เรื่องนี้เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นที่คอนโดของ จขกท.เอง ตอนนี้ลูกบ้าน 300+ห้อง ต้องทนกับคนคนเดียวที่อยากเป็นกรรมการผู้ทำหน้าที่ผู้จัดการคอนโด หากใครที่เข้ามาอ่าน อยากขอให้ช่วยแชร์หน่อยครับ เพื่อทวงคืนความยุติธรรมให้คอนโดของเรา
เรื่องนี้ยาวหน่อย แต่อ่านเถอะ สนุกนะ (อ่านเพื่อความบันเทิงเป็นนิทานก็ได้)
เหตุการณ์ ณ คอนโดL ใกล้แยกสะพานควาย เรื่องคนอะไรล้มเลือกตั้งที่ตัวเองจัด
เมื่อการประชุมสามัญปี2567 ขณะที่กรรมการประชุมกันอยู่ มีนาย ล. ลุงแว่นอายุ 60+ ปี ผู้เพิ่งซื้อห้อง โผล่มาเม้งใส่กรรมการที่กำลังนั่งประชุมอยู่ เปิดตัวแบบเล่นใหญ่ไฟกะพริบ และประกาศตัวว่าจะลงสมัครกรรมการในปีถัดไปที่กรรมการชุด(ในที่นี้ขอเรียกว่ากรรมการชุดA) นั้นจะครบวาระ เพราะตัวเองเคยเป็นผู้บริหารโรงแรมมาก่อน และบริหารสินทรัพย์หลายที่ (ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีใครรู้ว่าโรงแรมที่อ้าง คือโรงแรมที่ไหน แต่ดูจากการทำงานแล้ว น่าจะเป็นโรงแรมจิ้งหรีด)
ระหว่างปี2567-2568 นาย ล. ได้Flood ข้อความในกลุ่มLine ลูกบ้านทุกวัน วันละ10+ข้อความ ด้วยว่ากรรมการควรจะทำอะไรบ้าง คนมีธรรมะธรรโมควรเป็นไงบ้าง สร้างความอิหยังวะ ให้แก่ลูกบ้านตลอดเวลา ถึงขนาดแปะนโยบายตัวเองไว้ใน Note ล่วงหน้า 1 ปี (ซึ่งก็งงกันว่า ทำเพื่อ!!!!!!!) พอเกิดอะไรในคอนโด ก็ตีขลุมว่านโยบายผมใกล้จะสำเร็จแล้ว (คือ วางถุงกาวลงก่อน ลุงยังไม่ได้เป็นกรรมการ)
จนมาวันที่5 เม.ย.2568 คอนโดก็จัดประชุมสามัญประจำปี นาย ล.คนนี้ก็ลงสมัครกรรมการตามคาด พอประชุมจบ นาย ล. ก็ชี้หน้ากรรมการเก่าทันที ว่าความเป็นกรรมการเริ่มตั้งแต่ประชุมเลือกจบ ให้กรรมการชุดA ไปลาออกเสีย และส่งมอบกุญแจห้องนิติมา
พอวันที่7 เม.ย.2568 กรรมการใหม่ที่เลือกมา(ในที่นี้ขอเรียกว่ากรรมการชุดB) รวมทั้งนาย ล. ก็จัดประชุมกันและมีมติให้นาย ล. เป็นกรรมการรักษาการผู้จัดการ และมีเงินเดือน30,000 บาทต่อเดือน ระหว่างนั้น นาย ล.ก็เริ่มวางอำนาจบาตรใหญ่ ไม่รับฟังใคร จนกรรมการคนอื่นทนไม่ไหว เริ่มสละเรือไปที่ละคน จนประมาณวันที่12 พ.ค.2568 ก็ไม่เหลือใครอีกเลย นอกจากนาย ล.คนเดียว ว่าง่ายๆ คือ นาย ล. เป็นกรรมการคนเดียว และเป็นรักษาการผู้จัดการ นาย ล. แต่นาย ล. เพิ่งเอาชื่อตัวเอง และกรรมการคนอื่นที่ลาออก(ย้ำว่าคนอื่นที่ลาออกแล้ว) ไปจดทะเบียนที่สำนักงานที่ดินสำเร็จเมื่อวันที่ 19 พ.