JJNY : พาย้อนอดีตเจ้าอาวาสไม่ยุ่งการเมือง│“เชตวัน”โต้“ทักษิณ”│"เผ่าภูมิ" รับครึ่งปีหลังเสี่ยง│น้อง“ฮุน มาเนต”อ้างทหารไทย

นักวิชาการดัง พาย้อน อดีตเจ้าอาวาสวัดพระพุทธฉาย ไม่ยุ่งการเมือง หลัง พิธา จะไปเวียนเทียน
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_9842832

.
.

นักวิชาการดัง พาย้อนเหตุการณ์ อดีตเจ้าอาวาสวัดพระพุทธฉาย ไม่ขอยุ่งการเมือง หลังมีข่าว พิธา จะไปเวียนเทียน ก่อนลั่นวาทะอย่านำวัดไปยุ่งกับการเมือง
.
หลัง พระเทพราชธีราภรณ์ เจ้าอาวาสวัดพระพุทธฉาย จ.สระบุรี ลาสิกขา ที่วัดไตรมิตรวิทยาราม หลังยอมจำนนต่อหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับสีกากอล์ฟ โดยเป็นภาพ 1 ใน 80,000 ไฟล์ ที่พบในโทรศัพท์ของสีกากอล์ฟ
.
ต่อมามีการเปิดเผยภาพที่ พระเทพวชิรธีราภรณ์ อดีตเจ้าอาวาสวัดพระพุทธฉาย กำลังซุกมือสีกากอล์ฟ โดยถ่ายที่บ้านของสีกากอล์ฟ ที่กรุงเทพฯ ช่วงเดือนส.ค.-พ.ย.2567 ซึ่งพระเทววชิระธีราภรณ์บอกกับชาวบ้านในขณะนั้นว่ารับกิจนิมนต์ พบว่ามาแต่ละครั้งนาน 3-4 เดือน และไม่ยอมกลับวัดเพราะว่า พระเทพวชิรธีราภรณ์ เกิดความหึงหวงสีกากอล์ฟ กลัวสีกากอล์ฟแอบคุยกับพระวัดอื่น
.
ด้าน อ.สมฤทธิ์ ลือชัย นักวิชาการอิสระ โพสต์ข้อความถึง อดีต เจ้าอาวาสวัดพระพุทธฉาย ความว่า
.
จำได้ไหมครับ ครั้งก่อน พิธาจะไปเวียนเทียนที่วัดพระพุทธฉาย เจ้าอาวาสบอกไม่อยากให้การเมืองมายุ่ง แต่มาวันนี้ เจ้าอาวาสยุ่งการมุ้งเองเลย เห้ย…เวรก้ำ เวรกรรม!
.
โดยในเวลา 13.00 น. จะลงพื้นที่รับฟังปัญหาการสร้างโรงงานฆ่าชำแหละไก่ การปรับเปลี่ยนผังเมืองในเขตพื้นที่ และปัญหาน้ำแล้ง-น้ำท่วมในพื้นที่ ที่ ต.หนองยาว และ ต.ปากข้าวสาร
.
จากนั้นเวลา 18.00 น. ร่วมเวียนเทียนกับประชาชนที่วัดพระพุทธฉาย อ.เมือง จ.สระบุรี
.
ต่อมามีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง ระบุว่า วัดพระพุทธฉายไม่มีกำหนดการดังกล่าว เจ้าอาวาสไม่รู้เรื่อง และไม่ได้ประกาศออกไปตามที่เป็นข่าว ขอแจ้งเพิ่มเติมว่าวัดไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับการเมืองมาโดยตลอด ไม่เคยเชิญนักการเมืองไม่ว่าพรรคใดเข้าร่วมกิจกรรม
.
ทำให้ ต่อมา นายพิธา โพสต์ผ่านทางเฟซบุ๊กว่า ไม่ค่อยสบาย ของดภารกิจ 1 วัน (1 ส.ค.66)
.
ด้าน พระราชธีราภรณ์ เจ้าอาวาสวัดพระพุทธฉาย (ในขณะนั้น) ให้สัมภาษณ์ว่า อาตมาไม่ได้สนใจ นายพิธาจะไปไหนก็เรื่องของนายพิธา แต่ประการสำคัญที่ไม่ถูกต้องคือแอดมินผู้ดูแลเฟซบุ๊กของวัดพระพุทธฉายประกาศเชิญชวนและยินดีต้อนรับนายพิธามาร่วมเวียนเทียนที่วัดพระพุทธฉาย โดยไม่ปรึกษา หรือแจ้งให้อาตมาทราบก่อน
.
เมื่อมีข่าวออกไปเช่นนั้นทำให้ญาติโยมผู้ดูแลวัดสอบถามและกดดันอาตมาว่าเหมาะสมหรือไม่ที่แอดมินทำเช่นนั้น
.
