คุณคิดว่า เครื่องดื่ม “ชา-กาแฟ” ช่วยลดความอ้วนและเบาหวาน จริงหรือไม่!?

🔆เผยคุณสมบัติการดื่ม “ชา” และ “กาแฟ” มีสารต้านอนุมูลอิสระ - คาเฟอีน จากการศึกษาวิจัย พบว่า ช่วยลดไขมัน เบาหวาน และลความอ้วน แต่ควรระวังความเสี่ยงที่อันตราย

“ชา และ กาแฟ” เป็นเครื่องดื่มที่มีการบริโภคมากที่สุดในโลก รองจากน้ำเปล่า เริ่มต้นที่ “ชา” ทำจากส่วนใบของต้นชา (Camellia sinensis) แบ่งออกได้หลายประเภท เช่น ชาดำ (Black tea), ชาเขียว (Green tea), ชาอู่หลง (Oolong tea), ชาขาว (White tea), ชาเหลือง (Yellow tea), ชาแดง (Pu-erh tea) นอกจากนี้ยังมีชาสมุนไพร (Herbal tea) ที่ได้มาจากสมุนไพร ดอกไม้ หรือผลไม้ เช่น ชามะตูม ชาเก๊กฮวย ชาคาโมมายล์ ฯลฯ

โดยทั่วไปเครื่องดื่มชาเขียวชง (250 มล.) มีสารโพลีฟีนอล (Polyphenols) หรือสารต้านอนุมูลอิสระ (คาเทชิน ; Catechins) อยู่ที่ 50 – 100 มิลลิกรัม และคาเฟอีน 30 – 40 มิลลิกรัม ซึ่งปริมาณอาจแตกต่างกันตามขั้นตอนการเตรียม เวลาในการต้ม หรืออุณหภูมิของน้ำ

🍵“ชา”เผาผลาญไขมัน-ลดคอเลสเตอรอล

จากการศึกษาในหลอดทดลอง พบว่าสารโพลีฟีนอล (Polyphenols) ในใบชา มีส่วนช่วยในการย่อยและการดูดซึมไขมันและคาร์โบไฮเดรต และช่วยเพิ่มการเผาผลาญไขมัน โดยเฉพาะสารโพลีฟีนอล (Polyphenols) จากชาดำ (Black tea) แต่การดื่มชาจะต้องไม่ผสมน้ำตาลหรือนมข้น

🍵ขณะที่สารสกัดจากชาเขียว ช่วยลดคอเลสเตอรอล (Cholesterol) และไขมันไม่ดี (LDL ; Low Density Lipoprotein) ในเลือดได้ ในการทดลองส่วนใหญ่ใช้เป็นสารสกัดชาเขียวเข้มข้นสูง

สรุป ✴️หากต้องการให้ได้ผลตามงานวิจัยอาจจะต้องดื่มชาเขียวกว่าวันละ 160 แก้ว ซึ่งยังไม่มีการศึกษาในระยะยาวถึงความปลอดภัย ดังนั้น การปรับวิธีการเลือกรับประทานอาหารและการออกกำลังกาย จึงเป็นแนวทางที่ยั่งยืนและปลอดภัยมากกว่า

❔คุณคิดว่าแนวทางไหน ช่วยลดไขมันลดเบาหวานได้ดีกับตัวคุณ

CR : https://www.thansettakij.com/health-wellness/health/632518


แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่