เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ฉันเพิ่งได้ทราบว่าคุณพ่อของฉันเสียชีวิตไปแล้ว และได้ลอยอังคารไปแล้ว ต้องขอบคุณผู้ที่เป็นเจ้าภาพงานศพให้คุณพ่อทุกท่าน และโพสต์ลง Facebook โดยได้ระลึกถึงคุณพ่อของฉันด้วยชื่อและนามสกุลเต็ม ลางสังหรณ์ของฉันจริงๆมีมาสักพักแล้ว แต่ไม่นึกว่าวันนี้จะมาถึงในรูปแบบที่เคยคาดไว้ และก็ไม่คิดเลยว่า ฉันจะทำใจลำบากขนาดนี้ ฉันทราบเรื่องของพ่อหลังจากลอยอังคารไปเพียง 2 วันเท่านั้น มันใจหาย แบบ ไม่เหลืออะไรให้ระลึกนอกจากข้าวของเก่าที่พ่อเคยซื้อให้หรือความทรงจำดีๆ
ชีวิตของฉันเริ่มขึ้นมาเหมือนเด็กทั่วๆไปที่ได้รับความรักและเอาใจใส่จากครอบครัว ทุกเช้าแม่และยายของฉันจะรับประทานมื้อเช้าด้วยกันอย่างมีความสุข ดื่มกาแฟ ไมโล ขนมปังปิ้ง ไข่ลวกพูดคุยกันทุกเช้า จะมีเพียงแค่บางเช้าเท่านั้นที่คุณพ่อของฉันจะกลับมาบ้านตอนบ่ายหรือกลางคืนใช้ชีวิตร่วมกันแบบปกติสุข และเช้ามืดในวันต่อมา พ่อจะตื่นแต่เช้ามืดและรีบออกไปโดยบอกว่าง พ่อต้องรีบไปทำงานจ้ะ อาหารเช้าของพ่อฉันค่อนข้างแปลก คือ สไปร์ทที่ใส่ไข่ไก่ดิบ โอ้ว มันน่าขยะแขยงมากสำหรับฉัน แต่แม่ของฉันบอกว่า พ่อเขาบอกว่ามันช่วยโด้ป เด็กต่ำกว่าสิบขวบตอนนั้นจะไปเข้าใจอะไรเนอะ
พ่อฉัน มีฉันตอนอายุ 46 และแม่ของฉันอายุ 30 แน่หละ กินเด็กเป็นยาอายุวรรณะแน่ๆ เพราะคุณพ่อท่านเสียตอนอายุ 89 ซึ่งน่าเสียดายมากมี่อีกไม่กี่วันท่านก็จะอายุ 90 แล้ว ตอนแรกท่านก็แทบไม่เชื่อว่านี่ลูท่านจริงเหรอ แต่หน้าตาเอยนิสัยได้ ได้พ่อมาทั้งนั้น ขนาดแม่ที่เลี้ยงมาทุกวัน อาหารการกินอุปนิสัย เราเหมือนพ่อหมดเลยค่ะ
คุณแม่และคุณยายรวมถึงครอบครัวฝั่งคุณแม่ เลี้ยงดูฉันอย่างดีด้วยความรักและเอาใจใส่ ฉันไม่เคยรู้สึกเลยว่าชีวิตขาดพ่อ เพียงแค่ ชะเง้อ รอพ่อกลับมาเกือบทั้งชีวิต เพราะพ่องานยุ่ง แม่บอกว่าพ่อต้องอยู่กับคุณอาเพราะใกล้ที่ทำงาน ก็อย่างว่านะ เมื่อ 30 40 ปีที่แล้ว โทรศัพท์มือถือก็ไม่มี แถมโทรศัพท์บ้านก็ไม่ได้มีทุกบ้าน