ทั้งๆ ที่วัดไม่มีนโยบายไปยุ่งเกี่ยวกับการเมืองใดๆ อาตมาก็ได้ตำหนิแอดมินไปแล้ว เพราะวัดไม่ใช่ของอาตมาคนเดียว วัดมีผู้อุปถัมภ์ มีผู้ดูแล อย่านำวัดไปยุ่งกับการเมืองเลย ทางอาตมาไม่เคยกีดกันว่าใครจะเข้ามาภายในวัด แต่อย่านำวัดไปยุ่งเกี่ยวกับการเมือง.
.
https://www.facebook.com/somrit.luechai/posts/pfbid02YDRUj61TXMHTxHqpAR1Cjy3st4SixZUwSF3EWXpXKue9zVMqZHAUdsPhTfyukyLYl
.

.
“เชตวัน” โต้ “ทักษิณ” ให้ค้นพระยาละแวกเจอแต่เรื่องคลั่งชาติ แนะ “อิ๊งค์” แก้ตำราเรียน
.
“เชตวัน เตือประโคน” โต้ “ทักษิณ” บอกคนเข้ากูเกิลค้นเรื่อง “พระยาละแวก” ก็ได้แต่เฟคนิวส์-เรื่องแต่งคลั่งชาติ แนะ “แพทองธาร” ในฐานะ รมว. วัฒนธรรม ชำระตำราเรียนประวัติศาสตร์
.
วันที่ 10 กรกฎาคม 2568 นายเชตวัน เตือประโคน สส.ปทุมธานี เขต 6 พรรคประชาชน โพสต์เฟซบุ๊กถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการพิเศษ ผ่าทางตันประเทศไทย กับ 3 ผู้นำทางความคิด ถึงความสัมพันธ์กับ สมเด็จฯ ฮุนเซน ประธานวุฒิสภาและอดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา โดยตอนหนึ่งบอกให้คนไทยไปค้นกูเกิลเพื่อที่จะได้รู้ว่าพระยาละแวกเป็นใครนั้น โดยนายเชตวัน กล่าวว่า 
.
“พระยาละแวก ประวัติศาสตร์เฟคนิวส์ ที่ทักษิณก็เชื่อ?”
.
ไม่คิดว่านายทักษิณ ชินวัตร ที่เมื่อก่อนมักจะแนะนำหนังสือดีๆ ให้เราอ่าน วันนี้จะออกมาแนะนำให้ประชาชนคนไทยค้นกูเกิลเรื่องพระยาละแวก เพราะกรณีนี้ ข้อมูลบนโลกโซเชียลส่วนใหญ่แล้วมีแต่ประวัติศาสตร์เฟคนิวส์ เป็นเรื่องแต่งที่ไม่เข้าใจบริบททางประวัติศาสตร์ เหตุการณ์ไม่เคยเกิดขึ้นจริง เต็มไปด้วยความอคติ คลั่งชาติ เหยียด กดให้ผู้อื่นดูต้อยต่ำ กลายเป็นผู้ทรยศ หักหลัง ทั้งๆ ที่ในยุคจารีตนั้นเป็นเรื่องปกติ
.
“คติความเชื่อเรื่องจักรพรรดิราชที่คนในภูมิภาคนี้ยึดถือนั้น กษัตริย์ของรัฐที่อ่อนกว่า ต้องยอมสวามิภักดิ์ต่อกษัตริย์ที่เข้มแข็งกว่า และก็ไม่ได้สวามิภักดิ์ต่อกษัตริย์องค์เดียวด้วย อาจมีหลายองค์ในคราวเดียวกัน และก็ไม่ใช่เรื่องตายตัวตลอดไป แข็งเมืองขึ้นบ้าง แข่งตัวเองเป็นเอกราชา หรือ กษัตริย์เหนือกษัตริย์อื่นทั้งปวงบ้าง ก็มีเกิดขึ้นปกติ ดังนั้น นี่จึงไม่น่าจะใช่เรื่องของการทรยศ หักหลัง เสี้ยนยอกอก เพราะถ้าอย่างนั้น อยุธยาที่เคยสวามิภักดิ์ต่อหงสาวดี แล้วต่อมาพระนเรศวรแข็งเมืองขึ้น แบบนี้ก็เป็นผู้ทรยศ หักหลังด้วยหรือไม่”
.
