เราเป็นอดีตลูกสะไภ้ร้านอาหารไทยชื่อดังมิชริน8ปีซ้อนเลิกกับสามีได้7ปีแต่อดีตสามียังตามระรานก่อกวนตลอดจนเราจะเป็นซึมเศร้า!

สวัสดีค่ะเราจะขอใช้พื้นที่ตรงนี้เพื่อเป็นที่ระบายความรู้สึกที่ทุกข์ทรมานของเราที่เก็บไว้ตลอด10กว่าปี​ และขอความคิดเห็น​และช่วยคิดหาทางออกจากพี่ๆน้องๆชาวพันทิพทุกคนหน่อยค่ะ
                 ขออนุญาติใช้(นามสมมุติ)​นะคะ​ เราชื่อฟ้าค่ะ​ ตอนนี้เราอายุ​36ปีค่ะ​ มีลูก3คน​ลูกคนแรกเรามีกับแฟนเก่าคนแรกค่ะแต่พ่อของน้องได้เสียชีวิตไปแล้ว(ไม่ขอกล่าวถึงนะคะ)​ ส่วนลูกอีก2คนเรามีกับอดีตสามีเก่าที่เรามีประเด็นที่กำลังจะกล่าวถึงค่ะ​ คนโตอายุ​11ขวบ​ คนรองอายุ​ 7ขวบค่ะ​ ลูกเราเป็นผู้ชายทั้งหมด​ สถานะตอนนี้เราเลิกกันไปตั้งแต่เราคลอดน้องคนเล็กใหม่ๆค่ะตอนนี้ก็ได้เข้าปีที่8​ สาเหตุที่เลิกกัน​เพราะพ่อของลูกเรามีอารมณ์รุนแรง​ ชอบทำร้ายร่างกายเราอยู่บ่อยครั้ง​จนเราถึงขั้นเข้ารพ.บ่อยครั้ง​และติดการพนันอย่างหนักในเวลานั้น​ และเจ้าชู้มาก​จนติดโรคทางเพศสัมพันธุ์ที่ชื่อว่า​ "ซิฟิลิส" ทำให้เราได้รับผลกระทบจากตรงนี้ไปด้วย​ เราจับได้หลายครั้งมากตลอดระยะเวลาที่อยู่กินกัน จนเราทนไม่ไหวขอเลิกเองค่ะ​ (กว่าจะเลิกกันได้ก็ถูกสามีเก่ามาอาระวาดนานอยู่ค่ะกว่าจะสงบ)ต่างคนก็ต่างมีแฟนใหม่ค่ะ​ อดีตสามีเราก็เปลี่ยนแฟนไปเรื่อยค่ะ​ ส่วนเราทุกครั้งที่เราจะมีแฟนอดีตสามีจะระรานก่อนตลอดทุกครั้ง​ ตอนเราไม่มีแฟนก็ก่อกวนด้วยคำพูดดูถูกเหยียดหยามดูถูกสารพัดค่ะ​​ แต่ตอนนี้เรายังอาศัยทำมาหากินขายของอยู่ที่ร้านอาหารของแม่อดีตสามีอยู่​ แต่เดี๋ยวเราจะเล่าความเป็นมาอีกครั้งนะคะ​ว่าทำไมเรายังต้องมาขายของอยู่ที่ร้านของแม่อดีตสามีทั้งที่เลิกกันแล้ว​
                   เรากับอดีตสามีรู้จักกันราวๆปี2555ค่ะในขณะนั้นเรากำลังเรียนอยู่ปวส.ตามปกติค่ะคู่รักแรกๆก็ดีตามเนื้อเรื่องค่ะ​ จึงตัดสินใจคบกันอยู่ด้วยกัน​ ตอนนั้นก็พามารู้จักพ่อแม่กันเป็นที่เรียบร้อย​ เราอยู่กับอดีตสามีและเราก็ไปเรียนรอบวันอาทิตย์ด้วย​ เราขอเล่าคร่าวๆนะคะ​  (ในขณะนั้นเป็นการตัดสินใจของเราที่ผิดมากๆ)​ข้อเเรกเลยที่ทำให้ชีวิตเราตอนนี้ไม่มีวุฒิการศึกษาสูงๆเพื่อไปทำงานหาเลี้ยงตัวเองได้ แฟนเราบอกกับเราว่าไม่ต้องไปเรียนแล้วให้เราออกมาช่วยขายของทำมาหากินที่ร้านอาหารของเขา​ แต่เหตุผลของเขาที่ให้เราออกส่วนนึงในขณะนั้นเขามีปัญหาเรื่องหึงหวงส่วนนึงในเวลานั้น​ เขาคิดว่าเพื่อนของเราในกลุ่มจะหาสามีใหม่ให้ เลยให้เราตัดสินใจเลือกว่าเลือกไปเรียนคือเลือกเพื่อน​ หรือเลือกที่จะอยู่กับเขาแล้วมาช่วยกันทำมาหากินะเขารับปากจะส่งเสียเลี้ยงดูแลเรา​และช่วยกันทำมาหากิน​ เราเลยตัดสินใจเลือกที่จะอยู่กินกับอดีตสามี
                     อยู่ด้วยกันได้ประมาณ1ปี เราก็ได้เกิดตั้งท้องลูกคนแรก​ แต่เป็นการท้องแบบไม่ได้ตั้งใจนะคะเพราะเรากินยาคุมแบบฉุกเฉิน เราก็เริ่มมีปัญหาจับได้ว่าสามีนอกใจไปมีอะไรกับผู้หญิงคนอื่นอยู่เรื่อยๆ​แต่เราก็เลือกที่จะให้อภัยทุกครั้งเพราะเราเลือกที่จะมาอยู่กินกับเขาแล้ว​ตอนที่สามีรู้ว่าเราท้องตอนแรกก็บังคับเราให้ไปเอาออก​ ตอนนั้นเราตั้งท้องได้ประมาณ3เดือน​ มีการเอาไม้แขนเสื้อมาขดๆจะมายัดใส่ช่องคลอดเราเพื่อนำเด็กออก​แต่ไม่ได้ยัดนะคะเพราะเราขัดขืนและได้ทำการกระทืบท้องเราประมาณ3-4ครั้งที่เราจำได้​แต่โชคดีที่ลูกในท้องของเราไม่เป็นอะไร​ ตอนนั้นเรากับสามีเช่าอพาทเม้นกันอยู่ต่างหากไม่ได้อยู่รวมกับครอบครัวเขา​และครอบครัวสามีก็ยังไม่รู้ว่าเราตั้งท้อง​ เลยไม่มีใครสามารถช่วยเหลือเราได้​ ตอนนั้นเราก็นั่งคิดทบทวนจะกลับไปอยู่กับพ่อแม่จะบอกพ่อแม่ก็กลัวพ่อแม่เป็นทุกข์และเสียใจ​ เรากลับไปก็ไปเป็นภาระพ่อแม่อีก​ เพราะพ่อแม่เราก็อยู่ตจว.ไม่ได้มีฐานะอะไร​ เราเลยเลือกฝืนที่จะอยู่ต่อแต่ได้เล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้กับแม่สามีฟัง​ เขาก็เห็นใจและช่วยเหลือเราค่ะ​ และให้เราย้ายเข้ามาอยู่ที่บ้านรวมกันกับครอบครัวแม่สามี​​ และเราก็ได้ไปขายของทำมาหากินในร้านอาหารของแม่สามีค่ะ​มี1ในเมนูในร้านอาหาร​ เราก็ยังอยู่ด้วยกันกับสามีนะคะเพราะสามีบอกจะปรับปรุงตัวและเราก็หวังว่ามันจะดีขึ้นด้วยค่ะ​ แต่เราก็มีทะเลาะกันเรื่อยๆเหมือนเดิม​ มีการนอกใจ​ มีการทำร้ายร่างกาย​ ติดเพื่อน​ ติดการพนัน​ จนเงินที่ได้จากการขายของหมด เราก็ได้แม่สามีดีค่ะคอยพูดปลอบใจเราปกป้องเรา​ แต่ก็ปกป้องได้ไม่มากเพราะอดีตสามีเราไม่กลัวแม่เขา​ และมีอารมณ์ฉุนเฉียวรุนแรง​ เราก็อดทนเรื่อยมาเพราะเราก็ตั้งท้องอยู่และเราก็ไม่กล้ากลับไปหาพ่อแม่เรา​ อดทนจนคลอดลูกคนแรก​ เราก็ได้ไปจดทะเบียนสมรสกันในปี2557  