สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 15
เป็นเด็ก Gen Y ที่ศรัทธาพระพุทธศาสนามากๆ ค่ะ ส่วนตัวแล้วรู้สึกเหมือนที่หมอบีบอกเลยค่ะ พระก็เป็นมนุษย์ และขึ้นชื่อว่ามนุษย์นั้นมีทั้งดีและไม่ดีอยู่ในตัวคนๆ เดียวกัน พระดีๆ ท่านก็มีอีกเยอะ และไม่ดีก็มีมากเช่นเดียวกัน สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่เป็นปกติของโลก การที่เราไหว้พระทำบุญ อย่าไปยึดที่ตัวพระเลยค่ะ ให้ยึดที่ความสุข ความสบายใจของตัวเอง เมื่อเราทำไปแล้ว ความสบายใจเกิด = นั่นล่ะบุญเกิดแล้ว แล้วคนที่รับไปจะเอาไปทำอะไรต่อก็เป็นเรื่องของเขา เขาทำไม่ดีบาปกรรมก็เกิดขึ้นด้วยการกระทำของตัวเขาเอง เขาทำดีนั่นก็ส่งผลดีต่อเราเช่นกัน ว่าเรานั้นได้ร่วมช่วยในการสร้างคุณงามความดีนั้นด้วย
*แก้ไข Gen Z นะคะ เข้าใจผิดไปค่ะ
*แก้ไข Gen Z นะคะ เข้าใจผิดไปค่ะ
ความคิดเห็นที่ 26
ตั้งนานแล้ว ผมพูดไปตอนนู้น ผมบวชอายุ 20 ผมเห็นหมดอะ พระที่หลายคนคิดว่า ต้องปฏิบัติธรรม ต้องฝึกสมาธิ มาสวดมนต์ มานั่งนู่นนี่ เชื่อปะ
100% คือ ตื่นเช้า อาจจะบิณฑบาตร หรือ ไม่บิณก็ได้เพราะอย่างวัน พระ หรือ พระใหญ่คนก็เอาของมาให้ แต่ถ้ากลัวไม่มีอะไรกินก็ควรไปเดินคนตจวแทบจะให้กับข้าวเยอะมาก โดยเฉพาะพระใหม่ครับ ยังมีคนเชื่ออยู๋ว่าพระใหม่ได้บุญสูง ผมได้เยอะจนแบบต้องให้พระรูปอื่นเลย ก็ไม่ได้ฉันรวม หรือ อะไรมากมายแกะใส่ถุงใส่จานและกินด้วยกันหมดบนกุฎิก่อนจะหมดเวลานี่แหละ
หลังจากเวลาที่ว่า ไม่มีหรอกนะการสวดมนต์ ทุกคนแทบจะเข้าห้องหรือนั่งเล่นหรือเดินเล่นมือถือ บางคนก็นั่งเล่นเกมส์อยู่ในวัดนั่นแหละ พระสายเทรดผมก็เคยเจอมาแล้ว พระสายเลี้ยงไก่ก็มี พระบางคนก็เล่นยาสูบ หรือ บุหรี่นี่แหละ
ถ้ามีงานศพ หรือ งานบุญนั่นแหละ งานจะไปก็ได้ ไม่ไปก็ได้นะ แต่ถ้าใครอยู่ยาวๆ หรือ ขาประจำ หรือ ไม่อยากผิดใจกับเจ้าอาวาสก็จะไปกันหมดไปตามจำนวนที่เขาขอ แล้วก็ไปโดยไม่ยึดติดกับปัจจัยแต่ก็ได้ตลอดแหละ ก็จะไปเวลาพวกนี้กัน หรือ ไปฉันนอกสถานที่เลย
แต่ว่า ระบบคัดกรองพระมันจะไม่รับคนมีประวัติ หรือ หนีคดี แต่นั่นไม่ได้หมายถึง คนธรรมดาที่เข้าไปเป็นพระแล้วกิเลสกินสมองนะ ^^ มันต่างแนวคิดกัน นั่นแหละผมเลยตรัสรู้ว่า พระ ไม่ได้น่ากราบไหว้ หาพระที่ดีจริงอาจจะยากมากขึ้น วัดก็ไม่ได้น่าเข้าขนาดนั้นแล้ว แค่ผมไม่อยากพูดเพราะ เดี๋ยวคนสายศรัทธาก็หาว่าเป็นพวกมารศาสนาอีก