สส.ปทุมธานี พรรคประชาชน ระบุต่ออีกว่า เรื่องพระยาละแวกยกทัพมาตีอยุธยา เรื่องอยุธยายกทัพไปตีละแวก เป็นเรื่องปกติ ซึ่งทั้งสองเหตุการณ์มีหลักฐานทางประวัติศาสตร์ แต่ไม่ได้เกิดขึ้นในยุคสมัยของกษัตริย์กรุงละแวกองค์เดียวกัน ที่ว่าทำให้พระนเรศวรเคียดแค้น โดยในกรณีการยกทัพมาตีกรุงละแวกของพระนเรศวร แม้มีหลักฐานในเรื่องนี้ แต่ไม่มีเรื่องของการจับตัวพระยาละแวกได้ แล้วเอามาทำพิธีปฐมกรรม ตัดคอ เอาเลือดล้างเท้า เหล่านี้เป็นเรื่องแต่ง นี่ยังไม่นับว่าพิธีนี้เป็นพิธีที่ทำกับช้างเวลาเดินป่าหรือรบทัพจับศึก ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับคน
.
“กรณีพระยาละแวก ซึ่งในที่นี้คือพระสัตถา ไม่ได้ถูกจับตัว ไม่ได้ถูกตัดคอเอาเลือดล้างเท้า หากแต่ได้พาลูกพาเมียหนีไปได้ โดยไปอยู่ที่เมืองสตรึงเตรง ทางตอนใต้ของลาว แล้วต่อมาก็ไปประทับอยู่เวียงจันทน์ ภาพเขียนพิธีปฐมกรรมในวัดสุวรรณดาราราม จ.อยุธยา เพิ่งเขียนขึ้นสมัยรัชกาลที่ 7 ก็มาจากเรื่องแต่งเพิ่มเติมให้มีสีสันในพงศาวดารช่วงต้นรัตนโกสินทร์ ห่างจากเหตุการณ์พระนเรศวรตีเมืองละแวกหลายร้อยปีมาก”
.
นายเชตวัน ระบุว่า บางที กรณีพระนเรศวรยกทัพไปตีเมืองละแวก อาจไม่ใช่เรื่องเสี้ยนยอกอก ไม่ใช่เรื่องความเคียดแค้น ทรยศ หรือหักหลังอะไรด้วยซ้ำ โดย อ.ศานติ ภักดีคำ นักประวัติศาสตร์ผู้เชี่ยวชาญเรื่องกัมพูชา เคยวิเคราะห์ไว้ว่า น่าจะเป็นเพราะการเข้ามาแทรกแซงของสเปน โดยอ้างเอกสารสเปนหลายฉบับที่แสดงว่า พระสัตถาได้ขอกำลังทหารรวมทั้งอาวุธยุทโธปกรณ์จากสเปนเพื่อโจมตีอยุธยา แต่สเปนยังไม่ทันตอบรับ พระนเรศวรมาตีเมืองละแวกได้ก่อน และก็ทำลายความเป็นศูนย์กลางการค้าของกรุงละแวก ที่กำลังเติบโตแข่งกับอยุธยา
.
“เหล่านี้คือข้อมูลเรื่องพระยาละแวกที่มาจากการค้นคว้าเอกสาร ตำรับตำรา และคิดว่าไม่น่าจะหาได้จากในกูเกิลที่คุณทักษิณแนะนำให้เราไปค้น และผมก็คิดต่อด้วยว่า เราน่าจะเอาเวลาที่เสียไปกับการค้นกูเกิลอ่านประวัติศาสตร์เฟคนิวส์เรื่องพระยาละแวก ไปชำระตำราเรียนประวัติศาสตร์ของไทยให้ถูกต้อง ไม่เป็นประวัติศาสตร์คลั่งชาติบาดหมางอย่างที่เป็นอยู่ในตอนนี้ ถ้าทำได้ น่าจะเป็นผลงานอันน่าภาคภูมิใจของรัฐมนตรีกระทรวงวัฒนธรรมที่ชื่อ แพทองธาร ชินวัตร เลยทีเดียว” นายเชตวัน กล่าว
.
https://www.facebook.com/ChetawanPPLE/posts/pfbid02sd3wHz4YEG3zjjbvcXZJKHohwBZ1vj7LzHX966XCqJGX2jRHCiB3oPAdNpBJM7Zpl
.

.
"เผ่าภูมิ" ยอมรับเศรษฐกิจครึ่งปีหลังยังเผชิญความเสี่ยง
.
"เผ่าภูมิ"รับเศรษฐกิจครึ่งปีหลังยังเผชิญความเสี่ยง รัฐบาลพร้อมอัดฉีดงบรับมือผลกระทบเศรษฐกิจชะลอ จี้ "แบงก์ชาติ" เร่งลดดอกเบี้ย
.
.นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ในช่วงครึ่งหลังของปี 2568 เศรษฐกิจไทยยังคงเผชิญความท้าทายจากทั้งปัจจัยภายนอกและภายในประเทศโดยเฉพาะความไม่แน่นอนจากเศรษฐกิจโลก และแนวโน้มมาตรการทางภาษีของสหรัฐอเมริกาที่อาจกระทบต่อภาคการส่งออก 
โดยรัฐบาลพร้อมประเมินสถานการณ์รวมถึงผลกระทบและเสริมมาตรการหากมีปัจจัยใหม่เกิดขึ้น โดยเฉพาะในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี ซึ่งจะเป็นจุดชี้วัดสำคัญของทิศทางเศรษฐกิจปี 2569
.
