เมื่อจิตกลืนกับความว่างได้ (อากาสาฌาน)ความคิด ความเห็นจะเปลี่ยนไป(ทิฐิ)
รูปไม่ใช่เรา รู้เมื่อใดก็สลายหายไป ไม่เป็นกลุ่มก้อน ให้เป็นนิรณ์แก่จิต
นามไม่ใช่เรา (เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาน)
การทำจิตให้เป็นอย่างนี้ อาศัยกำลังสมาธิ เริ่มจาก ความเห็นแยกกันระหว่างจิตกับกายด่อน
ความเห็นแยกกันระหว่างจิตกับกาย เป็นรูปฌาน 1,2,3,4 รู้สึกขึ้นมาเมื่อไร จิตกับกายแยกกัน ความหนาแน่นของสมาธิที่กายแตกต่างกันไปในแต่ละฌาน
หนาแน่นมาก สมาธิก็อยู่ในลำดับสูง ให่ผลเป็นปิติ สุข เอกคตา อุเบกขาที่จิต
ทำตรงนี้ให้เกิดขึ้นก่อน
จิตที่กลืนกับอากาส
รูปไม่ใช่เรา รู้เมื่อใดก็สลายหายไป ไม่เป็นกลุ่มก้อน ให้เป็นนิรณ์แก่จิต
นามไม่ใช่เรา (เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาน)
การทำจิตให้เป็นอย่างนี้ อาศัยกำลังสมาธิ เริ่มจาก ความเห็นแยกกันระหว่างจิตกับกายด่อน
ความเห็นแยกกันระหว่างจิตกับกาย เป็นรูปฌาน 1,2,3,4 รู้สึกขึ้นมาเมื่อไร จิตกับกายแยกกัน ความหนาแน่นของสมาธิที่กายแตกต่างกันไปในแต่ละฌาน
หนาแน่นมาก สมาธิก็อยู่ในลำดับสูง ให่ผลเป็นปิติ สุข เอกคตา อุเบกขาที่จิต
ทำตรงนี้ให้เกิดขึ้นก่อน