ค.68 โดยไม่บอกเจ้าหน้าที่ว่าคนอื่นลาออกแล้ว ความเป็นคณะกรรมการที่ต้องมีอย่างน้อย3 คน ตาม พรบ.อาคารชุด ไม่เหลือแล้ว(เพราะเหลือคนเดียว) ทีนี้ ลูกบ้านรู้ ก็เริ่มโวยในกลุ่มLine จนนาย ล. ทนไม่ไหว ต้องประกาศจัดประชุมวิสามัญ เมื่อวันที่15 มิ.ย.68 ระหว่างนี้ยังมีกรรมการชุด B บางส่วนที่ถูกเอาชื่อไปจด ไปแย้งกับเจ้าหน้าที่ที่ดินว่ายื่นหนังสือลาออกแล้ว แต่ทำไมยังโดนจดชื่อเป็นกรรมการ เจ้าหน้าที่ที่ดินก็ตีมึนอ้างว่าเผลอเรอ (ได้เหรอ เอกสารราชการนะเห้ย จดผิดได้ไง) ลูกบ้านหลายๆคนก็เริ่มสงสัยความเป็นกลางของเจ้าหน้าที่ที่ดิน ณ จุดนี้
เล่าเพิ่มเติมว่า ระหว่างลูกบ้านเริ่มโวย นาย ล.ก็ตั้ง Line OA ขึ้นมา บอกว่าจะไม่ตอบในกลุ่ม Line ลูกบ้านแล้ว เพราะมีแต่พลังลบ คอนโดไม่สามัคคี มีแต่ความแตกแยก (มาครบสูตรคนดีย์) พี่น้องชาวคอนโดจงฟังแต่ที่ส่งใน Line OA เท่านั้น และถึงขนาดสมัครแอคหลุมปลอมตัวเป็นนักศึกษาสาว คนรุ่นใหม่มาอวยตัวเองในกรุ๊ปลูกบ้าน แต่โป๊ะแตกเพราะดันพิมพ์สำนวนคน Gen X และหลุดคำว่า ครับมาตอนพิมพ์ด่าลูกบ้านที่เห็นต่าง 5555
ก่อนวันที่15 มิ.ย.68 นาย ล. ก็พยายามหาคนมาสมัครกรรมการเพื่อมาค้ำจุนการเป็นผู้จัดการของตนเองต่อ ชวนแม้กระทั่งเด็กมัธยม ในคอนโด!! และประกอบกับช่วงนั้นต้องมีการเคลมประกันแผ่นดินไหว นาย ล. ก็เอาเรื่องการเคลมประกันแผ่นดินไหวมาอ้าง ว่าถ้าเขาอยู่ต่อ การเคลมจะไวขึ้น และนาย ล. และผู้ช่วย ก็ขอเชิญชวนให้ลูกบ้านเซ็นใบมอบอำนาจลอยไว้ ให้เขาเปิดประชุมได้ ซึ่งอันนี้จะเป็นหนึ่งสิ่งที่เขาจะอ้างต่อไปในอนาคต
ระหว่างนั้น ก็มีลูกบ้านถามเรื่อยๆ ว่าใบมอบอำนาจที่รับๆไปน่ะ เอาไปให้ใครลงนามรับมอบอำนาจ และลงชื่อในใบเลือกตั้ง แต่ก็เงียบ
จนวันที่15 มิ.ย.68 การประชุมก็เกิดขึ้น โดยทีมงานของนาย ล. เป็นคนรับลงทะเบียนเอง เก็บบัตรเลือกตั้งเอง นับคะแนนเอง และการเลือกตั้งก็ได้กรรมการชุดใหม่มาเพิ่ม8 คน รวมนาย ล. เป็น9 คนตามกฎหมาย คณะกรรมการใหม่(ซึ่งจะเรียกว่า คณะกรรมการชุดC) ก็รีบจัดประชุม เพื่อให้การบริหารงานคอนโดเดินไปได้ แต่นาย ล. ก็ไม่ยอมเข้าร่วมประชุม ด้วยเหตุผลว่ากรรมการใหม่ มีแต่พลังลบ(มีใครงงไหมครับ – พลังลบเลยไม่ทำงาน) กรรมการใหม่ก็เลือกคนใหม่ป็นกรรมการรักษาการผู้จัดการ เรื่องจะจบแต่ไม่จบ
