ขอออกตัวก่อนนะครับ
ปรกติผมไม่ได้เป็นคนชอบกินทุเรียนนะครับ
แต่ก็กินทุเรียนได้ ไม่ได้รู้สึกว่าเหม็นกลิ่นทุกเรียน
และนานๆก็กินทุเรียนที
และทุเรียนที่กินจะเป็นทุเรียนพันธ์หมอนทอง ของภาคตะวันออก
วันนี้ได้มีโอกาสไปเที่ยวงานเกษตรแฟร์ของชะอม
ซึ่งไฮไลท์ของงานคือ บุพเฟ่ทุเรียนชะอม
ซึ่งเขาโฆษณาว่าเป็นทุเรียนภูเขา รสชาติดี กลิ่นไม่แรง
ซึ่งบุพเฟ่ จะมีเนื้อทุเรียนหลายประเภท
แข็ง กรอบนอกนุ่นใน นิ่ม
จากที่ได้หลองกินทุกประเภท
สรุปได้อย่างเดียวเลย มันก็เหมือนทุเรียนหมอนทองทั่วไป
ถ้าสุกมากมันก็มีกลิ่นเหมือนทุเรียนหมอนทองทั่วไปเช่นกัน
หรือลิ้นผมไม่เทพพอก็ไม่รู้
ที่นี้จุดที่พีคคือ งานมีรถนำเที่ยวสวนทุเรียน ของชะอม
เพื่อไปดูทุเรียนภูเขาที่ชะอม ซึ่งรถก็วิ่งผ่านสวนทุเรียนหลายสวน
ซึ่งจากที่สังเกตสวนใหญ่จะปลูกทุเรียนบนพื้นราบ
จะมีปลูกที่ราบชาติเขาบ้างปะปลาย
แล้วทำไมเขาจึงเรียกทุกเรียนในชะอมทั้งหมดเป็นทุเรียนภูเขาก็ไม่รู้
เมื่อไปถึงสวน ทางวิสาหกิจชุมชนชะอม ไม่ได้พาไปชมสวนทุเรียนนะครับ
แต่พาไปร้านขายทุเรียนแทน
และเป็นร้าน ที่ร่วมกับวิสาหกิจชุมชนนั้น ซึ่งก็คือเป็นร้านของไกด์นำเที่ยวนั่นเอง
จากการไปเที่ยวโดยไม่รู้ราคาทุเรียน และอุปทานหมูของคนไปเที่ยว
เห็นเขาแย่งกันซื้อ เราก็ซื้อบ้าง
ทางสวนขายทุเรียนโลละ 150 และมังคุดโลละ 50
หลังจากซื้อทุเรียนรถก็กลับมาส่งที่งาน
ก็เลยมีเวลาเดินเที่ยวงาน
ผลปรากฎว่าที่งานขายทุเรียนภูเขาของชะอม กิโลละ 140 มังคุดโลละ 40
อ้าว แล้วตรู่ท่อไปซื้อของแพงที่สวนทำไม
อันนี้ยังไม่พีคนะครับ พอเราหงุดหงิดเรื่องราคาแล้ว
ตอนขับรถกลับ จะมีรถขายทุเรียนที่มาจากระยอง จันทบุรี
ราคาทุเรียนหมอนทอง ขายกิโลละ 129 บาท ลูกใหญ่และสวยกว่าที่ขายที่ชะอมอีก
ยิ่งคิดก็ยิ่งเจ็บใจ ก็เลยมีขอสงสัยมากมาย
ข้อที่ 1 ทำไมวิสาหกิจชุมชนชะอม ถึงไม่จัดการเรื่องราคาทุเรียนให้เท่ากัน
ข้อที่ 2 ทุเรียนที่ปลูกที่ชะอม ทำไมถึงเป็นทุเรียนภูเขาทั้งหมด ทั้งๆที่บางสวนก็ปลูกบนที่ราบ
ข้อที่ 3 ทุเรียนที่ปลูกที่ราบชิงเขาทั่วประเทศ ทำไมดินที่ราบเชิงเขาที่ชะอมมันจึงดีกว่า ดินที่ราบเชิงเขาที่อื่นๆ
ข้อที่ 4 ชะอม จังหวัดสระบุรี อยู่ติดเขาใหญ่ และ ติดตำบลเขาเพิ่ม อำเภอบ้านนา นครนายก และติดเขาใหญ่เหมือนกัน