ตั้งแต่อนุบาล คุณแม่และคุณยายจะกลับกันไปส่งที่อนุบาล พอเข้าประถมจนจบมัธยมปลาย ฉันนั่งแต่รถโรงเรียน จนมัธยมสามกระมังที่เริ่มนั่งรถเมล์กลับบ้านเองบ้าง ตั้งแต่อนุบาลจนจบมหาวิทยาลัย จะมีเพียงเดือนหนึ่งน่าจะไม่เกินห้าครั้งที่ได้เจอหน้าพ่อ แต่ส่วนใหญ่ทุกครั้งที่ได้เจอก็มีแต่ความสุขแหละ ตอนเด็กๆจนถึงช่วงมัธยม 4 - 5 พ่อยังมีมาค้างที่บ้านและใช้ชีวิตช่วงกลางวันที่บ้านด้วยกันบ้าง ดูทีวี ทานข้าว เดินเล่นในสวนในบ้าน ยังมีภาพที่พ่อถ่ายฉันไว้ด้วย เรียกว่าชอบถ่ายรูปนี่ฉันได้พ่อมาเต็มๆแน่ เวลาที่พ่อกลับบ้านมาจะชอบซื้ออาหารอร่อยๆมาให้ จากภัตราตารใกล้บ้าน หรือขนมเค้กจากโรงแรมดุสิตธานีหรือพัฟแอนด์พายให้เวลาพ่อกลับดึก (โตขึ้นเพิ่งรู้ว่าอ๋อค่ำแล้วเขาลดราคานี่เอง แต่ปริมาณที่พ่อซื้อมา เหมือนมีลูกสัก 5 คนก็ไม่ปาน
ฉันได้รับการศึกษาที่ดีจากโรงเรียนเอกชน แม้จะไม่แนวหน้ามาก แต่ก็น่าจะดีแบบพูดชื่อไปก็มีคนรู้จักบ้างหละ พ่อเป็นคนจ่ายค่าเทอม ค่าเสื้อผ้า ให้เงินเดือนแม่ คือตั้งแต่ฉันเกิดมา พ่อก็บอกให้แม่ออกมาเลี้ยงลูก เขาจะหาเลี้ยงเอง และแม่เองก็มีรายได้ส่วนหนึ่งที่ได้ค่าเช่าตึกจากของพี่สาวแม่ซึ่งไม่มาก เพียงสองพันกว่าบาท ถึงแม้จะช่วงท้ายๆก่อนที่ป้าจะยึดตึกคืนไป ค่าเช่าสูงสุดที่แม่เก็บก็เพียง 3600 บาทเท่านั้น ตอนประถมมัธยมเมื่อเรียนพิเศษเสร็จในวันเสาร์ มื้อกลางวัน พ่อจะชอบพาไปทานอาหารที่โรงแรมเป็น buffet หรือเลิกเรียนตอนเย็น พอจะพาไปรับประทานอาหารที่ภัตราคารอาหารจีนแถวเสาชิงช้า หรือบางทีก็ร้านแถวนั้น ช่วงนั้นพ่อมีรถหลายคันเลยหละ และพ่อก็เล่าให้ฟังระหว่างกำลังทานอาหารจีน เมนูโปรดที่ต้องสั่งตลอดๆก็จะมีหูฉลาม ผัดโหงวก้วย ไส้ทอด เพราะพ่อกับแม่ฉันชอบดื่มเบียร์ดำ พ่อเล่าว่า หลานพ่อสอบเข้าบัญชี จุฬาฯได้ หากฉันเข้าจุฬาฯได้ พ่อจะยกรถเบนซ์คันปัจจุบันให้เลย ขณะนั้น ฉันอยู่ม.3 ฉันเห็นพ่อดูปลื้มมากที่หลานทำได้ ฉันผู้ซึ่งปกติก็ไม่ได้เรียนแย่แต่ก็ไม่ใช่หัวกะทิหรอก อาศัยขยัน พยายาม ไม่ยอมแพ้
ตอนเด็กๆฉันพยายามทำของขวัญวันเกิดให้พ่อหลายครั้ง แต่พ่อบอกว่าไม่สามารถนำกลับไปได้ แน่หละฉันเสียใจตลอด แต่ก็ยิ้มไว้ แค่ไม่เข้าใจว่า แค่ของหนูเองของที่ทำให้กับมือ ถ้าคุณอาที่บ้านไม่อนุญาตให้เอากลับไป ทำไมพ่อไม่แกล้งรับไป แล้วเอาไปทิ้งตรงไหนก็ได้นะ พ่อคงไม่อยากเอาไปทิ้งแหละ อยากน้อยกลับมาก็มองเห็นอะไรอย่างนั้นสินะ