หลังจากวันที่15 มิ.ย. นาย ล. ก็ไม่ให้ใครเข้าสำนักงานนิติคอนโด ไม่ยอมส่งมอบเอกสารประกอบการประชุมให้กรรมการใหม่ไปจดทะเบียน กรรมการใหม่จะเข้าห้องนิติ ก็โดนขู่ว่าจะโดนแจ้งความบุกรุก พอลูกบ้านถามหาเอกสารไปจดทะเบียนกรรมการใหม่ ณ สำนักงานที่ดิน นาย ล. ก็บอกว่าติดตรวจสอบคุณสมบัติ กรรมการใหม่ยังไม่ได้ไปปั๊มลายนิ้วมือเพื่อตรวจสอบประวัติอาชญากรรม(ทั้งๆที่ตัวเองเข้ามายังไม่ได้ไปทำเลย) บอกว่ากรรมการชุด C ยังไม่จดทะเบียน เลยไม่มีสิทธิทำงาน (ทีตอนตัวเองเองดันอ้างว่าตัวเองเป็นกรรมการทันทีเมื่อได้รับเลือก)
วันที่26 มิ.ย.68 คณะกรรมการชุดC บางส่วน เลยไปลงบันทึกประจำวันที่สถานีตำรวจเพื่อขอเข้าห้องนิติ แต่ก็ไม่พบเอกสาร และแน่นอน นาย ล.ก็ไปแจ้งความบุกรุกตามระเบียบจ้า เมื่อเอกสารไม่พบ คณะกรรมการก็ยังไปจดทะเบียนที่สำนักงานที่ดินไม่ได้ เจ้าหน้าที่ที่สำนักงานที่ดิน (ซึ่งเข้าข้างนาย ล. ตั้งแต่จดทะเบียนมั่วข้างบน) ปฏิเสธไม่รับ เพราะเอกสารนั้นประกอบไปด้วย เอกสารลงทะเบียนประชุม เอกสารมอบฉันทะที่มีสำเนาบัตรประชาชนของลูกบ้านและผู้รับมอบอำนาจ ลูกบ้านก็งงว่า ที ระหว่างนั้นคณะกรรมการชุดA ก็ยังต้องเข้ามาเพื่อเซ็นเช็คให้เบิกจ่ายค่าใช้จ่ายของคอนโดได้อยู่ เนื่องจากยังไม่ได้ไปแก้ผู้มีอำนาจการเบิกจ่ายของบัญชีคอนโด และก็ได้ยินนาย ล.พูดว่า คือเอกสารให้ได้ แต่เขาต้องเป็นผู้จัดการต่อ
แอบเมาท์เพิ่มเติมว่า ลูกจ้างนิติที่นาย ล.จ้างมาเอง ก่อนจะโดนกรรมการชุด C เชิญออกหลังยึดห้องนิติสำเร็จ แอบเม้าท์ว่า นาย ล. วันๆ ไม่ทำอะไร มานั่งเต๊ะจุ้ย ในห้องนิติว่าตัวเองเป็นผู้จัดการ แล้วนั่งหลับ ทำอะไรไม่เป็นสักอย่าง
จนเมื่อวันที่5 ก.ค.68 คนทั้งคอนโดก็ได้เจอSurprise คือ นาย ล.ไปฟ้องร้องต่อศาลแพ่งรัชดา ให้การประชุมที่ตัวเองกำหนดเอง รับสมัครเอง นับองค์ประชุมเอง เก็บเอกสารเอง เป็นโมฆะ ด้วยเหตุผลว่า การรับสมัครไม่ชอบ การลงทะเบียนไม่ชอบ ใบมอบฉันทะไม่ชอบเพราะไม่ติดอากรแสตมป์ บัตรเลือกตั้งไม่ครบ ซึ่งทุกคนก็งงว่าอะไรวะ ก็ตัวเองไม่ใช่หรอที่ทำทุกอย่าง เอกสารจะโดนปลอม ครบไม่ครบ ก็ตัวเองคนเดียวที่ทำได้ และไม่พอ ยังไปขอให้ศาลออกมาตรการคุ้มครองว่าให้ตัวเองเป็นผู้มีอำนาจเบิกจ่ายเงินทุกบัญชีของคอนโด
