เรื่องมีอยู่ว่า เราตั้งใจจะซื้อห้องนี้จาก ธ.แห่งหนึ่ง แต่ก่อนหน้านั้นเราได้เช่าพักอสศัยอยู่ที่ตึกนี้ 4 ปี และไม่เคยมีปัญหาไดๆ วันนึงเราได้เห็น ธ.แห่งนี้แปะแจ้งยึดห้องๆหนึ่งเราเลยได้โทรไปสอบถามและราคาไม่แพงเราเลยติดต่อเพื่อขอซื้อทรัพย์เป็นเงินสดเลย แต่ทีนี้โฉนดยังอยู่ในชั้นศาล ธ.จึงได้ออกเป็นใบผ่อน 2ปีปลอดดอกเบี้ยเพื่อรอโฉนด แต่หลังจากทำเรื่องซื้อขายกับธนาคารไปได้ไม่นาน ลูกบ้านกับนิติเกิดทะเลาะกัน แล้วทางนิติได้แจ้งลาออกไม่ขอดูแลอีกต่อไปและให้จัดตั้งตัวแทนมาดูแลกันเอง ซึ่งทางนิติจะไม่รับชำระค่าส่วนกลางอีก เพราะหลังจากที่มีการประชุมเรายังเดินไปจ่ายที่นิติแต่นิติแจ้งไม่รับและไล่ให้ไปอ่านประกาศลาออกที่แปะไว้ หลังจากนั้นเราเลยต้องชำระกับทางตัวแทนที่ดูแลตึกและทาง ธ.ก็รับรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้น ช่วงนั้นเราไม่ได้อยู่ที่ตึกนั้นและโอนเงินจ่ายกับผู้ดูแลทุกเดือนไม่เคยขาด จนวันนี้เราจะไปขอใบปลอดหนี้เพื่อโอนห้อง นิติแจ้งเรียกเก็บค่าส่วนกลางย้อนหลังตั้งแต่ปีเกิดเหตุคือปี 62  ทั้งที่ก่อนหน้านั้นนิติไม่เคยมาดูแลอะไรเลยแถมกลั่นแกล้งลูกบ้านสารพัด ไม่เคยส่งใบเรียกเก็บค่าส่วนกลางหรือเรียกประชุมหลังจากที่เค้าแอบไปจดทะเบียนเป็น ผู้จักการแทนนิติ และเรียกเก็บในจำนวนค่าปรับ 20 เปอร์เซนต์ต่อปี ซึ่งเรากับธนาคารก็ไม่ได้ติดอะไรแต่พอเห็นใบแจ้งยอดที่ธนาคารไปรับมาคือรับไม่ได้กับค่าปรับที่เค้าเรียกและทางธนาคารต่อรองขอลดค่าปรับที่ดูเกินจริง แต่ทางนิติแจ้งว่าไม่ลดให้กับกรณีที่ไปจ่ายกับตัวแทน แต่ตอนนั่นไล่เราไปจ่ายกับตัวแทนเอง เราอยากรู้ว่าเค้าคิดค่าปรับแบบทบต้นทบดอกได้ด้วยหรือไม่ตามกฎหมาย ค่าส่วนกลาง+ค่าน้ำเราอยู่ที่ 1,000 บาท เป็นยอดค้างทั้งหมด 69 เดือนเค้าคิดค่าปรับเรา 40,250บาท ทางธนาคารก็ไม่ช่วยอะไรเลย เราเป็นลูกค้าที่จะซื้อ และปัญหาทั้งหมดธนาคารก็รับรู้มาตลอด แต่ยังโยนภาระทั้งหมดให้กับลูกค้า แถมตอนเจรจาฝั่งกฎหมายของธนาคารก็ดูเหมือนจะเก่งนะคะ แต่เก่งกับลูกค้าไม่กล้ากับนิติ วันที่เรียกไปเจรจาถ้าเราไม่ยอมโอนรับห้องจะยึดเงินเราทั้งหมดทั้งที่เราไม่ได้ผิดในข้อสัญญา แต่กฎหมายของธนาคารขู่เราแบบนี้ นั่นเป็สาเหตุที่เราต้องให้ธนาคารไปขอใบปลดหนี้มา เราควรทำยังไง ตามกฎหมายนิติเรียกเก็บเงินทบต้นได้ด้วยเหรอ รบกวนผู้รู้ตอบและแนะนำทีค่ะ
ปล.ตึกที่เราพักอยู่จะมีละครสั้นคุณธรรมบริษัทนึงชอบไปถ่ายเป็นประจำ