พ่อสอนการใช้ชีวิตที่ดีในหลายส่วน การเป็นสุภาพสตรี การเข้าสังคม ขนาดแทะข้าวโพดจากฝัก พ่อยังตำหนิ บอกเป็นกุลสตรีให้เอานิ้วแกะทานทีละเม็ดสองเม็ด ฉันนี่ถึงกับว่า ถ้าวันไหนที่คุณพ่อกลับบ้านมา ฉันจะไม่ทานข้าวโพดฝักเลย
พ่อฉันเป็นคนเจ้าระเบียบ รักสะอาด แต่งตัวเก่ง แบบถ้าเราไปทานข้าวเดินเล่นอกบ้านนี่ฉันกับแม่นี่อย่างกับผู้ติดตาม พ่อจะใส่สร้อยทองเส้นใหญพร้อมพระที่ห้อยคอยแบบไม่รู้จักหนักอีกเป็นสิบองค์ สวมแหวนวงใหญ่แทบเต็มสิบนิ้ว เข็มขัดหัวโต พวงกุญแจรถมีเล็บเสือใหญ่ห้อยอยู่ แต่ตอนนี้ก็ชักไม่แน่ใจว่าเล็บหรือเขี้ยวแน่ แล้วก็ยังหอบกระเป๋าหนังใบเล็กบรรจุของขลังอีกจำนวนหนึ่ง นี่หละการแต่งตัวของพ่อฉัน ส่วนฉันกับแม่ก็มีนาฬิกากันคนละเรือน แหวนสักวงสองวงเล็กๆ
และแน่นอน ชีวิตมันจะเป็นอย่างนั้นไปตลอด คงดีไม่น้อย ต่อมา พ่อทำงานได้เงินน้อยลง พ่อก็มาหาน้อยลง พ่อกับแม่เริ่มมีปากเสียงกันบ้าง แต่ฉันไม่ได้เคยฟังเลยเพราะยายเองก็เบี่ยงความสนใจฉันได้ดีทีเดียว ช่วงมัธยมปลายแม่ถามว่า อยากได้ห้องนอนใหม่ไหม เพราะแม่บอกว่า พ่อได้มรดกมาก้อนนึง จะให้หาช่างมาซ่อมบ้าน แต่ พ่อไม่เคยนำเงินก้อนมาให้แม่เลย ตามตัวก็ไม่ได้ แล้วจะให้หาช่างอย่างไรล่ะ บ้านแม่ที่ฉันอยู่เป็นบ้านไม้อยู่มาตั้งแต่คุณแม่เด็กๆ แน่หละเก่าแน่ๆ แต่เนื่องจากรายได้เราก็มีอยู่น้อยนิด บางเดือนไม่พอทาน แม่ก็ต้องไปกู้หนี้ยืมสิน
แน่หละ ฉันไม่เคยรู้เลยว่าแม่และยายลำบากกันขนาดไหน ให้ฉันโตมา มีเงินเรียนพิเศษ ที่พ่อออกให้บ้าง ยายให้บ้าง แม่ไปยืมคนอื่นบ้าง แต่ฉันไม่รู้เลยว่าความจนคืออะไร พ่อแม่รักแกฉันนี่เอง จนโตมาต้องแบกรับทุกอย่าง จึงเข้าใจความลำบากของคนที่เลี้ยงดูมา
จนฉันอยู่ม.หก พ่อกับแม่ทะเลาะกัน ฉันจำไม่ได้หรอกนะว่าเรื่องอะไร แต่ตอนนั้นชั้นปากร้ายมาก ถามพ่อว่ามีคนอื่นเหรอ ทำไมใฝ่ต่ำทำกับแม่แบบนี้เหรอ พ่อบอกว่า แม่ไม่เคยเล่าอะไรให้ฟังหรือไง ฉันก็บอกว่าไม่เคย พ่อบอกให้ถามแม่ก็แล้วกัน ในการทะเลาะครั้งนั้นพ่อถึงกับกราบฉันซึ่งฉันเองก็ตกใจมาก รู้สึกผิด ขอโทษพ่อและรู้สึกเป็นบาปจนถึงทุกวันนี้ แม้จะขอโทษพ่อแล้วพ่อก็โกรธและกลับไป