จดได้2เดือนก็หย่าเพราะสามีเราไปติดผู้หญิง​และระบุในใบหย่าว่ามีลูกด้วยกัน1คนยกให้เราปกครองบุตรแต่เพียงผู้เดียว​และจะส่งเสียเลี้ยงดูบุตรเดือนละ5000บาทจนกว่าจะบันลุนิติภาวะ(ด้วยรายได้ที่หาได้ของเขาขณะนั้น)​ แต่แม่สามีก็ให้เราอาศัยอยู่ที่บ้านและให้ลูกชายของเขาไปอยู่ข้างนอกแทน​ เราก็เลี้ยงลูกมาเรื่อยๆค่ะญาติสามีก็จ่ายค่านมค่าทุกอย่างให้กับลูกเรา​ส่วนตัวเราก็มีรายได้เล็กๆน้อยจากที่ร้านไม่กี่ร้อยในขณะนั้น​ก็กลับมาดีกันอีก​ รักๆเลิกๆจนเราทนไม่ไหวย้ายไปอยู่ข้างนอกแทน  ต่อมาสามีก็อยากกลับมาคืนดีมาอยู่ด้วยกันแบบพ่อแม่ลูกเหมือนเดิม​ รับปากและสัญญาว่าจะทำตัวให้ดี แม่สามีก็ช่วยพูดว่ายอมๆไปเถอะเพื่อลูก​ ลูกจะได้มีพ่อ​ สงสารหลานเค้าอดร้องไห้ไม่ได้ที่จะเห็นหลานของเขาเป็นแบบนี้​ น้าของอดีตสามีก็โทรมาคุยกับเราค่ะชื่อน้าต.(ขอใช้อักษรย่อนะคะ)​ เขาได้เสนอเงินเดือนให้เราเดือนละ15000บาทและบอกให้เรากลับมาขายของที่ร้านเหมือนเดิม​ อยากเอาอะไรมาขายก็ขายได้(เท่ากับเรามีรายได้2ทาง)​แต่ตอนนั้นเราก็มีรายได้จากการขายเครื่องสำอางของเราทางเน็ตอาทิตย์ละ8000-12000บาท​ตอนนั้นเรามีรายได้และมีความสุขมาก​แต่ลูกของเราก็ถามถึงพ่อ​ คิดถึงพ่ออยู่บ่อยครั้งเราก็นอนร้องไห้ค่ะเพราะสงสารลูก​ แต่เราก็อดทน แต่ด้วยความโน้มเน้าของแม่สามีของเราโทรมาร้องไห้เป็นประจำ​ และน้าของสามีชื่อน้าต.โทรมาหาเราว่าอยากเจอหลานและสงสารหลาน​ เราก็เลยยอมรับข้อเสนออีกค่ะ​ ตอนนั้นก็คิดอยู่นานค่ะ​ นั่งมองหน้าลูกและถามลูกลูกบอกคิดถึงพ่อ​อยากอยู่กับพ่อและกับแม่ ตอนนั้นหัวอกคนแม่ได้ยินลูกพูดมันทำให้หันกลับมาถามตัวเองจะเลือกความสุขของตัวเองหรือเลือกความสุขของลูก โทรไปปรึกษาแม่เราเอง​ แม่เราก็สอนเราว่าชีวิตครอบครัวก็ต้องอดทนสงสารลูก​ ถ้าผู้ใหญ่เขารับปากว่าจะดูแลเราอย่างนั้นเอ็งก็อดทนไปเพื่อลูกเอ็งจะได้มีความสุข​ ผัวเอ็งนอกใจก็ปล่อยมันไปเอ็งจะได้ไม่ต้องคิดมาก​ เราเลยยอมที่จะกลับไปเริ่มต้นครอบครัวใหม่อีกครั้งเพราะความเชื่อใจด้วยค่ะว่าเค้าจะดูแลเรา​ว่าเขาจะปกป้องเราจากการโดนทำร้าย​ และคำพูดของน้า​ต. ที่บอกจะให้เงินเดือนเรา15000ทุกเดือนและ​ ให้เราเอาอาหารมาขายได้ที่ร้านกี่อย่างก็ได้ (แต่ต้องให้แม่สามีเราชิมก่อนว่าผ่านไหม)​เราเลยทิ้งทุกอย่าง​ และเลือกกลับมาอยู่ด้วยกันมาจนมามีลูกคนที่2ปี2561​ เหมือนจะไปได้ดีค่ะแต่.....
