เราจะมาเล่าเรื่องบางอย่างที่ได้ฟังมาแล้วรู้สึกว่ามันสะเทือนใจ ทั้งในฐานะนักเรียนที่กำลังเตรียมตัวยื่นพอร์ต ทั้งในฐานะคนธรรมดาคนหนึ่งที่เชื่อว่าระบบควรยุติธรรม เรื่องนี้เกี่ยวกับรุ่นพี่โรงเรียนเราคนหนึ่งที่ตอนนี้กำลังเรียนอยู่ชั้นปีที่ 4 ของคณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยดังระดับประเทศ (Top 5 ของไทย) ทุกอย่างของพี่เขาดูดีมาก พอร์ตแน่น มีรางวัล มีผลงาน มีเกียรติบัตรระดับภาค ระดับประเทศ คะแนนก็สูง เวลาพูดจาก็ดูมั่นใจ ตอบคำถามแบบรู้ลึก ทำให้ตอนนั้นหลายคนประทับใจมาก รวมถึงคุณครูเองก็ยังพูดถึงพี่เขาว่าเป็น “เด็กเก่งที่น่าเอาเป็นแบบอย่าง”
แต่เมื่อไม่กี่เดือนมานี้ เราเพิ่งได้รู้จากเพื่อนสนิทของพี่เขาคนหนึ่ง ซึ่งตอนนี้เรียนครูอยู่ (ขอใช้นามสมมติว่าพี่ครู) ว่าพอร์ตของพี่หมอที่ดูแน่นมาก ๆ จริง ๆ แต่มีบางส่วนที่ไม่ได้ได้มาอย่างซื่อสัตย์ พี่ครูเล่าว่าพี่หมอจัดการสร้างการแข่งขันขึ้นมาเองหลายงาน เป็นการประกวดนวัตกรรม โครงงานหรือไอเดียเชิงสร้างสรรค์ โดยทำเพจขึ้นมาจริง ๆ รับสมัครจริง ๆ มีคนสมัครเข้าร่วมหลายร้อย บางงานมีถึง 2–3 พันคน และพี่หมอก็ใช้ชื่อปลอมเป็นผู้จัดงาน แล้วประกาศชัดเจนว่าแต่ละรายการจะมีเพียง “รางวัลชนะเลิศ” เท่านั้นที่ได้รับรางวัล
ผลก็คือ… พี่หมอได้รางวัลชนะเลิศทุกครั้งในทุกงานที่ตัวเองจัดเอง เพราะล็อคชื่อไว้แล้วตั้งแต่แรก คนที่ส่งผลงานเข้าร่วมก็ไม่รู้อะไรเลย แค่ดีใจที่ได้เกียรติบัตร พี่หมอก็มีพอร์ตที่ดูแน่นมากภายในเวลาแค่ไม่ถึง 2 เดือน และใช้มันยื่นรอบ Portfolio ได้สำเร็จ โดยกรรมการไม่มีทางรู้ว่าเบื้องหลังเกิดอะไรขึ้น เพราะพี่หมอใช้ผลงานที่ตัวเองเคยทำอยู่แล้วมาตอบคำถามตอนสัมภาษณ์ โครงงานที่เคยทำ วิจัยที่เคยเขียน เพียงแต่ไม่เคยส่งประกวดจริงจังที่ไหน จึงไม่มีประวัติรางวัลอย่างเป็นทางการ เลยเลือกจัดแข่งเองแล้วให้ตัวเองได้รางวัลไปเลย เพราะถือว่า “เป็นงานของตัวเองอยู่แล้ว”