แม่จึงเล่าให้ฟังว่า พ่อมีคนอื่นจริง แต่ มีก่อนมาพบแม่อีก แต่หนูเป็นลูกคนเดียวของพ่อนะ พ่อเป็นคนเจ้าชู้ไก่แจ้มาก ป้อสาวไปทั่วเวลาทำงาน ตอนแรกที่แม่ท้องพ่อแทบไม่เชื่อด้วยซ้ำว่าท้องกับพ่อเพราะพ่อเอง น่าจะฟันไปทั่วอ่ะ แม้จะกับแฟน No.one ของพ่อก็ยังไม่มีลูก (ต่อไปขอเรียกแฟนพ่อคนนี้ว่าเจ๊นะคะ เนื่องจากเขามีความเป็นจีนมาก) มีแต่หลานรักพ่อที่เข้าจุฬาฯนั่นแหละ แต่ตอนคลอด เพื่อนๆพ่อมาก่อนพ่อเยอะเลย ทุกคนการันตีความหน้าเหมือนพ่อ 100%
หลังจากเหตุการณ์นั้น พ่อก็มาบ้านน้อยลงอีก จากเดิมที่ตั้งแต่ที่พ่อได้มรดกก็มาหาเราน้อยลงแล้ว พ่อไปซื้อบ้านแถวสมุทรปราการ เพราะใกล้สุวรรณภูมิที่ที่พ่อต้องขับรถไปทำงานแต่เช้าตรู่ หรือต้องไปรับของตอนเที่ยวบินดึกๆ พ่อเลือกเจ๊เป็นคู่ชีวิตที่จะไปอยู่บ้านด้วย พ่อไม่อนุญาตให้เราไปหาที่บ้าน เพราะกลัวความลับแตก
ต่อมาเมื่อฉันสามารถสอบเข้าสถาบันเดียวกันคณะเดียวกันกับหลานสุดที่รักของเขา เราจึงได้เจอกันบ่อยขึ้น พ่อมารับไปเรียนหรือรับกลับบ้านบ้าง แต่สัญญาเรื่องรถนั้นหายไปเหมือนอากาศ พ่อบอกเอารถไปจะเอาปัญญาที่ไหนมาดูแลรถหรือเติมน้ำมัน ใช่ค่ะชีวิตช่วงนั้นเรียกได้เลยว่าจน ขนาดบางวันหิวมากแต่มีเงินแค่ 50 บาท ก็พยามเลือกกับข้าวที่ถูกที่สุดทาน เพราะไม่กล้าขอเงินแม่เพิ่ม หรือเคยลองขอแหละแต่แม่ไม่มีให้จริงๆ ใครจะไปกล้าขอซ้ำ พ่ออยากให้ฉันไปทำงานร้านอาหารช่วงเย็นเพื่อหารายได้เพิ่ม แต่ฉันยอมรับเลยว่าถ้าทำงานคงเรียนไม่จบแน่ จากคนที่นั่งรถโรงเรียนไปเรียนทุกวันเปลี่ยนเป็น 97% ของการเรียนสี่ปีนั้นต้องนั่งรถเมล์ไปกลับทุกวัน แบกหนังสือ แถมเรียนวิชาคำนวณก็ไม่รู้เรื่องเลย เข้าคณะนี้เพียงเพราะอยากให้พ่อรักเราเหมือนที่พ่อรักหลานบ้างก็เท่านั้นเอง พ่อบอกถ้าเอ็นไม่ติดก็ให้หาเงินเรียนรามเอง โชคดีสุดๆที่สอบติดที่นี่ พ่อเลยส่งเสียจนเรียนจบ พอเรียนจบ ไม่ได้เกียรตินิยมเหมือนหลานเขาอีก อ้าว หัวเน่าซะแล้วฉัน แต่พ่อก็ภูมิใจมากที่ฉันเรียนจบที่นี่ เลี้ยงฉลองในกลุ่มญาติ มีการพาพี่ชายของพ่อมาทานอาหารและแนะนำให้รู้จัก เป็นครั้งแรกในชีวิตเลยที่ได้เห็นญาติฝั่งพ่อ (คุณปู่ คุณย่า เสียไปแล้วตั้งแต่คุณพ่อเด็กๆค่ะ) แต่ตอนนั้นฉันก็ไม่ฉลาดซะด้วย จำไม่ได้เลยว่าขอชื่อกับเบอร์โทรไว้ไหน และมีอีกครั้งที่พ่อพาไปทานอาหารกับญาติหรือเพื่อนอีกนี่หละ และฉันก็ยังไม่ฉลาดที่จะจดจำและ keep contact กับพวกเขาไว้