                                 แต่ก่อนที่เราจะมาตั้งท้องลูกคนที่2อดีตสามีเราไปมั่วผู้หญิงอีกค่ะ!! จนติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ชื่อ​"ซิฟิลิส​" จนเรามีการติดเชื้อไปด้วย​แต่สามีเราไม่บอกเรานะคะ​ เขาแอบไปรักษาคนเดียวค่ะ​(เห็นแก่ตัวสุดๆ)​ แล้วได้ยามากินคนเดียว​ ส่วนเรายังไม่รู้ค่ะ​ แต่เราเริ่มมีอาการผิดปกติ​ ตกขาวเปลี่ยนสี​มีกลิ่นเหม็นแปลกๆ​ตอนนั้นเราคิดว่าเรากินอะไรผิดสำแดงรึเปล่า​ ตอนนั้นเราก็ยังไม่มีความรู้เกี่ยวกับโรคนี้ค่ะ​และไม่คิดว่าจะเกิดขึ้นกับเรา​ เพราะเราก็เป็นแม่บ้านตั้งใจเลี้ยงลูกอย่างเดียวเลยค่ะ​เรามารู้เนื่องจากเราไปค้นกระเป๋าของอดีตสามีเจอบัตรผู้ป่วยโรคติดต่อทางเพศสัมพันธุ์แถวบางรักค่ะ​ เราจำชื่อไม่ได้แล้ว​ ตอนนั้นเรารู้สึกแย่มากๆ​และช้อคตัวสั่นอย่างหนัก​ เพราะเรากลัวว่าจะเป็นโรคร้ายอย่างHIV รึเปล่า​เพราะลูกเรากำลังเล็กและน่ารัก​ และเราก็มีความสัมพันธ์กับสามีโดยไม่คุม​ เราจึงโทรไปถามทางที่อยู่ตามบัตรบอกให้เค้าช่วยบอกเราว่าสามีเราเป็นโรคอะไร​ เราขอความเห็นใจจากทางนั้นค่ะบอกลูกเรากำลังเล็ก​ เขาจึงแจ้งมาว่าเป็น​"โรคซิฟิลิส" ตอนนั้นเราก็ไปตามไปตรวจและรักษาที่นั่นค่ะได้ยามากิน​ตอนนั้นจำไม่ได้หมอแจ้งกับเราว่าน่าจะเป็นหนองในอะไรสักอย่าง​ (เราจำไม่ได้แม่นยำมากค่ะเพราะมันนานแล้ว)​เราก็บอกแม่สามีและน้าต.นะคะ​ เค้าก็ได้แต่พูดว่ามันเอาอีกแล้ว​ เค้าก็ได้แต่ไปว่าค่ะ​เพราะเค้าก็ไม่รู้จะทำยังไง
                                  ต่อมาเรามีลูกคนที่2ค่ะและตรวจพบหลังคลอดว่าเรามีเซลส์ผิดปกติที่ปากมดลูกต้องทำการตัดชิ้นเนื้อส่วนนั้นออก​ เพราะจะกลายเป็นมะเร็งได้​ ตอนนั้นเราตกใจและกลัวมากค่ะ!! ภาพมันมาเลยถ้าเราเป็นโรคร้ายลูกเราจะอยู่ยังไงพ่อของลูกก็ไม่ได้เรื่อง​ ร้องไห้เลยค่ะเพราะความกลัวและกังวลใจมาก​ เงินค่ารักษาก็ไม่มี เราได้นำเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี่ที่สามีเราเป็นซิฟิลิสปรึกษาหมอ​ และเล่าให้หมอฟังว่าเราโดนนอกใจหลายครั้ง​ ตอนนั้นเรารักลูกมากและกลัวตายมากขึ้นชื่อว่าจะเป็นมะเร็ง​ เราก็กลัวตายทันที​ ตอนนั้นเราบอกกับแม่สามีค่ะ​ เค้ารับปากจะจ่ายค่ารักษาให้เราทั้งหมดและรับผิดชอบจนกว่าเราจะหาย​ กี่บาทว่ามาเลย หมอก็ให้คำแนะนำเราค่ะตอนนั้นว่า​ ถ้าแฟนของคุณไม่เลิกไปมีความสัมพันธ์กับผู้หญิงคนอื่น​ คุณก็จะเป็นแบบนี้​ เขื้อพวกนี้มันก็จะมาติดคุณอีกนึกถึงลูกให้มากๆ​ เราจะต้องมีชีวิตต่อไปเพื่อดูแลลูก​ มีหลายคนเป็นพ่อเลี้ยงเดี๋ยว​ แม่เลี้ยงเดี่ยว​ ตอนนั้นเราตัดสินใจบอกเลิกสามีเลยค่ะ​ เราบอกกับตัวเราเองเลย​ "ฉันจะมีชีวิตอยู่เพื่อปกป้องดูแลลูกของฉัน​ และฉันจะตายไม่ได้" ทุกครั้งที่แฟนเรามาอาระวาดด่าเรามาง้อเรา​ เราแจ้ง191ตลอดค่ะ​ ระหว่างนั้นเราก็แยกกันอยู่ค่ะตึกแถวคนละตึก​ เราก็ได้อยู่ตึกนึงที่แม่สามีซื้อให้หลาน​ อยู่แบบนั้นนานพอสมควรค่ะกว่าจะสงบ​ เราก็รู้สึกเหมือนเป็นอิสระแล้ว​ เพราะต่างคนต่างอยู่ต่างคนต่างทำมาหากิน​ อดีตสามีก็มีแฟนใหม่เปลี่ยนไปเรื่อยค่ะ​ เราก็ทำหน้าที่แม่เลี้ยงลูก2คนไป​ ตอนนั้นเรายอมรับว่าเราสตรองมากขึ้น​ และเราเปลี่ยนไป​ กล้าต่อสู้​ กล้าตอบกลับอดีตสามีจากแต่ก่อนที่เรากลัวเค้ามากๆเค้ามาก่อกวนเราก็แจ้งความและด่าตอบโต้อดีตสามีไปด้วยค่ะ​ เหมือนกลายเป็นหญิงแกร่งจนถึงทุกวันนี้ค่ะ​ แต่เหมือนจะมีความสุขระหว่างที่อยู่ตรงนี้ใช่ไหมคะ​ เหมือนจะจบ มันมีเรื่องระหว่างทางอีกค่ะ มันเป็นสิ่งที่เราอยากจะขอคำปรึกษาและความเห็นจากพี่ๆน้องๆชาวพันทิพย์​และผู้ที่เคยมีประสบการณ์(แต่ขอย้ำนะคะว่ารอบนี้เลิกกันขาดแล้วอย่าเพิ่งว่าหนูนะคะ)​ เดี๋ยวจะเล่ารายระเอียดเพิ่มเติมค่ะ​ สิ่งที่เราได้รับและความรู้สึกของเราระหว่างที่เราอยู่ตรงนี้กับสิ่งที่เราได้เจอกับคนในครอบครัวนี้ที่เราจะมาขอคำปรึกษาและต้องการหาทางออกในชีวิตที่เราเผชิญอยู่ตอนนี้ค่ะ​ มาต่อ...
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 12
>>>>มาเล่าต่อค่ะ🙏
     เราขอบอกพี่ๆเพื่อนๆก่อนนะคะ​ ว่าที่เรามาระบายเราไม่ได้ร้องขอความสงสารจากใครแต่เราขอความคิดเห็นและหนทางออกในการดำเนินชีวิตที่ดีจากพี่ๆเพื่อนๆชาวพันทิพทุกคน​ที่มีประสบการณ์ในการเผชิญชีวิต เพราะเราสุดจะทนแล้วจริงๆเราคิดคนเดียว​เราหาทางออกไม่ได้​ เรายอมทุกคนมามากแล้ว​ และ​เราก็ทุกข์สุดๆจนเราคิดว่ามันนานเกินไปแล้วความทุกข์ของเราที่เราเผชิญ​ และยอมมาตลอด
      จำที่เราบอกว่าน้าของอดีตสามีบอกว่าถ้าเราพาลูกกลับมาจะให้เงินเดือนเราทุกเดือน​ เดือนละ15000ได้ไหมคะและอยากขายอะไรก็ขายเอามาให้แม่สามีชิมก่อนถ้าดีก็ขายได้​ เรากลับมาเค้าให้เราแค่เดือนเดียวค่ะ​ และให้เหตุผลในตอนนั้นว่าของที่เราขายของในร้านขายดีแล้ว​ เค้าของดให้รายเดือนเรา​ ตอนนั้นเหมือนเราทิ้งทุกอย่างกลับมาอยู่กับครอบครัวเค้าแล้ว​ อาชีพที่เรามีขายเครื่องสำอางเราก็เลิกไปมาทุ่มเทตรงนี้ มันเลือกหรือโต้แย้งอะไรไม่ได้เราจึงยอม​ เห็นว่าค่านมค่าแพมเพิสเค้าก็ดูแลตลอด​ ไม่เป็นไร​ แต่ยังไม่จบตอนนั้นเราขายของดีมาก​ น้าของอดีตสามีมาว่าเรา​ ขายอะไรแบบโลภมาก​ คือตอนนั้นพนักงานที่ร้านช่วยเราขายแนะนำเมนูพิเศษ​ เราให้เปอร์%จานละ10บาทพนักงานก็เลยอยากได้%ตรงนั้นมาซื้อสบู่มาซื้อของใช้ส่วนตัวของเขาสะสมเป็นค่าอาหารเล็กๆน้อยๆช่วงวันหยุดของเขา(พนักงานเราเป็นต่างด้าว)​เราก็มีความสุขที่พวกเขามีตังค์ซื้ออะไรตรงนี้​ แต่น้าต.กลับมาว่าเราทุกครั้งที่ขายดีและมาว่าพนักงานทุกคนที่ช่วยเราขาย​ จนเราไม่กล้าขายดี​ ลูกค้าถามเราต้องบอกว่าอาหารของเราหมดเพื่อไม่ให้ถูกด่า​ เราต้องยอมค่ะเพราะเป็นร้านอาหารของเขา​ แต่เราต้องมาแอบร้องไห้ค่ะเสียดายที่เราไม่ได้ขาย​ พนักงานที่ร้านก็กลัวถูกว่าค่ะ​ และเรามีน้าอีกคนที่ไม่ใช่คนในครอบครัวอดีตสามีที่ทำงานที่ร้านกับเรา​ เขาก็เมตตาเราก็บอกเราตลอดว่าน้าต.ไม่ชอบเราเกลียดเรามาก​ และว่าเราให้น้าคนนี้ฟังทุกครั้ง​ ตอนนั้นเราเสียใจมาก​ เราคิดว่าเราไปทำอะไรให้น้าเขาไม่พอใจ​ แต่เราคิดว่ามันเกิดจากการที่เราขายของดีค่ะ​ เพราะเราจะมีปัญหาเรื่องนี้กับน้าของอดีตสามีตลอด​ และเขาจะเก็บอาการแสดงทางสีหน้าไม่อยู่จนเราดูออกทุกครั้ง​ ต่อมาช่วงโควิด19ร้านอาหารเปิดขายหน้าร้านไม่ได้เมนูของเราก็ขายไม่ดีรายได้ของเราเหลือไม่กี่ร้อย​ เราจะดิ้นรนอย่างไรก็ไม่ได้เพราะอาหารของเราไม่มีในเมนูของร้านต้องเชียร์ด้วยปากอย่างเดียว​ แต่จะทำไงล่ะ​ เมื่อไม่มีคนมาทานในร้าน​ เราก็ทำงานที่ร้านอย่างเต็มที่ทุ่มเททุกอย่างด้วยความเต็มใจเพราะถือว่าเราอาศัยอยู่กับเขา​ จัดอาหารกับบ้านทำงานอย่างหนักมากตอนนั้นร้านเปิดยันร้านปิดทางร้านขายอาหารกลับบ้านดีมาก​ จนพนักงานช่วยพูดให้เราได้เงินเดือนเพราะเรามีรายได้น้อยแถมเราป่วยต้องเข้าออกรพ.บ่อยในช่วงนั้น(การรักษาต่อเนื่องจากเซลส์ปากมดลูกผิดปกติในตอนนั้น)​จนน้าต.ของดีตสามีเสนอให้เราเดือนละ5000บาท​ ซึ่งมันน้อยมากจริงๆลูก2คนอยู่กินกับเราให้เราแค่5000บาท​ เราทำงานร้านเปิดยันร้านปิด​ ทำงานเหมือนพนักงานคนนึง​ ตอนนั้นเราคิดในใจเหมือนกัน​ ทำไมเขาให้เงินเราแค่นี้เราก็ป่วยอยู่ค่าหาหมออะไรเราก็เองทั้งหมด​ จากที่แม่อดีตสามี​ บอกว่าจะช่วยรับผิดชอบค่ารักษาพยาบาลเราเอาบิลไปยื่นให้แม่เค้า​ แม่เค้าก็บอกทุกครั้งว่าไม่ค่อยมีเงิน​ แม่อดีตสามีบ่นทุกครั้ง​ และพูดต่อท้ายว่าเดี๋ยวน้าต.บ่นอีก​ ตอนนั้นเราก็กลัวน้าคนนี้มากเราก็เลยตัดปัญหาจ่ายค่ารักษาพยาบาลเองทุกครั้ง​ แต่เราก็แอบคิดนะคะจะไม่มีเงินขนาดนั้นเลยหรอร้านอาหารก็ใหญ่โตขายดีมาก😢แต่ต่อมาน้าต.