วันที่6 ก.ค.68 ทางกรรมการชุดA ที่มีอำนาจเบิกเงินของคอนโด ได้รับการติดต่อจากธนาคารว่า ให้เบิกเงินไม่ได้ เพราะคอนโดมีปัญหาภายใน คาดว่า นายนั่นแหละ เอาหมายศาลไปขู่ธนาคาร ทั้งๆที่ศาลยังไม่ได้สั่งคุ้มครองชั่วคราวเลย จนตอนนี้ คอนโดอาจจะอยู่ในสภาวะที่จ่ายเงินพนักงานและคู่สัญญาต่างๆไม่ได้ และอาจจะจ่ายเงินเคลมประกันแผ่นดินไหวให้ลูกบ้านไปซ่อมห้องไม่ได้ด้วย
สรุปเหตุการณ์ทั้งหมด คือ นาย ล. อยากเป็นผู้จัดการคอนโด แต่ทำงานร่วมกับใครไม่ได้ พอมีการเลือกคนเข้ามาใหม่ ที่ไม่เลือกนาย ล.เป็นผู้จัดการ ก็หาทางล้มการเลือกตั้งแม่มเลย จนตอนนี้ ลูกบ้าน300+คน มีปัญหา เพราะคนคนเดียวอยากเป็นกรรมการ ขอความยุติธรรมให้คน300+คนที่ต้องมาทน คนคนเดียวด้วยครับ
ใครอ่านจบแล้วชอบ ช่วยแชร์ให้หน่อยครับ ตอนนี้คน 300+คน พยายามสู้กับคนคนเดียว ที่มีเจ้าหน้าที่รัฐ อยู่ในมือ
>>>>>>>>Update 7 ก.ค.68 Rep 39<<<<<<<<
อัพเดท 7 ก.ค. 68 นายล. ได้อาศัยว่าตัวเองมีใบจดทะเบียนจากสำนักงานที่ดิน ไปแจ้งธนาคารทุกธนาคารอายัดการเบิกจ่ายเงิน เพื่อไม่ให้นิติเบิกเงินไปจ่ายคู่สัญญาได้ จะได้เข้าทางตัวเองว่า ถ้าศาลไม่สั่งคุ้มครองชั่วคราวให้ตัวเองเบิกเงินได้ ซึ่งผู้จัดการธนาคารก็ยืนกระต่ายขาเดียวว่าเบิกไม่ได้ ความบันเทิงก็เกิด คือ ช่างลิฟท์แจ้งว่า ต้องเปลี่ยนสลิงลิฟท์ 1 ตัว ถ้าเบิกเงินไม่ได้ ก็คงต้องปิดลิฟท์ ไป 1 ตัว ไปให้สุดเลยจ้า
มหากาพย์กรรมการคอนโด อยากเป็นผู้จัดการคอนโดต้องทำเพียงนี้เชียวหรือ
เรื่องนี้ยาวหน่อย แต่อ่านเถอะ สนุกนะ (อ่านเพื่อความบันเทิงเป็นนิทานก็ได้)
เหตุการณ์ ณ คอนโดL ใกล้แยกสะพานควาย เรื่องคนอะไรล้มเลือกตั้งที่ตัวเองจัด
เมื่อการประชุมสามัญปี2567 ขณะที่กรรมการประชุมกันอยู่ มีนาย ล. ลุงแว่นอายุ 60+ ปี ผู้เพิ่งซื้อห้อง โผล่มาเม้งใส่กรรมการที่กำลังนั่งประชุมอยู่ เปิดตัวแบบเล่นใหญ่ไฟกะพริบ และประกาศตัวว่าจะลงสมัครกรรมการในปีถัดไปที่กรรมการชุด(ในที่นี้ขอเรียกว่ากรรมการชุดA) นั้นจะครบวาระ เพราะตัวเองเคยเป็นผู้บริหารโรงแรมมาก่อน และบริหารสินทรัพย์หลายที่ (ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีใครรู้ว่าโรงแรมที่อ้าง คือโรงแรมที่ไหน แต่ดูจากการทำงานแล้ว น่าจะเป็นโรงแรมจิ้งหรีด)
ระหว่างปี2567-2568 นาย ล. ได้Flood ข้อความในกลุ่มLine ลูกบ้านทุกวัน วันละ10+ข้อความ ด้วยว่ากรรมการควรจะทำอะไรบ้าง คนมีธรรมะธรรโมควรเป็นไงบ้าง สร้างความอิหยังวะ ให้แก่ลูกบ้านตลอดเวลา ถึงขนาดแปะนโยบายตัวเองไว้ใน Note ล่วงหน้า 1 ปี (ซึ่งก็งงกันว่า ทำเพื่อ!!!!!!!) พอเกิดอะไรในคอนโด ก็ตีขลุมว่านโยบายผมใกล้จะสำเร็จแล้ว (คือ วางถุงกาวลงก่อน ลุงยังไม่ได้เป็นกรรมการ)