มีต่อค่ะ พอดียาวเกิน
ผิดไหมที่ฉันเกิดเป็นลูกสาวคนเดียวของพ่อ ที่โลกส่วนของพ่อไม่มีใครรู้จักหนู
ชีวิตของฉันเริ่มขึ้นมาเหมือนเด็กทั่วๆไปที่ได้รับความรักและเอาใจใส่จากครอบครัว ทุกเช้าแม่และยายของฉันจะรับประทานมื้อเช้าด้วยกันอย่างมีความสุข ดื่มกาแฟ ไมโล ขนมปังปิ้ง ไข่ลวกพูดคุยกันทุกเช้า จะมีเพียงแค่บางเช้าเท่านั้นที่คุณพ่อของฉันจะกลับมาบ้านตอนบ่ายหรือกลางคืนใช้ชีวิตร่วมกันแบบปกติสุข และเช้ามืดในวันต่อมา พ่อจะตื่นแต่เช้ามืดและรีบออกไปโดยบอกว่าง พ่อต้องรีบไปทำงานจ้ะ อาหารเช้าของพ่อฉันค่อนข้างแปลก คือ สไปร์ทที่ใส่ไข่ไก่ดิบ โอ้ว มันน่าขยะแขยงมากสำหรับฉัน แต่แม่ของฉันบอกว่า พ่อเขาบอกว่ามันช่วยโด้ป เด็กต่ำกว่าสิบขวบตอนนั้นจะไปเข้าใจอะไรเนอะ
พ่อฉัน มีฉันตอนอายุ 46 และแม่ของฉันอายุ 30 แน่หละ กินเด็กเป็นยาอายุวรรณะแน่ๆ เพราะคุณพ่อท่านเสียตอนอายุ 89 ซึ่งน่าเสียดายมากมี่อีกไม่กี่วันท่านก็จะอายุ 90 แล้ว ตอนแรกท่านก็แทบไม่เชื่อว่านี่ลูท่านจริงเหรอ แต่หน้าตาเอยนิสัยได้ ได้พ่อมาทั้งนั้น ขนาดแม่ที่เลี้ยงมาทุกวัน อาหารการกินอุปนิสัย เราเหมือนพ่อหมดเลยค่ะ
คุณแม่และคุณยายรวมถึงครอบครัวฝั่งคุณแม่ เลี้ยงดูฉันอย่างดีด้วยความรักและเอาใจใส่ ฉันไม่เคยรู้สึกเลยว่าชีวิตขาดพ่อ เพียงแค่ ชะเง้อ รอพ่อกลับมาเกือบทั้งชีวิต เพราะพ่องานยุ่ง แม่บอกว่าพ่อต้องอยู่กับคุณอาเพราะใกล้ที่ทำงาน ก็อย่างว่านะ เมื่อ 30 40 ปีที่แล้ว โทรศัพท์มือถือก็ไม่มี แถมโทรศัพท์บ้านก็ไม่ได้มีทุกบ้าน
ตั้งแต่อนุบาล คุณแม่และคุณยายจะกลับกันไปส่งที่อนุบาล พอเข้าประถมจนจบมัธยมปลาย ฉันนั่งแต่รถโรงเรียน จนมัธยมสามกระมังที่เริ่มนั่งรถเมล์กลับบ้านเองบ้าง ตั้งแต่อนุบาลจนจบมหาวิทยาลัย จะมีเพียงเดือนหนึ่งน่าจะไม่เกินห้าครั้งที่ได้เจอหน้าพ่อ แต่ส่วนใหญ่ทุกครั้งที่ได้เจอก็มีแต่ความสุขแหละ ตอนเด็กๆจนถึงช่วงมัธยม 4 - 5 พ่อยังมีมาค้างที่บ้านและใช้ชีวิตช่วงกลางวันที่บ้านด้วยกันบ้าง