช้ 2-049 ที่ตระกูลแอนทิโกนัสเป็นคนประดิษฐ์ขึ้นมา 

แล้วแอร์ก็บอกว่า ให้ทุกคนขยับท่าตามเขา (ท่ายกแขนข้างนึงเหมือนยกดัมเบลขึ้นลงเรื่อยๆ)  ห้ามหยุดเด็ดขาด ไม่งั้นจะมีอันตรายถึงชีวิต

ไคลน์งงมาก ใช้ท่านี้รักษาชีวิตเนี่ยนะ รู้สึกคุ้นๆเหมือนได้ยินเสียงวิทยุกายบริหารระดับมัธยมลอยมาในหัวเลย แต่พอโดนแอร์มองแรง ก็ยอมทำตามโดยดี




จากนั้นแอร์ก็เปิดกล่องออกมาแล้ว วัตถุปิดผนึกระดับอันตราย 2-049 ก็เผยตัวออกมา มันคือ หุ่นกระบอกรูปตัวตลกที่มีชีวิต ไคลน์คิดในใจว่า ตัวเล็กดูเซ่อซ่าน่ารัก แต่มันก็แยกเขี้ยวแฮ่ใส่ทันที จากนั้นไคลน์ก็พบว่าตัวเองขยับตัวไม่ได้ จนกระทั่งมีคนตบหลังเรียกสติเบาๆ เขาจึงหายจากการควบคุม





เจ้าตัวน้อยเขี้ยวแหลมนี้ดูเหมือนจะสนใจไคลน์เป็นพิเศษ คอยเดินตามไคลน์ที่วิ่งหนีไปรอบๆห้อง  ดันน์บอกว่าอาจเป็นเพราะไคลน์เคยสัมผัสบันทึก  ขอเพียงมีกลิ่นอายว่าเคยเกี่ยวข้องกับตระกูลแอนทิโกนัสสักนิด 2-049 ก็จะตอบสนองทันที  



สรุปคือ 2-049 มีพลังที่จะเปลี่ยนคนที่อยู่ใกล้ในรัศมี 5 เมตร แบบสุ่ม 1-2 คนให้เป็นหุ่นกระบอก คนที่ถูกควบคุมแค่โดนตีด้วยแรงจากภายนอกปลุกทันก็รอดแล้ว

ไคลน์เลยคิดว่า มิน่าต้องทำกายบริหารเพื่อง่ายต่อการสังเกตว่าใครถูกควบคุมนี่เอง  ไคลน์เลยถามว่า ถ้าทุกคนถูกควบคุมกันหมดล่ะ  แอร์ก็บอกว่า ไม่มีทางเกิดเรื่องแบบนั้น



จากนั้น เลโอนาร์ด ก็ทิ้งเสื้อคลุมของ เรย์ บีเบอร์ ลงพื้น เจ้าหุ่นกระบอก 2-049 เกิดคลุ้มคลั่งแล้วพุ่งเข้าใส่เสื้อนั้นทันที เลยได้ข้อสรุปว่า เรย์ บีเบอร์ คือทายาทของตระกูลแอนทิโกนัสจริงๆ และให้ดำเนินการสืบหาตัวโดยใช้ 2-049 ทันที

การเอา 2-049 ไปด้วย เดินไปไหนก็ต้องทำท่ากายบริหารไปด้วยตลอดทาง ไคลน์คิดในใจว่า เกิดมา 20 ปี เพิ่งเคยขายหน้าขนาดนี้ (ฮา)



ตัดภาพมาที่โกดังรกร้างแห่งหนึ่ง 

เรย์ บีเบอร์  ได้เสียสติไปแล้ว ทำการหลอมรวมร่างกายตัวเองเข้ากับ บันทึกแอนทิโกนัส และกลายร่างเป็นปีศาจร้ายร่างกายใหญ่โตมโหฬาร  ในจุดเดียวกันนั้นเองมีชายที่แต่งกายทาหน้าตาเป็น ตัวตลก คนหนึ่งซ่อนตัวอยู่  เขาเป็นคนจาก คณะภารดรลับ มาตามหาบันทึกแอนทิโกนัสกลับ แต่มาสายไป บันทึกถูก เรย์ บีเบอร์ ดูดกลืนไปก่อนแล้ว ขณะที่กำลังจนปัญญา เขาก็ได้ยินเสียงหน่วยนักท่องราตรีที่ติดตามมาถึง เขาก็ยิ้มออกมา จากนั้นก็ไปซ่อนตัวเพื่อรอโอกาส

หน่วยนักท่องราตรี ใช้ 2-049 ตามรอยบันทึกมาจนถึงที่นี่
ประกอบด้วย : ดันน์ เลโอนาร์ด ไคลน์ แอร์ บอร์เจีย และดาลี



ไคลน์ถึงกับสับสน ตกลงเจ้าหุ่นกระบอกเล็กนี่ซื่อสัตย์ หรือหลอกเจ้าของซะหลังหักหว่า (หุ่นกระบอกมีชีวิตรักตระกูลแอนทิโกนัสมาก จนตามหาทายาทกับสมุดเจอ ไคลน์เลยแซะประมาณว่า ซื่อสัตย์จนพาศัตรูอย่างพวกเขาตามมาถึงเลยนะ ฟีลหักหลังเจ้าของไม่รู้ตัว)