เราได้ยินแล้วทั้งอึ้งทั้งสับสน คือพี่เขาเก่งจริง มีผลงานจริง แค่ไม่เคยส่งที่ไหนเพราะกลัวเสียเวลาอ่านหนังสือ ตอนแรกตั้งใจจะสอบรอบ 3 แต่พอรู้ว่าพอร์ตก็มีโอกาสสอบติด เลยเปลี่ยนแผนทันที เหลือเวลาแค่ 2 เดือนก็สร้างทุกอย่างขึ้นมาใหม่หมดแบบที่เราเล่าไปข้างต้น แล้วกลายเป็นพอร์ตที่ดู “แน่นและน่าเชื่อถือ” มากที่สุดของรุ่นนั้น เพราะไม่มีข้อมูลอะไรในเอกสารที่ดูปลอมเลย ทั้งหมดคือผลงานจริง เพียงแต่วิธีได้รางวัลมาคือการ “จัดให้ตัวเอง”
พอเราได้ฟังแบบนี้แล้วรู้สึกอะไรหลายอย่างมาก คนที่ตั้งใจลงแข่งตามระบบ เสียเงิน เสียเวลา ลงแรงจริง ทำตามกติกาจริง ๆ พอมาเจอเคสนี้ก็คงรู้สึกไม่ยุติธรรมเหมือนกัน เพราะสุดท้ายคนที่ได้เปรียบกลับเป็นคนที่ “กล้าโกงแบบเนียน ๆ” มากกว่า
มันไม่ใช่เรื่องของพี่เขาคนเดียว แต่มันสะท้อนให้เห็นว่าระบบรับพอร์ตทุกวันนี้ยังเปิดช่องให้คนจัดฉากได้ง่ายขนาดนี้ ไม่มีหน่วยตรวจสอบ ไม่มีระบบตรวจย้อนหลัง ไม่มีการตรวจสอบแหล่งที่มาของรางวัลว่ามาจากงานระดับไหน จัดโดยองค์กรใด ทุกอย่างขึ้นอยู่กับแค่ “กระดาษแผ่นเดียว” กับ “คำพูดในสัมภาษณ์” ที่ถ้าพูดดี ตอบเก่ง ก็รอด
เรารู้ว่าพี่หมอไม่ได้ทำร้ายใครโดยตรง พี่เขาอาจแค่หาทางรอดให้ตัวเองในเวลาที่จำกัด และเขาก็เก่งจริงด้วย แต่ในขณะเดียวกัน มันก็อดคิดไม่ได้ว่า แล้วคนที่เลือกซื่อสัตย์กับระบบล่ะ? พวกเขาจะถูกทิ้งไว้ข้างหลังเพราะไม่ได้ “โกงแบบแนบเนียน” งั้นเหรอ?
บางทีเราก็ไม่อยากให้เรื่องนี้เงียบไปแบบที่เคยเกิดกับคนอื่น ๆ เพราะมันอาจกำลังเกิดขึ้นอีกกับใครสักคนในตอนนี้ก็ได้
แชร์เคสจริง รุ่นพี่จัดฉากผลงานตัวเองจนสอบติดแพทย์มหาลัย Top 5 (โกงรอบ Portfolio)
แต่เมื่อไม่กี่เดือนมานี้ เราเพิ่งได้รู้จากเพื่อนสนิทของพี่เขาคนหนึ่ง ซึ่งตอนนี้เรียนครูอยู่ (ขอใช้นามสมมติว่าพี่ครู) ว่าพอร์ตของพี่หมอที่ดูแน่นมาก ๆ จริง ๆ แต่มีบางส่วนที่ไม่ได้ได้มาอย่างซื่อสัตย์ พี่ครูเล่าว่าพี่หมอจัดการสร้างการแข่งขันขึ้นมาเองหลายงาน เป็นการประกวดนวัตกรรม โครงงานหรือไอเดียเชิงสร้างสรรค์ โดยทำเพจขึ้นมาจริง ๆ รับสมัครจริง ๆ มีคนสมัครเข้าร่วมหลายร้อย บางงานมีถึง 2–3 พันคน และพี่หมอก็ใช้ชื่อปลอมเป็นผู้จัดงาน แล้วประกาศชัดเจนว่าแต่ละรายการจะมีเพียง “รางวัลชนะเลิศ” เท่านั้นที่ได้รับรางวัล