ดูทีวี ทานข้าว เดินเล่นในสวนในบ้าน ยังมีภาพที่พ่อถ่ายฉันไว้ด้วย เรียกว่าชอบถ่ายรูปนี่ฉันได้พ่อมาเต็มๆแน่ เวลาที่พ่อกลับบ้านมาจะชอบซื้ออาหารอร่อยๆมาให้ จากภัตราตารใกล้บ้าน หรือขนมเค้กจากโรงแรมดุสิตธานีหรือพัฟแอนด์พายให้เวลาพ่อกลับดึก (โตขึ้นเพิ่งรู้ว่าอ๋อค่ำแล้วเขาลดราคานี่เอง แต่ปริมาณที่พ่อซื้อมา เหมือนมีลูกสัก 5 คนก็ไม่ปาน
ฉันได้รับการศึกษาที่ดีจากโรงเรียนเอกชน แม้จะไม่แนวหน้ามาก แต่ก็น่าจะดีแบบพูดชื่อไปก็มีคนรู้จักบ้างหละ พ่อเป็นคนจ่ายค่าเทอม ค่าเสื้อผ้า ให้เงินเดือนแม่ คือตั้งแต่ฉันเกิดมา พ่อก็บอกให้แม่ออกมาเลี้ยงลูก เขาจะหาเลี้ยงเอง และแม่เองก็มีรายได้ส่วนหนึ่งที่ได้ค่าเช่าตึกจากของพี่สาวแม่ซึ่งไม่มาก เพียงสองพันกว่าบาท ถึงแม้จะช่วงท้ายๆก่อนที่ป้าจะยึดตึกคืนไป ค่าเช่าสูงสุดที่แม่เก็บก็เพียง 3600 บาทเท่านั้น ตอนประถมมัธยมเมื่อเรียนพิเศษเสร็จในวันเสาร์ มื้อกลางวัน พ่อจะชอบพาไปทานอาหารที่โรงแรมเป็น buffet หรือเลิกเรียนตอนเย็น พอจะพาไปรับประทานอาหารที่ภัตราคารอาหารจีนแถวเสาชิงช้า หรือบางทีก็ร้านแถวนั้น ช่วงนั้นพ่อมีรถหลายคันเลยหละ และพ่อก็เล่าให้ฟังระหว่างกำลังทานอาหารจีน เมนูโปรดที่ต้องสั่งตลอดๆก็จะมีหูฉลาม ผัดโหงวก้วย ไส้ทอด เพราะพ่อกับแม่ฉันชอบดื่มเบียร์ดำ พ่อเล่าว่า หลานพ่อสอบเข้าบัญชี จุฬาฯได้ หากฉันเข้าจุฬาฯได้ พ่อจะยกรถเบนซ์คันปัจจุบันให้เลย ขณะนั้น ฉันอยู่ม.3 ฉันเห็นพ่อดูปลื้มมากที่หลานทำได้ ฉันผู้ซึ่งปกติก็ไม่ได้เรียนแย่แต่ก็ไม่ใช่หัวกะทิหรอก อาศัยขยัน พยายาม ไม่ยอมแพ้
ตอนเด็กๆฉันพยายามทำของขวัญวันเกิดให้พ่อหลายครั้ง แต่พ่อบอกว่าไม่สามารถนำกลับไปได้ แน่หละฉันเสียใจตลอด แต่ก็ยิ้มไว้ แค่ไม่เข้าใจว่า แค่ของหนูเองของที่ทำให้กับมือ ถ้าคุณอาที่บ้านไม่อนุญาตให้เอากลับไป ทำไมพ่อไม่แกล้งรับไป แล้วเอาไปทิ้งตรงไหนก็ได้นะ พ่อคงไม่อยากเอาไปทิ้งแหละ อยากน้อยกลับมาก็มองเห็นอะไรอย่างนั้นสินะ
พ่อสอนการใช้ชีวิตที่ดีในหลายส่วน การเป็นสุภาพสตรี การเข้าสังคม ขนาดแทะข้าวโพดจากฝัก พ่อยังตำหนิ บอกเป็นกุลสตรีให้เอานิ้วแกะทานทีละเม็ดสองเม็ด ฉันนี่ถึงกับว่า ถ้าวันไหนที่คุณพ่อกลับบ้านมา ฉันจะไม่ทานข้าวโพดฝักเลย