ดันน์ ให้ไคลน์ทำนายว่า ในโกดังร้างมีอันตรายหรือไม่ ผลออกมาคือ อันตรายมาก จากนั้นประตูก็เปิดออก แล้วก็มีควันสีแดงออกมาจากโกดัง  ม้าลากรถที่รู้สึกถึงอันตรายพากันวิ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว

จากนั้น ปีศาจเรย์ บีเบอร์ ร่างยักษ์ก็ออกจากโกดังมาแล้วมาคำราม พอมันรู้สึกได้ถึง 2-049 ที่เป็นสิ่งของจากตระกูลแอนทิโกนัสเหมือนกัน มันก็คลุ้มคลั่งแล้วพุ่งเข้ามาโจมตีทันที ดันน์หยิบเครื่องรางมนต์นิทราออกมาแล้วบอกให้ไคลน์ถอยไปก่อน ส่วนตัวเองกับเลโอนาร์ดแล้วก็นักท่องราตรีคนอื่นๆก็พุ่งเข้าไปใช้พลังวิเศษโจมตี 



เลโอนาร์ด ลำดับ 8 กวีเที่ยงคืน ใช้พลังท่องบทกวีกล่อมให้หลับ รวมกับ  ดันน์ ลำดับที่ 7 มารฝัน ที่ใช้พลังเพื่อสะกดมันไว้ในฝันร้ายแต่พลังพวกนี้กลับใช้ไม่ได้ผลกับบีเบอร์ 





(การต่อสู้ของสายไม่นิทรา : พอผ่านลำดับ 9 ผู้ไม่นิทรา ส่วนใหญ่จะติดใช้พลังแล้วติดร่ายบทกวีไปด้วย เพราะลำดับ 8 คือ กวีเที่ยงคืน ต้องสวมบทบาทเป็นกวี เจ้าบทเจ้ากลอน ดันน์ที่อยู่ลำดับ 7 มารฝัน ก็เคยผ่านลำดับกวีเที่ยงคืนมาก่อน ดังนั้น ฉากต่อสู้ของสายนี้เลยจะดูเท่ๆขลังๆท่องพึมพำไปด้วยตลอด)

ดันน์ สังเกตเห็นว่า บีเบอร์กลายร่างไม่ใช่การเสียสติของผู้วิเศษปกติ บีเบอร์อาจถูกวัตถุอันตรายอย่างบันทึกควบคุมต่างหาก จึงบอกให้ ดาลี ลำดับ 7  ผู้สื่อวิญญาณ หาจุดอ่อนของมัน  ดาลีใช้พลังและพบจุดอ่อน แต่จะใช้พลังของเธอโจมตีได้ ต้องมีคนคุมมันไว้อย่างน้อย 3 วินาที

ดันน์ ใช้พลัง ตาข่ายความฝัน ส่วน เลโอนาร์ด ยิงสกัด  ไคลน์ดีใจที่เกือบตรึงมันสำเร็จแล้วแต่ว่าจู่ๆก็ปวดหัวเพราะมีเสียงพึมพำอยู่ในหัว เจ้าบันทึกที่อยู่ในตัวบีเบอร์ปล่อยพลังแสงสีแดงออกมา หัวหน้าดันน์เสียสมาธิโดนทำร้ายจนบาดเจ็บ จากนั้นระยางของมันก็พุ่งไปปัดกล่องที่ผนึก 2-049 จนกระเด็น แอร์ ฮาร์สัน พุ่งเข้าไปใช้พลัง แซนด์แมน โจมตี แต่สุดท้ายก็โดนทำร้ายจนบาดเจ็บสาหัส  บอร์เจีย วิ่งไปดูอาการของแอร์ ทิ้งกล่อง 2-049 ไว้กับพื้น  ดันน์ที่กลับมาต่อสู้กำลังยื้อปีศาจอยู่คนเดียวท่องบทกวีเพื่อต่อต้านเสียงในหัวไปด้วย  



ไคลน์ ที่หลุดจากเสียงพึมพำในหัวเพราะเคยชินกับเสียงในโลกเหนือหมอกเทามาก่อนแล้ว ก็ลงมือใช้ เครื่องร่างมนต์นิทรา ท่องคาถาแล้วสะกดปีศาจไว้จนมันหลับได้สำเร็จ  ดาลี ที่รอโอกาสนี้อยู่ก็ใช้ พลังหัตถ์อเวจี ของสายคนเก็บศพ สังหารปีศาจบีเบอร์ลงจนสำเร็จ





แต่หลังจากนั้นเธอก็หมดสติไปด้วย  ดันน์รีบวิ่งไปดูอาการดาลีอย่างเป็นห่วง แล้วกรอกน้ำยาฟื้นฟูให้ดื่ม

(มีต่อด้านล่าง)
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่