หาว่าเอาคนหมู่น้อยหมู่มากเหมารวม จริงๆ ผมรู้ว่าแต่ละวัดจะมีคดีเล็กน้อยจนถึงเรื่องใหญ่อยู่ตลอด และ รู้หมดว่าการที่มี พระย้ายวัด = มีความผิดทางวินัยเลยไม่สามารถอยู่วัดเดิมได้ง่าย นั่นแหละ เขาเรียกว่าพระไร้สังกัดโดนไล่ออก คนไม่รู้ก็จะไม่รู้ แต่คนรู้สิจะอ่อแล้วไม่เถียงว่าเขาไม่ได้เหมารวมนะ คุณไม่สามารถเลือกวัดได้ ถ้าเจ้าอาวาสไม่ say yes และ มีคดีมาเยอะจากวัดอื่น ดังนั้น มาเฟียวงฆ์จะรู้หลักการบริหาร และ เก็บงำความลับเอาไว้ไม่ให้คนอื่นรู้ง่ายหรอกนะ ถ้าไม่ทำตัวเป็นสายลับหนะ พระพวกนี้ก็จะกลายมาเป็นพระเร่ร่อน นอนป่า นอนข้างทาง หาวัดอยู่ไม่ได้ เดินทางไปวัดนั้นวัดนี้ ติดต่อสำนักงานเขตให้ช่วยหาวัดจำวัดให้ สำนักงานเขต หรือ ศาลากลางมีแผนกสงฆ์ทุกจังหวัด ลองไปถามเขาดูก็ได้น่าจะมี report มาอยู่
จะพระเกย์ หรือ พระ LGBTQ+ ก็เยอะขึ้นหลายคนคงไม่รู้ ก็นั่นแหละหลุด QC เมิงสิกระเทยจริงๆ ในวัดมีพระแบบนี้แทรกอยู่ และ เจ้าอาวาสบางวัดไม่อยากรับเพราะมันจะไม่ถูกกับหลักศาสนามากนัก กลัวจะทำเสียเรื่องอีกเลยไม่รับบวชสะด้วยปัญหาใหญ่อยู่พวกญาติโยมมาขอให้ช่วยบวชกลัวไม่ได้ขึ้นสวรรค์
การที่คุณจะรู้ นั่นคือ ต้องไปบวชแล้วทำตัวเป็นสายลับถามพวกพระที่นอกคอกในวัด แล้วจะตื่นรู้ทันทีว่าเยอะพอตัว
แค่ลองผู้ชายแล้วไปบวชดู จะรู้เลยเกือบทุกวัด เจอเหมือนกันหมด เราเคยพยายามถามพวกผู้ชายคนอื่น คนที่มาทำงานกรุงเทพมันมาจากหลายจังหวัด บวชบ้านเกิดแทบทั้งนั้นแหละมันรู้หมดเลย ก็เรื่องเดิมๆ ไม่มีอะไรเลย
ถ้าอยากหาพระที่ดี ต้องหาพระสายเรียนครับ หรือ ไปเรียนแบบอดีตพระมหาสมปองนั่นแหละ สายเรียนจะต่างจากสายประจำวัดไปวันๆ มันต่างกันเยอะพวกสายเรียน มักจะมีพวกโรงเรียนนิมนต์ไปสอนในวิชาพระพุทธศาสนา หรือ คุมสอบบลาๆ เรียนอะไรไม่รู้หละเยอะมากกว่าจะได้ไปสูงสุดของสงฆ์ในสายเรียนเลย เกือบเหมือนปริญาเอกเลยจร้า
พระทุนพวกนี้ก็ไม่ใช่สิ่งที่ จะหาเจอได้ง่าย หรือ มีทุกวัดแต่แรกแล้ว เพราะ สถานที่ ที่สงฆ์จะเรียนได้มันมีอยู่แค่ไม่กี่ที่ และ ไม่กี่ประเทศที่นับถือพุทธอยู่ แล้วต้องเป็นพุทธนิกายเดียวกันด้วย ^^ ไปผิดสำนักก็เหมือนพระหลงวัดอะ
เจอพลัง พุทธเต๋า พุทธชินโต พุทธิเบศ แล้วมาเทียบ มหายาน และ เถรวาท เอาความเข้าใจแบบ พุทธไทยไปคุยกับรากมะม่วงได้เลยครับ ฉีกทุกอย่าง
base คือ พุทธ แต่แตกสายแยกทางตามถิ่นและคำสอนอีกมากมาย คิดเอาแล้วกันว่าแน่ใจน๊าาาาา ว่าไหวหมด 555