ผลก็คือ… พี่หมอได้รางวัลชนะเลิศทุกครั้งในทุกงานที่ตัวเองจัดเอง เพราะล็อคชื่อไว้แล้วตั้งแต่แรก คนที่ส่งผลงานเข้าร่วมก็ไม่รู้อะไรเลย แค่ดีใจที่ได้เกียรติบัตร พี่หมอก็มีพอร์ตที่ดูแน่นมากภายในเวลาแค่ไม่ถึง 2 เดือน และใช้มันยื่นรอบ Portfolio ได้สำเร็จ โดยกรรมการไม่มีทางรู้ว่าเบื้องหลังเกิดอะไรขึ้น เพราะพี่หมอใช้ผลงานที่ตัวเองเคยทำอยู่แล้วมาตอบคำถามตอนสัมภาษณ์ โครงงานที่เคยทำ วิจัยที่เคยเขียน เพียงแต่ไม่เคยส่งประกวดจริงจังที่ไหน จึงไม่มีประวัติรางวัลอย่างเป็นทางการ เลยเลือกจัดแข่งเองแล้วให้ตัวเองได้รางวัลไปเลย เพราะถือว่า “เป็นงานของตัวเองอยู่แล้ว”
เราได้ยินแล้วทั้งอึ้งทั้งสับสน คือพี่เขาเก่งจริง มีผลงานจริง แค่ไม่เคยส่งที่ไหนเพราะกลัวเสียเวลาอ่านหนังสือ ตอนแรกตั้งใจจะสอบรอบ 3 แต่พอรู้ว่าพอร์ตก็มีโอกาสสอบติด เลยเปลี่ยนแผนทันที เหลือเวลาแค่ 2 เดือนก็สร้างทุกอย่างขึ้นมาใหม่หมดแบบที่เราเล่าไปข้างต้น แล้วกลายเป็นพอร์ตที่ดู “แน่นและน่าเชื่อถือ” มากที่สุดของรุ่นนั้น เพราะไม่มีข้อมูลอะไรในเอกสารที่ดูปลอมเลย ทั้งหมดคือผลงานจริง เพียงแต่วิธีได้รางวัลมาคือการ “จัดให้ตัวเอง”
พอเราได้ฟังแบบนี้แล้วรู้สึกอะไรหลายอย่างมาก คนที่ตั้งใจลงแข่งตามระบบ เสียเงิน เสียเวลา ลงแรงจริง ทำตามกติกาจริง ๆ พอมาเจอเคสนี้ก็คงรู้สึกไม่ยุติธรรมเหมือนกัน เพราะสุดท้ายคนที่ได้เปรียบกลับเป็นคนที่ “กล้าโกงแบบเนียน ๆ” มากกว่า
มันไม่ใช่เรื่องของพี่เขาคนเดียว แต่มันสะท้อนให้เห็นว่าระบบรับพอร์ตทุกวันนี้ยังเปิดช่องให้คนจัดฉากได้ง่ายขนาดนี้ ไม่มีหน่วยตรวจสอบ ไม่มีระบบตรวจย้อนหลัง ไม่มีการตรวจสอบแหล่งที่มาของรางวัลว่ามาจากงานระดับไหน จัดโดยองค์กรใด ทุกอย่างขึ้นอยู่กับแค่ “กระดาษแผ่นเดียว” กับ “คำพูดในสัมภาษณ์” ที่ถ้าพูดดี ตอบเก่ง ก็รอด
เรารู้ว่าพี่หมอไม่ได้ทำร้ายใครโดยตรง พี่เขาอาจแค่หาทางรอดให้ตัวเองในเวลาที่จำกัด และเขาก็เก่งจริงด้วย แต่ในขณะเดียวกัน มันก็อดคิดไม่ได้ว่า แล้วคนที่เลือกซื่อสัตย์กับระบบล่ะ? พวกเขาจะถูกทิ้งไว้ข้างหลังเพราะไม่ได้ “โกงแบบแนบเนียน” งั้นเหรอ?
บางทีเราก็ไม่อยากให้เรื่องนี้เงียบไปแบบที่เคยเกิดกับคนอื่น ๆ เพราะมันอาจกำลังเกิดขึ้นอีกกับใครสักคนในตอนนี้ก็ได้