อย่างไรก็ตามภายใต้สถานการณ์ดังกล่าว รัฐบาลจำเป็นต้องขับเคลื่อนนโยบายการคลังอย่างเต็มกำลัง โดยเฉพาะการเร่งผลักดันงบประมาณเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ เพื่อประคองกำลังซื้อ กระตุ้นกิจกรรมทางเศรษฐกิจ และดูแลกลุ่มเปราะบางในสังคม
.
งบประมาณกระตุ้นเศรษฐกิจ กว่า 115,000 ล้านบาท จะทยอยลงสู่ระบบในช่วงไตรมาส 4 ปีนี้ ต่อเนื่องถึงไตรมาสแรกปีหน้า ขณะเดียวกันยังมีวงเงินสำรองอีกประมาณ 40,000 ล้านบาท เพื่อรองรับสถานการณ์เฉพาะหน้า โดยเฉพาะผลกระทบจากภายนอก เช่น การค้าระหว่างประเทศ หรือการเปลี่ยนแปลงอัตราภาษีจากประเทศคู่ค้า
.
นายเผ่าภูมิ กล่าวว่า ขณะที่ทิศทางการลดดอกเบี้ยนั้น ก็อยู่กับการพิจารณาของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) แต่ทั้งนี้นโยบายการคลังเดินหน้าเหยียบคันเร่งอย่างเต็มที่ ซึ่งก็หวังว่านโยบายการเงิน จะดำเนินนโยบายการเงินในทิศทางที่เอื้อต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และอยู่ในทิศทางเดียวกัน
.
นี่ไม่ใช่ช่วงเวลาที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะทำงานลำพัง ต้องประสานกันทั้งนโยบายการคลังและนโยบายการเงิน รัฐบาลเร่งอัดฉีดแล้ว ก็หวังว่าจะเห็นการตอบสนองในมิติของการเงินด้วย
.
นายเผ่าภูมิ กล่าวระบุว่า นโยบายการเงินไม่ควรจำกัดอยู่เพียงเแค่การพิจารณาดอกเบี้ยนโยบายเท่านั้น แต่ควรมีมาตรการที่ช่วยกระจายสภาพคล่อง เพิ่มการเข้าถึงสินเชื่อของภาคเอกชน และผ่อนคลายเงื่อนไขทางการเงินที่ยังตึงตัว เช่น บางมาตรการอย่าง LTV ที่เคยเห็ยว่าแล้ว หรือ Responsible Lending  ซึ่งอาจเป็นอุปสรรคต่อการฟื้นตัวของระบบเศรษฐกิจ การปรับให้เหมาะสมในช่วงที่ต้องการแรงกระตุ้นเป็นเรื่องจำเป็น 
.
ขณะที่คลังจะไม่แทรกแซงอิสระของธนาคารกลาง แต่ความร่วมมือเชิงนโยบายเป็นสิ่งที่จำเป็นในภาวะที่เศรษฐกิจยังไม่กลับสู่ระดับที่มีศักยภาพเต็มที่ โดยเฉพาะในช่วงที่เครื่องยนต์ส่งออกยังฟื้นตัวไม่เต็มที่ และภาคครัวเรือนยังต้องการแรงหนุน
.
ส่วนแนวโน้มเศรษฐกิจไทยในไตรมาส 2/2568 มีสัญญาณฟื้นตัวที่ดี โดยเฉพาะในภาคการผลิตและการท่องเที่ยว ซึ่งส่งผลให้มีโอกาสที่จะมีการปรับประมาณการเศรษฐกิจขึ้น แต่ขณะนี้มีปัจจัยลบเข้ามา จากนโยบายภาษีสหรัฐอเมริกา ที่ประกาศเก็บภาษีนำเข้าไทย 36% ในวันที่ 1 ส.ค.นี้ ฉะนั้น จะต้องมีการปรับประมาณการเศรษฐกิจอีกครั้ง
.
นายเผ่าภูมิ กล่าวทิ้งท้ายว่า ตัวเลขดัชนีเศรษฐกิจ เช่น ดัชนีผลผลิตภาคอุตสาหกรรม การบริโภคภายในประเทศ และการท่องเที่ยว มีทิศทางเป็นบวก หลายตัวสะท้อนว่าเศรษฐกิจมีแรงส่ง แต่ปัจจัยความเสี่ยงสำคัญในช่วงครึ่งปีหลังคือผลกระทบจากนโยบายภาษีของสหรัฐฯ ซึ่งยังต้องรอความชัดเจนอีกครั้ง
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่