ก็ให้เราแค่เดือนเดียวอีกเหมือนเคย​ และเค้าก็ทำทีเงียบๆไปตอนจ่ายเงินเดือนพนักงาน ตอนนั้นเราทำใจเลยค่ะ​ ตอนนั้นที่เราคลอดลูกคนที่2ใหม่ๆเราเข้าออกรพ.ทุกเดือนหลายปีเลยค่ะ​ หมดไปหลายบาท​ ทองรูปพรรณที่เรามีนำมาขายรักษาตัวเองหมด หลายแสนเลยค่ะ​ ทองเรามีเก็บเกือบ20บาทที่ได้จากการขายเครื่องสำอางสมัยก่อนและแม่เราให้ด้วย​ เงินเก็บที่เรามีหมดตัวเลยค่ะก็ว่าได้​ เราทำใจยอมรับการหมดตัวครั้งนั้นอยู่นานมากค่ะ​ว่าโรคที่อดีตสามีนำมาติดเรา​ มาทำให้ชีวิตเราเป็นแบบนี้​ โรคที่เราไม่ได้เป็นคนก่อ​ ไม่มีใครรับผิดชอบเราตามที่สัญญาและรับปากเราอย่างตอนแรก​ เราเสียใจมากว่าทำไมชีวิตเราไม่ได้รับความเป็นธรรมเลย เราต้องมายอมเสียทุกอย่างที่เรามีในตอนนั้นที่เราสร้างมา​เก็บหอมรอมริดมา​แต่เราต้องยอมเพราะเราต้องรักษาตัวเราจริงๆค่ะ​ เพราะเราต้องมีชีวิตอยู่และแข็งแรงเพื่อลูกๆของเราเอง​ เราหาหมอตลอดเพราะปากมดลูกตีบ​ ประจำเดือนออกมาไม่ได้เราปวดท้องอย่างหนักและทรมานมาก​ พอประจำเดือนออกมาได้ก็เหม็นเน่าอย่างกับสากศพ ต้องไปใส่สายใสๆที่ต่อจากปากมดลูกเพื่อขยายปากมดลูกเพื่อไม่ให้ปากมดลูกตีบ​ พอถอดสายสักไม่กี่อาทิตย์ก็ตีบใหม่เป็นแบบนี้อยู่หลายครั้ง​ จนคุณหมอท่านนึงแนะนำให้เราไปรักษาที่รพ.บำรุงราษฎ์​ คุณหมอท่านเห็นประวัติการรักษาของเราและสงสารเรามาก​ และเราบอกกับคุณหมอว่าเราหมดตัวแล้วและท้อใจเป็นอย่างมาก​ เราอยากมีชีวิตอยู่ต่อเพื่อดูแลลูกๆของเรา​ คุณหมอบอกถ้าไปหาคุณหมอท่านนี้ที่รพ.นี้เราจะดีขึ้นแน่นอน​ เราก็ไปรักษาที่นั่นค่ะและขอความช่วยเหลือจากแม่อดีตสามีเราบอกว่าเราหมดตัวแล้วจริงๆ​ พอเรารักษาเค้าก็ช่วยจ่ายค่ารักษาค่าส่วนต่างจากประกันให้เราค่ะจำนวน60000บาท​ ตอนนั้นแม่อดีตสามีก็ไม่ค่อยเต็มใจเท่าไหร่ค่ะ แต่เราก็ดีขึ้นจริงๆค่ะหายจากการหาหมอไปสักพักใหญ่เลยค่ะ​
      ตลอดเวลาที่เราอยู่ในครอบครัวนี้​ ช่วงหลังเราถูกละเลยความรู้สึกตลอด​​ เค้ามีงานเลี้ยง​ งานแต่งภายในครอบครัวเขาก็ไม่ได้ชวนเรา​ จนน้าคนที่ทำงานกับเรามาแซวเราแล้วหัวเราะเรา​เป็นเรื่องสนุก​ อ้าว..เขาไม่ได้เชิญหรอแล้วหัวเราะขำขันกัน ลูกหลานเขา(บางคน)​เจอหน้าเราก็ไม่ได้นับถือเราไม่ได้สวัสดีอะไรเรา​ แต่เขามาสอนบอกลูกเราให้สวัสดีพวกเขา​ แต่พวกเขากลับไม่สวัสดีเรา.. (แปลกไหมล่ะ)​และไม่ได้ให้ความเคารพว่าเราเป็นอดีตพี่สะไภ้​ เป็นแม่ของหลานๆ​ เราก็เลยให้กำลังใจและปลอบใจตัวเองค่ะว่าเราคือคนอื่น​ อย่าไปสนใจ​ ตอนนี้เราก็เหมือนกับของตายที่ไปไหนก็ไม่ได้​ วุฒิก็แค่ม.6​ อายุก็36​ เงินเก็บก็ไม่มีเลยสักบาท​ แถมเป็นหนี้แม่เราอีกที่ขอยืมมารักษาตัวเราอีกประมาณเกือบ2แสน ที่อดีตแม่สามีรับปากจะรับผิดชอบเราก็ไม่ได้รับหมดอย่างที่บอก​ น้าที่รับปากให้สัญญากับเราก็ไม่ได้ทำตามที่ให้​ เราจะเอาอะไรมาขายเพิ่มเพื่อหาเงินเพิ่มเติมก็ไม่ได้​ เราเสียใจมากที่เราคิดผิด​ ผิดมาตั้งแต่ต้นที่ทำให้ชีวิตเราเป็นแบบนี้​ ไม่สามารถไปไหนได้​ ตั้งตัวก็ไม่ได้​ พอเรามีแฟนใหม่อดีตสามีเก่าก็ตามพูดจาระรานเราภายในร้าน​ แฟนเรามานั่งรอเราที่ร้านก็ไม่ได้ทั้งๆที่อดีตสามีก็มีภรรยาใหม่ไปแล้ว​ ต่างคนต่างมีชีวิต มาสั่งเราว่าอย่าพาเข้ามาในร้าน​ มาท้าเราต่อยอีก​ และจะมาท้าแฟนเรา​ต่อย เขาจะคอยมาหาเรื่องเราตลอด​ เหมือนเกลียดเรา​ เห็นเรามีความสุขไม่ได้​ อดีตสามีจะไปฟ้องพี่ชายเขาให้มาบอกเราว่าอย่าจับมืออย่าหอมแก้มหรือทำอะไรให้ลูกเห็น​(ซึ่งเราไม่เคยทำให้ลูกเห็น) ​คือมาก้าวก่ายเรา​ แต่พี่ชายเค้ายังดีค่ะพูดจาเป็นกลางและเข้าใจเรา อดีตสามีอยากให้เราไปจากครอบครัวเขา​ แต่ก็ไม่ได้ช่วยสนับสนุนเราออกไปได้ดี​ แถมที่ระบุในใบหย่าว่าจะจ่ายให้เราเดือนละ5000ทุกเดือนในตอนนั้นก็ไม่เคยจ่ายเลยสักเดือน​ ตอนนี้เราเหมือนติดอยู่ในพันธนาการ​ เงินเก็บไม่มี​ อาชีพที่จะออกไปทำก็ไม่มีเพราะไม่มีเงินเก็บแถมเป็นหนี้แม่เราอีกที่เรายืมมารักษาเราจากโรคที่อดีตสามีนำมาติดจนทำให้เซลส์ปากมดลูกผิดปกติ(แม่เราก็ไปยืมคนอื่นมาอีกทีต้องรับภาระเอง)​ เราอยากจะอยู่กับลูกเอง​ อยากออกจากตรงนี้​ เรารับความอึดอัดตรงนี้ไม่ไหวแล้ว​​ เลยอยากจะระบายเพื่อหาทางออกในชีวิต​ เราอยากมีชีวิตใหม่ที่ดี่​ อะไรที่ผ่านมาแล้วเราอโหสิกรรมให้ทั้งหมดกับทุกคน​ที่ทำไว้กับเรา​ เราอยากเริ่มต้นชีวิตใหม่​ หากใครช่วยแนะนำเราได้เรายินดีรับฟังทุกความคิดเห็นค่ะ🙏
     สุดท้ายเราขอขอบคุณพี่ๆเพื่อนๆทุกคนในพันทิพที่อ่านข้อความของเราหมดครบทุกบรรทัดนะคะ​ (อันนี้เป็นแค่รายระเอียดคร่าวๆเท่านั้นค่ะ)​ไม่ได้มีเจตนาทำให้ใครเสียหาย​ แต่เราหมดหนทางและหาที่พึ่งและหาทางออกไม่ได้จริงๆ​ คนรอบตัวเรา​ เพื่อนๆในโซเชี่ยล​ต่างๆคิดว่าเราอยู่อย่างมีความสุขเป็นถึงอดีตลูกสะใภ้ร้านอาหารชื่อดัง​แต่ความจริงไม่ได้เป็นอย่างนั้นเลย​ เรารับแรงกดดันมากมาย​ ทำดีก็ไม่เคยได้รับคำชม​ สัญญาอะไรกับเราไว้ตั้งแต่แรกก็ลืมกันหมด​ เราขอขอบคุณเพื่อนๆพี่ๆทุกคนทีอ่านบทความของเราจนจบและแสดงความคิดเห็นอีกครั้งนะคะ​ ขอบคุณค่ะ🙏
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่