แล้วก็ตัวที่พิสูจน์ว่า เราไม่ได้งมงาย และ ชีวิตเจริญขึ้นโดยไม่เกี่ยวกับบุญ-บาป คือ เรามีเงินเดือนสูง แต่เป็นคนไร้ศาสนานับถือแต่สัจธรรม หรือ มีหลักคำสอนเดียว คือ ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน แล้วมันเจริญ ไม่ใช่เพราะเราไปไหว้พระนะ แต่เราเอาเวลาที่ไปไหว้พระไปเรียนหนังสือครับ แล้วคิดหาทางแก้ไขปัญหาชีวิตด้วยเหตุและผลจนหมดเกือบทุกอย่างในชีวิตแล้ว ชีวิตเราเลยสบาย ไม่ใช่เพราะเข้าวัด แต่เราเข้าใจสัจธรรมของชีวิตต่างหาก
ปรัชญาที่ว่า มันก็คือ "ถ้าอยากชนะ ก็ต้องสู้ไปตลอด" คนไม่รู้ก็จะไม่เข้าใจว่า จริงๆ รากมาจากพุทธนั่นแหละ คือ
เราจะเอาชนะกิเลส เราก็ต้องสู้กับกิเลสไปตลอด ทั้งหิว ทั้งโมโห ทั้งหงี่งำ ทั้งเครียด ทั้งโศก ถ้าเราเอาชนะมันได้ 1 ครั้ง ในวันข้างหน้าเราก็อาจจะเจอมันอีก เราหิวทุกวัน เราโมโหได้เสมอ เราหงี่ได้เสมอ เราเจ็บ เราป่วย เราไข้ได้ มันไม่ได้เจอ 1 ครั้งแล้วจบ เราเจอมันตลอดทั้งชีวิต เพราะ นั่นคือธรรมชาติของชีวิต
คนเราอยากซื้อเสือ้ผ้า ซื้อ iphone ปีหน้า iphone ก็ออกใหม่ กิเลสมันวนกลับมาได้เป็นวงกลม เขาถึงตีความหมายว่ามัน คือ วัฎสงสารไงหรือวงกลมแห่งกิเลสไม่มีวันจบสิ้น
ดังนั้น คนที่ตื่นรู้ จะรู้จักความหมายของ "ถ้าอยากชนะ ก็ต้องสู้ไปตลอด" คนไม่รู้ก็แค่คนธรรมดาครับ ยังไม่พ้นโคลนด้วยซ้ำไป ก็ได้แค่ไปกราบไหว้และงมงายว่า บุญ = แต้มแลกซื้อของ
100% คือ ตื่นเช้า อาจจะบิณฑบาตร หรือ ไม่บิณก็ได้เพราะอย่างวัน พระ หรือ พระใหญ่คนก็เอาของมาให้ แต่ถ้ากลัวไม่มีอะไรกินก็ควรไปเดินคนตจวแทบจะให้กับข้าวเยอะมาก โดยเฉพาะพระใหม่ครับ ยังมีคนเชื่ออยู๋ว่าพระใหม่ได้บุญสูง ผมได้เยอะจนแบบต้องให้พระรูปอื่นเลย ก็ไม่ได้ฉันรวม หรือ อะไรมากมายแกะใส่ถุงใส่จานและกินด้วยกันหมดบนกุฎิก่อนจะหมดเวลานี่แหละ
หลังจากเวลาที่ว่า ไม่มีหรอกนะการสวดมนต์ ทุกคนแทบจะเข้าห้องหรือนั่งเล่นหรือเดินเล่นมือถือ บางคนก็นั่งเล่นเกมส์อยู่ในวัดนั่นแหละ พระสายเทรดผมก็เคยเจอมาแล้ว พระสายเลี้ยงไก่ก็มี พระบางคนก็เล่นยาสูบ หรือ บุหรี่นี่แหละ
ถ้ามีงานศพ หรือ งานบุญนั่นแหละ งานจะไปก็ได้ ไม่ไปก็ได้นะ แต่ถ้าใครอยู่ยาวๆ หรือ ขาประจำ หรือ ไม่อยากผิดใจกับเจ้าอาวาสก็จะไปกันหมดไปตามจำนวนที่เขาขอ แล้วก็ไปโดยไม่ยึดติดกับปัจจัยแต่ก็ได้ตลอดแหละ ก็จะไปเวลาพวกนี้กัน หรือ ไปฉันนอกสถานที่เลย