จนมาวันที่5 เม.ย.2568 คอนโดก็จัดประชุมสามัญประจำปี นาย ล.คนนี้ก็ลงสมัครกรรมการตามคาด พอประชุมจบ นาย ล. ก็ชี้หน้ากรรมการเก่าทันที ว่าความเป็นกรรมการเริ่มตั้งแต่ประชุมเลือกจบ ให้กรรมการชุดA ไปลาออกเสีย และส่งมอบกุญแจห้องนิติมา
พอวันที่7 เม.ย.2568 กรรมการใหม่ที่เลือกมา(ในที่นี้ขอเรียกว่ากรรมการชุดB) รวมทั้งนาย ล. ก็จัดประชุมกันและมีมติให้นาย ล. เป็นกรรมการรักษาการผู้จัดการ และมีเงินเดือน30,000 บาทต่อเดือน ระหว่างนั้น นาย ล.ก็เริ่มวางอำนาจบาตรใหญ่ ไม่รับฟังใคร จนกรรมการคนอื่นทนไม่ไหว เริ่มสละเรือไปที่ละคน จนประมาณวันที่12 พ.ค.2568 ก็ไม่เหลือใครอีกเลย นอกจากนาย ล.คนเดียว ว่าง่ายๆ คือ นาย ล. เป็นกรรมการคนเดียว และเป็นรักษาการผู้จัดการ นาย ล. แต่นาย ล. เพิ่งเอาชื่อตัวเอง และกรรมการคนอื่นที่ลาออก(ย้ำว่าคนอื่นที่ลาออกแล้ว) ไปจดทะเบียนที่สำนักงานที่ดินสำเร็จเมื่อวันที่ 19 พ.ค.68 โดยไม่บอกเจ้าหน้าที่ว่าคนอื่นลาออกแล้ว ความเป็นคณะกรรมการที่ต้องมีอย่างน้อย3 คน ตาม พรบ.อาคารชุด ไม่เหลือแล้ว(เพราะเหลือคนเดียว) ทีนี้ ลูกบ้านรู้ ก็เริ่มโวยในกลุ่มLine จนนาย ล. ทนไม่ไหว ต้องประกาศจัดประชุมวิสามัญ เมื่อวันที่15 มิ.ย.68 ระหว่างนี้ยังมีกรรมการชุด B บางส่วนที่ถูกเอาชื่อไปจด ไปแย้งกับเจ้าหน้าที่ที่ดินว่ายื่นหนังสือลาออกแล้ว แต่ทำไมยังโดนจดชื่อเป็นกรรมการ เจ้าหน้าที่ที่ดินก็ตีมึนอ้างว่าเผลอเรอ (ได้เหรอ เอกสารราชการนะเห้ย จดผิดได้ไง) ลูกบ้านหลายๆคนก็เริ่มสงสัยความเป็นกลางของเจ้าหน้าที่ที่ดิน ณ จุดนี้
เล่าเพิ่มเติมว่า ระหว่างลูกบ้านเริ่มโวย นาย ล.ก็ตั้ง Line OA ขึ้นมา บอกว่าจะไม่ตอบในกลุ่ม Line ลูกบ้านแล้ว เพราะมีแต่พลังลบ คอนโดไม่สามัคคี มีแต่ความแตกแยก (มาครบสูตรคนดีย์) พี่น้องชาวคอนโดจงฟังแต่ที่ส่งใน Line OA เท่านั้น และถึงขนาดสมัครแอคหลุมปลอมตัวเป็นนักศึกษาสาว คนรุ่นใหม่มาอวยตัวเองในกรุ๊ปลูกบ้าน แต่โป๊ะแตกเพราะดันพิมพ์สำนวนคน Gen X และหลุดคำว่า ครับมาตอนพิมพ์ด่าลูกบ้านที่เห็นต่าง 5555