พ่อฉันเป็นคนเจ้าระเบียบ รักสะอาด แต่งตัวเก่ง แบบถ้าเราไปทานข้าวเดินเล่นอกบ้านนี่ฉันกับแม่นี่อย่างกับผู้ติดตาม พ่อจะใส่สร้อยทองเส้นใหญพร้อมพระที่ห้อยคอยแบบไม่รู้จักหนักอีกเป็นสิบองค์ สวมแหวนวงใหญ่แทบเต็มสิบนิ้ว เข็มขัดหัวโต พวงกุญแจรถมีเล็บเสือใหญ่ห้อยอยู่ แต่ตอนนี้ก็ชักไม่แน่ใจว่าเล็บหรือเขี้ยวแน่ แล้วก็ยังหอบกระเป๋าหนังใบเล็กบรรจุของขลังอีกจำนวนหนึ่ง นี่หละการแต่งตัวของพ่อฉัน ส่วนฉันกับแม่ก็มีนาฬิกากันคนละเรือน แหวนสักวงสองวงเล็กๆ
และแน่นอน ชีวิตมันจะเป็นอย่างนั้นไปตลอด คงดีไม่น้อย ต่อมา พ่อทำงานได้เงินน้อยลง พ่อก็มาหาน้อยลง พ่อกับแม่เริ่มมีปากเสียงกันบ้าง แต่ฉันไม่ได้เคยฟังเลยเพราะยายเองก็เบี่ยงความสนใจฉันได้ดีทีเดียว ช่วงมัธยมปลายแม่ถามว่า อยากได้ห้องนอนใหม่ไหม เพราะแม่บอกว่า พ่อได้มรดกมาก้อนนึง จะให้หาช่างมาซ่อมบ้าน แต่ พ่อไม่เคยนำเงินก้อนมาให้แม่เลย ตามตัวก็ไม่ได้ แล้วจะให้หาช่างอย่างไรล่ะ บ้านแม่ที่ฉันอยู่เป็นบ้านไม้อยู่มาตั้งแต่คุณแม่เด็กๆ แน่หละเก่าแน่ๆ แต่เนื่องจากรายได้เราก็มีอยู่น้อยนิด บางเดือนไม่พอทาน แม่ก็ต้องไปกู้หนี้ยืมสิน
แน่หละ ฉันไม่เคยรู้เลยว่าแม่และยายลำบากกันขนาดไหน ให้ฉันโตมา มีเงินเรียนพิเศษ ที่พ่อออกให้บ้าง ยายให้บ้าง แม่ไปยืมคนอื่นบ้าง แต่ฉันไม่รู้เลยว่าความจนคืออะไร พ่อแม่รักแกฉันนี่เอง จนโตมาต้องแบกรับทุกอย่าง จึงเข้าใจความลำบากของคนที่เลี้ยงดูมา
จนฉันอยู่ม.หก พ่อกับแม่ทะเลาะกัน ฉันจำไม่ได้หรอกนะว่าเรื่องอะไร แต่ตอนนั้นชั้นปากร้ายมาก ถามพ่อว่ามีคนอื่นเหรอ ทำไมใฝ่ต่ำทำกับแม่แบบนี้เหรอ พ่อบอกว่า แม่ไม่เคยเล่าอะไรให้ฟังหรือไง ฉันก็บอกว่าไม่เคย พ่อบอกให้ถามแม่ก็แล้วกัน ในการทะเลาะครั้งนั้นพ่อถึงกับกราบฉันซึ่งฉันเองก็ตกใจมาก รู้สึกผิด ขอโทษพ่อและรู้สึกเป็นบาปจนถึงทุกวันนี้ แม้จะขอโทษพ่อแล้วพ่อก็โกรธและกลับไป