แต่ว่า ระบบคัดกรองพระมันจะไม่รับคนมีประวัติ หรือ หนีคดี แต่นั่นไม่ได้หมายถึง คนธรรมดาที่เข้าไปเป็นพระแล้วกิเลสกินสมองนะ ^^ มันต่างแนวคิดกัน นั่นแหละผมเลยตรัสรู้ว่า พระ ไม่ได้น่ากราบไหว้ หาพระที่ดีจริงอาจจะยากมากขึ้น วัดก็ไม่ได้น่าเข้าขนาดนั้นแล้ว แค่ผมไม่อยากพูดเพราะ เดี๋ยวคนสายศรัทธาก็หาว่าเป็นพวกมารศาสนาอีก
หาว่าเอาคนหมู่น้อยหมู่มากเหมารวม จริงๆ ผมรู้ว่าแต่ละวัดจะมีคดีเล็กน้อยจนถึงเรื่องใหญ่อยู่ตลอด และ รู้หมดว่าการที่มี พระย้ายวัด = มีความผิดทางวินัยเลยไม่สามารถอยู่วัดเดิมได้ง่าย นั่นแหละ เขาเรียกว่าพระไร้สังกัดโดนไล่ออก คนไม่รู้ก็จะไม่รู้ แต่คนรู้สิจะอ่อแล้วไม่เถียงว่าเขาไม่ได้เหมารวมนะ คุณไม่สามารถเลือกวัดได้ ถ้าเจ้าอาวาสไม่ say yes และ มีคดีมาเยอะจากวัดอื่น ดังนั้น มาเฟียวงฆ์จะรู้หลักการบริหาร และ เก็บงำความลับเอาไว้ไม่ให้คนอื่นรู้ง่ายหรอกนะ ถ้าไม่ทำตัวเป็นสายลับหนะ พระพวกนี้ก็จะกลายมาเป็นพระเร่ร่อน นอนป่า นอนข้างทาง หาวัดอยู่ไม่ได้ เดินทางไปวัดนั้นวัดนี้ ติดต่อสำนักงานเขตให้ช่วยหาวัดจำวัดให้ สำนักงานเขต หรือ ศาลากลางมีแผนกสงฆ์ทุกจังหวัด ลองไปถามเขาดูก็ได้น่าจะมี report มาอยู่
จะพระเกย์ หรือ พระ LGBTQ+ ก็เยอะขึ้นหลายคนคงไม่รู้ ก็นั่นแหละหลุด QC เมิงสิกระเทยจริงๆ ในวัดมีพระแบบนี้แทรกอยู่ และ เจ้าอาวาสบางวัดไม่อยากรับเพราะมันจะไม่ถูกกับหลักศาสนามากนัก กลัวจะทำเสียเรื่องอีกเลยไม่รับบวชสะด้วยปัญหาใหญ่อยู่พวกญาติโยมมาขอให้ช่วยบวชกลัวไม่ได้ขึ้นสวรรค์
การที่คุณจะรู้ นั่นคือ ต้องไปบวชแล้วทำตัวเป็นสายลับถามพวกพระที่นอกคอกในวัด แล้วจะตื่นรู้ทันทีว่าเยอะพอตัว
แค่ลองผู้ชายแล้วไปบวชดู จะรู้เลยเกือบทุกวัด เจอเหมือนกันหมด เราเคยพยายามถามพวกผู้ชายคนอื่น คนที่มาทำงานกรุงเทพมันมาจากหลายจังหวัด บวชบ้านเกิดแทบทั้งนั้นแหละมันรู้หมดเลย ก็เรื่องเดิมๆ ไม่มีอะไรเลย
ถ้าอยากหาพระที่ดี ต้องหาพระสายเรียนครับ หรือ ไปเรียนแบบอดีตพระมหาสมปองนั่นแหละ สายเรียนจะต่างจากสายประจำวัดไปวันๆ มันต่างกันเยอะพวกสายเรียน มักจะมีพวกโรงเรียนนิมนต์ไปสอนในวิชาพระพุทธศาสนา หรือ คุมสอบบลาๆ เรียนอะไรไม่รู้หละเยอะมากกว่าจะได้ไปสูงสุดของสงฆ์ในสายเรียนเลย เกือบเหมือนปริญาเอกเลยจร้า
พระทุนพวกนี้ก็ไม่ใช่สิ่งที่ จะหาเจอได้ง่าย หรือ มีทุกวัดแต่แรกแล้ว เพราะ สถานที่ ที่สงฆ์จะเรียนได้มันมีอยู่แค่ไม่กี่ที่ และ ไม่กี่ประเทศที่นับถือพุทธอยู่ แล้วต้องเป็นพุทธนิกายเดียวกันด้วย ^^ ไปผิดสำนักก็เหมือนพระหลงวัดอะ