ก่อนวันที่15 มิ.ย.68 นาย ล. ก็พยายามหาคนมาสมัครกรรมการเพื่อมาค้ำจุนการเป็นผู้จัดการของตนเองต่อ ชวนแม้กระทั่งเด็กมัธยม ในคอนโด!! และประกอบกับช่วงนั้นต้องมีการเคลมประกันแผ่นดินไหว นาย ล. ก็เอาเรื่องการเคลมประกันแผ่นดินไหวมาอ้าง ว่าถ้าเขาอยู่ต่อ การเคลมจะไวขึ้น และนาย ล. และผู้ช่วย ก็ขอเชิญชวนให้ลูกบ้านเซ็นใบมอบอำนาจลอยไว้ ให้เขาเปิดประชุมได้ ซึ่งอันนี้จะเป็นหนึ่งสิ่งที่เขาจะอ้างต่อไปในอนาคต
ระหว่างนั้น ก็มีลูกบ้านถามเรื่อยๆ ว่าใบมอบอำนาจที่รับๆไปน่ะ เอาไปให้ใครลงนามรับมอบอำนาจ และลงชื่อในใบเลือกตั้ง แต่ก็เงียบ
จนวันที่15 มิ.ย.68 การประชุมก็เกิดขึ้น โดยทีมงานของนาย ล. เป็นคนรับลงทะเบียนเอง เก็บบัตรเลือกตั้งเอง นับคะแนนเอง และการเลือกตั้งก็ได้กรรมการชุดใหม่มาเพิ่ม8 คน รวมนาย ล. เป็น9 คนตามกฎหมาย คณะกรรมการใหม่(ซึ่งจะเรียกว่า คณะกรรมการชุดC) ก็รีบจัดประชุม เพื่อให้การบริหารงานคอนโดเดินไปได้ แต่นาย ล. ก็ไม่ยอมเข้าร่วมประชุม ด้วยเหตุผลว่ากรรมการใหม่ มีแต่พลังลบ(มีใครงงไหมครับ – พลังลบเลยไม่ทำงาน) กรรมการใหม่ก็เลือกคนใหม่ป็นกรรมการรักษาการผู้จัดการ เรื่องจะจบแต่ไม่จบ
หลังจากวันที่15 มิ.ย. นาย ล. ก็ไม่ให้ใครเข้าสำนักงานนิติคอนโด ไม่ยอมส่งมอบเอกสารประกอบการประชุมให้กรรมการใหม่ไปจดทะเบียน กรรมการใหม่จะเข้าห้องนิติ ก็โดนขู่ว่าจะโดนแจ้งความบุกรุก พอลูกบ้านถามหาเอกสารไปจดทะเบียนกรรมการใหม่ ณ สำนักงานที่ดิน นาย ล. ก็บอกว่าติดตรวจสอบคุณสมบัติ กรรมการใหม่ยังไม่ได้ไปปั๊มลายนิ้วมือเพื่อตรวจสอบประวัติอาชญากรรม(ทั้งๆที่ตัวเองเข้ามายังไม่ได้ไปทำเลย) บอกว่ากรรมการชุด C ยังไม่จดทะเบียน เลยไม่มีสิทธิทำงาน (ทีตอนตัวเองเองดันอ้างว่าตัวเองเป็นกรรมการทันทีเมื่อได้รับเลือก)
วันที่26 มิ.ย.68 คณะกรรมการชุดC บางส่วน เลยไปลงบันทึกประจำวันที่สถานีตำรวจเพื่อขอเข้าห้องนิติ แต่ก็ไม่พบเอกสาร และแน่นอน นาย ล.ก็ไปแจ้งความบุกรุกตามระเบียบจ้า เมื่อเอกสารไม่พบ คณะกรรมการก็ยังไปจดทะเบียนที่สำนักงานที่ดินไม่ได้ เจ้าหน้าที่ที่สำนักงานที่ดิน (ซึ่งเข้าข้างนาย ล. ตั้งแต่จดทะเบียนมั่วข้างบน) ปฏิเสธไม่รับ เพราะเอกสารนั้นประกอบไปด้วย เอกสารลงทะเบียนประชุม เอกสารมอบฉันทะที่มีสำเนาบัตรประชาชนของลูกบ้านและผู้รับมอบอำนาจ ลูกบ้านก็งงว่า ที ระหว่างนั้นคณะกรรมการชุดA ก็ยังต้องเข้ามาเพื่อเซ็นเช็คให้เบิกจ่ายค่าใช้จ่ายของคอนโดได้อยู่ เนื่องจากยังไม่ได้ไปแก้ผู้มีอำนาจการเบิกจ่ายของบัญชีคอนโด และก็ได้ยินนาย ล.พูดว่า คือเอกสารให้ได้ แต่เขาต้องเป็นผู้จัดการต่อ