แม่จึงเล่าให้ฟังว่า พ่อมีคนอื่นจริง แต่ มีก่อนมาพบแม่อีก แต่หนูเป็นลูกคนเดียวของพ่อนะ พ่อเป็นคนเจ้าชู้ไก่แจ้มาก ป้อสาวไปทั่วเวลาทำงาน ตอนแรกที่แม่ท้องพ่อแทบไม่เชื่อด้วยซ้ำว่าท้องกับพ่อเพราะพ่อเอง น่าจะฟันไปทั่วอ่ะ แม้จะกับแฟน No.one ของพ่อก็ยังไม่มีลูก (ต่อไปขอเรียกแฟนพ่อคนนี้ว่าเจ๊นะคะ เนื่องจากเขามีความเป็นจีนมาก) มีแต่หลานรักพ่อที่เข้าจุฬาฯนั่นแหละ แต่ตอนคลอด เพื่อนๆพ่อมาก่อนพ่อเยอะเลย ทุกคนการันตีความหน้าเหมือนพ่อ 100%
หลังจากเหตุการณ์นั้น พ่อก็มาบ้านน้อยลงอีก จากเดิมที่ตั้งแต่ที่พ่อได้มรดกก็มาหาเราน้อยลงแล้ว พ่อไปซื้อบ้านแถวสมุทรปราการ เพราะใกล้สุวรรณภูมิที่ที่พ่อต้องขับรถไปทำงานแต่เช้าตรู่ หรือต้องไปรับของตอนเที่ยวบินดึกๆ พ่อเลือกเจ๊เป็นคู่ชีวิตที่จะไปอยู่บ้านด้วย พ่อไม่อนุญาตให้เราไปหาที่บ้าน เพราะกลัวความลับแตก
ต่อมาเมื่อฉันสามารถสอบเข้าสถาบันเดียวกันคณะเดียวกันกับหลานสุดที่รักของเขา เราจึงได้เจอกันบ่อยขึ้น พ่อมารับไปเรียนหรือรับกลับบ้านบ้าง แต่สัญญาเรื่องรถนั้นหายไปเหมือนอากาศ พ่อบอกเอารถไปจะเอาปัญญาที่ไหนมาดูแลรถหรือเติมน้ำมัน ใช่ค่ะชีวิตช่วงนั้นเรียกได้เลยว่าจน ขนาดบางวันหิวมากแต่มีเงินแค่ 50 บาท ก็พยามเลือกกับข้าวที่ถูกที่สุดทาน เพราะไม่กล้าขอเงินแม่เพิ่ม หรือเคยลองขอแหละแต่แม่ไม่มีให้จริงๆ ใครจะไปกล้าขอซ้ำ พ่ออยากให้ฉันไปทำงานร้านอาหารช่วงเย็นเพื่อหารายได้เพิ่ม แต่ฉันยอมรับเลยว่าถ้าทำงานคงเรียนไม่จบแน่ จากคนที่นั่งรถโรงเรียนไปเรียนทุกวันเปลี่ยนเป็น 97% ของการเรียนสี่ปีนั้นต้องนั่งรถเมล์ไปกลับทุกวัน แบกหนังสือ แถมเรียนวิชาคำนวณก็ไม่รู้เรื่องเลย เข้าคณะนี้เพียงเพราะอยากให้พ่อรักเราเหมือนที่พ่อรักหลานบ้างก็เท่านั้นเอง พ่อบอกถ้าเอ็นไม่ติดก็ให้หาเงินเรียนรามเอง โชคดีสุดๆที่สอบติดที่นี่ พ่อเลยส่งเสียจนเรียนจบ พอเรียนจบ ไม่ได้เกียรตินิยมเหมือนหลานเขาอีก อ้าว หัวเน่าซะแล้วฉัน แต่พ่อก็ภูมิใจมากที่ฉันเรียนจบที่นี่ เลี้ยงฉลองในกลุ่มญาติ มีการพาพี่ชายของพ่อมาทานอาหารและแนะนำให้รู้จัก เป็นครั้งแรกในชีวิตเลยที่ได้เห็นญาติฝั่งพ่อ (คุณปู่ คุณย่า เสียไปแล้วตั้งแต่คุณพ่อเด็กๆค่ะ) แต่ตอนนั้นฉันก็ไม่ฉลาดซะด้วย จำไม่ได้เลยว่าขอชื่อกับเบอร์โทรไว้ไหน และมีอีกครั้งที่พ่อพาไปทานอาหารกับญาติหรือเพื่อนอีกนี่หละ และฉันก็ยังไม่ฉลาดที่จะจดจำและ keep contact กับพวกเขาไว้
มีต่อค่ะ พอดียาวเกิน