เจอพลัง พุทธเต๋า พุทธชินโต พุทธิเบศ แล้วมาเทียบ มหายาน และ เถรวาท เอาความเข้าใจแบบ พุทธไทยไปคุยกับรากมะม่วงได้เลยครับ ฉีกทุกอย่าง
base คือ พุทธ แต่แตกสายแยกทางตามถิ่นและคำสอนอีกมากมาย คิดเอาแล้วกันว่าแน่ใจน๊าาาาา ว่าไหวหมด 555
แล้วก็ตัวที่พิสูจน์ว่า เราไม่ได้งมงาย และ ชีวิตเจริญขึ้นโดยไม่เกี่ยวกับบุญ-บาป คือ เรามีเงินเดือนสูง แต่เป็นคนไร้ศาสนานับถือแต่สัจธรรม หรือ มีหลักคำสอนเดียว คือ ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน แล้วมันเจริญ ไม่ใช่เพราะเราไปไหว้พระนะ แต่เราเอาเวลาที่ไปไหว้พระไปเรียนหนังสือครับ แล้วคิดหาทางแก้ไขปัญหาชีวิตด้วยเหตุและผลจนหมดเกือบทุกอย่างในชีวิตแล้ว ชีวิตเราเลยสบาย ไม่ใช่เพราะเข้าวัด แต่เราเข้าใจสัจธรรมของชีวิตต่างหาก
ปรัชญาที่ว่า มันก็คือ "ถ้าอยากชนะ ก็ต้องสู้ไปตลอด" คนไม่รู้ก็จะไม่เข้าใจว่า จริงๆ รากมาจากพุทธนั่นแหละ คือ
เราจะเอาชนะกิเลส เราก็ต้องสู้กับกิเลสไปตลอด ทั้งหิว ทั้งโมโห ทั้งหงี่งำ ทั้งเครียด ทั้งโศก ถ้าเราเอาชนะมันได้ 1 ครั้ง ในวันข้างหน้าเราก็อาจจะเจอมันอีก เราหิวทุกวัน เราโมโหได้เสมอ เราหงี่ได้เสมอ เราเจ็บ เราป่วย เราไข้ได้ มันไม่ได้เจอ 1 ครั้งแล้วจบ เราเจอมันตลอดทั้งชีวิต เพราะ นั่นคือธรรมชาติของชีวิต
คนเราอยากซื้อเสือ้ผ้า ซื้อ iphone ปีหน้า iphone ก็ออกใหม่ กิเลสมันวนกลับมาได้เป็นวงกลม เขาถึงตีความหมายว่ามัน คือ วัฎสงสารไงหรือวงกลมแห่งกิเลสไม่มีวันจบสิ้น
ดังนั้น คนที่ตื่นรู้ จะรู้จักความหมายของ "ถ้าอยากชนะ ก็ต้องสู้ไปตลอด" คนไม่รู้ก็แค่คนธรรมดาครับ ยังไม่พ้นโคลนด้วยซ้ำไป ก็ได้แค่ไปกราบไหว้และงมงายว่า บุญ = แต้มแลกซื้อของ
แสดงความคิดเห็น
80,000 คลิป ของสีกากอล์ฟ แสดงให้เห็นว่า วงการสงฆ์ เละเทะจริงๆ
ใช้บริการสีกากอล์ฟกันทั่วหน้า เชื่อว่า ยังมีอีกเพียบ
ถึงขนาดจัดเซ็กส์หมู่
นี่แค่ยอดภูเขาน้ำแข็งที่โผล่มาให้เห็น
เคยมีพนักงานgrabfood เล่าว่า ตั้งแต่มาส่งอาหาร ก็เลิกนับถือพระไปเลย ดึกตื่นเที่ยงคืนยังให้ไปส่ง เกือบทุกวัดใน กทม.
วัดหลวงพ่อโสธร วัดพระพุทธฉาย เงินบริจาคปีละหลายสิบล้าน อาจจะถึงหลักร้อยล้าน
ต้องมีการแก้ไขกฎหมาย ให้ตรวจสอบเงินบริจาค ห้ามพระเอาไปใช้ส่วนตัวแล้ว
คนบริจาคก็นะ ฟินตอนบริจาค ว่าจะได้ไปใช้ในภพหน้า
หารู้ไม่ว่า ถูกเอามาละลายในกาม การพนัน
พุทธศาสนา ไม่น่าจะอยู่ได้ถึงห้าพันปีแน่ๆ