แอบเมาท์เพิ่มเติมว่า ลูกจ้างนิติที่นาย ล.จ้างมาเอง ก่อนจะโดนกรรมการชุด C เชิญออกหลังยึดห้องนิติสำเร็จ แอบเม้าท์ว่า นาย ล. วันๆ ไม่ทำอะไร มานั่งเต๊ะจุ้ย ในห้องนิติว่าตัวเองเป็นผู้จัดการ แล้วนั่งหลับ ทำอะไรไม่เป็นสักอย่าง
จนเมื่อวันที่5 ก.ค.68 คนทั้งคอนโดก็ได้เจอSurprise คือ นาย ล.ไปฟ้องร้องต่อศาลแพ่งรัชดา ให้การประชุมที่ตัวเองกำหนดเอง รับสมัครเอง นับองค์ประชุมเอง เก็บเอกสารเอง เป็นโมฆะ ด้วยเหตุผลว่า การรับสมัครไม่ชอบ การลงทะเบียนไม่ชอบ ใบมอบฉันทะไม่ชอบเพราะไม่ติดอากรแสตมป์ บัตรเลือกตั้งไม่ครบ ซึ่งทุกคนก็งงว่าอะไรวะ ก็ตัวเองไม่ใช่หรอที่ทำทุกอย่าง เอกสารจะโดนปลอม ครบไม่ครบ ก็ตัวเองคนเดียวที่ทำได้ และไม่พอ ยังไปขอให้ศาลออกมาตรการคุ้มครองว่าให้ตัวเองเป็นผู้มีอำนาจเบิกจ่ายเงินทุกบัญชีของคอนโด
วันที่6 ก.ค.68 ทางกรรมการชุดA ที่มีอำนาจเบิกเงินของคอนโด ได้รับการติดต่อจากธนาคารว่า ให้เบิกเงินไม่ได้ เพราะคอนโดมีปัญหาภายใน คาดว่า นายนั่นแหละ เอาหมายศาลไปขู่ธนาคาร ทั้งๆที่ศาลยังไม่ได้สั่งคุ้มครองชั่วคราวเลย จนตอนนี้ คอนโดอาจจะอยู่ในสภาวะที่จ่ายเงินพนักงานและคู่สัญญาต่างๆไม่ได้ และอาจจะจ่ายเงินเคลมประกันแผ่นดินไหวให้ลูกบ้านไปซ่อมห้องไม่ได้ด้วย
สรุปเหตุการณ์ทั้งหมด คือ นาย ล. อยากเป็นผู้จัดการคอนโด แต่ทำงานร่วมกับใครไม่ได้ พอมีการเลือกคนเข้ามาใหม่ ที่ไม่เลือกนาย ล.เป็นผู้จัดการ ก็หาทางล้มการเลือกตั้งแม่มเลย จนตอนนี้ ลูกบ้าน300+คน มีปัญหา เพราะคนคนเดียวอยากเป็นกรรมการ ขอความยุติธรรมให้คน300+คนที่ต้องมาทน คนคนเดียวด้วยครับ
ใครอ่านจบแล้วชอบ ช่วยแชร์ให้หน่อยครับ ตอนนี้คน 300+คน พยายามสู้กับคนคนเดียว ที่มีเจ้าหน้าที่รัฐ อยู่ในมือ
>>>>>>>>Update 7 ก.ค.68 Rep 39<<<<<<<<
อัพเดท 7 ก.ค. 68 นายล. ได้อาศัยว่าตัวเองมีใบจดทะเบียนจากสำนักงานที่ดิน ไปแจ้งธนาคารทุกธนาคารอายัดการเบิกจ่ายเงิน เพื่อไม่ให้นิติเบิกเงินไปจ่ายคู่สัญญาได้ จะได้เข้าทางตัวเองว่า ถ้าศาลไม่สั่งคุ้มครองชั่วคราวให้ตัวเองเบิกเงินได้ ซึ่งผู้จัดการธนาคารก็ยืนกระต่ายขาเดียวว่าเบิกไม่ได้ ความบันเทิงก็เกิด คือ ช่างลิฟท์แจ้งว่า ต้องเปลี่ยนสลิงลิฟท์ 1 ตัว ถ้าเบิกเงินไม่ได้ ก็คงต้องปิดลิฟท์ ไป 1 ตัว ไปให้สุดเลยจ้า