และนิยมปลูกทุเรียนเหมือนกัน ปลูกบนที่ราบเชิงเขาเหมือนกัน แต่ทำไมทุเรียนเขาเพิ่ม จึงไม่เป็นทุเรียนภูเขา
แต่เป็นเฉพาะของชะอม
ทุเรียนหมอนทองที่ชะอม ดีกว่าทุเรียนหมอนทองที่อื่นอย่างไร ถึงได้ราคาแพงกว่าที่อื่น
ปรกติผมไม่ได้เป็นคนชอบกินทุเรียนนะครับ
แต่ก็กินทุเรียนได้ ไม่ได้รู้สึกว่าเหม็นกลิ่นทุกเรียน
และนานๆก็กินทุเรียนที
และทุเรียนที่กินจะเป็นทุเรียนพันธ์หมอนทอง ของภาคตะวันออก
วันนี้ได้มีโอกาสไปเที่ยวงานเกษตรแฟร์ของชะอม
ซึ่งไฮไลท์ของงานคือ บุพเฟ่ทุเรียนชะอม
ซึ่งเขาโฆษณาว่าเป็นทุเรียนภูเขา รสชาติดี กลิ่นไม่แรง
ซึ่งบุพเฟ่ จะมีเนื้อทุเรียนหลายประเภท
แข็ง กรอบนอกนุ่นใน นิ่ม
จากที่ได้หลองกินทุกประเภท
สรุปได้อย่างเดียวเลย มันก็เหมือนทุเรียนหมอนทองทั่วไป
ถ้าสุกมากมันก็มีกลิ่นเหมือนทุเรียนหมอนทองทั่วไปเช่นกัน
หรือลิ้นผมไม่เทพพอก็ไม่รู้
ที่นี้จุดที่พีคคือ งานมีรถนำเที่ยวสวนทุเรียน ของชะอม
เพื่อไปดูทุเรียนภูเขาที่ชะอม ซึ่งรถก็วิ่งผ่านสวนทุเรียนหลายสวน
ซึ่งจากที่สังเกตสวนใหญ่จะปลูกทุเรียนบนพื้นราบ
จะมีปลูกที่ราบชาติเขาบ้างปะปลาย
แล้วทำไมเขาจึงเรียกทุกเรียนในชะอมทั้งหมดเป็นทุเรียนภูเขาก็ไม่รู้
เมื่อไปถึงสวน ทางวิสาหกิจชุมชนชะอม ไม่ได้พาไปชมสวนทุเรียนนะครับ
แต่พาไปร้านขายทุเรียนแทน
และเป็นร้าน ที่ร่วมกับวิสาหกิจชุมชนนั้น ซึ่งก็คือเป็นร้านของไกด์นำเที่ยวนั่นเอง
จากการไปเที่ยวโดยไม่รู้ราคาทุเรียน และอุปทานหมูของคนไปเที่ยว
เห็นเขาแย่งกันซื้อ เราก็ซื้อบ้าง
ทางสวนขายทุเรียนโลละ 150 และมังคุดโลละ 50
หลังจากซื้อทุเรียนรถก็กลับมาส่งที่งาน
ก็เลยมีเวลาเดินเที่ยวงาน
ผลปรากฎว่าที่งานขายทุเรียนภูเขาของชะอม กิโลละ 140 มังคุดโลละ 40
อ้าว แล้วตรู่ท่อไปซื้อของแพงที่สวนทำไม
อันนี้ยังไม่พีคนะครับ พอเราหงุดหงิดเรื่องราคาแล้ว
ตอนขับรถกลับ จะมีรถขายทุเรียนที่มาจากระยอง จันทบุรี
ราคาทุเรียนหมอนทอง ขายกิโลละ 129 บาท ลูกใหญ่และสวยกว่าที่ขายที่ชะอมอีก
ยิ่งคิดก็ยิ่งเจ็บใจ ก็เลยมีขอสงสัยมากมาย
ข้อที่ 1 ทำไมวิสาหกิจชุมชนชะอม ถึงไม่จัดการเรื่องราคาทุเรียนให้เท่ากัน
ข้อที่ 2 ทุเรียนที่ปลูกที่ชะอม ทำไมถึงเป็นทุเรียนภูเขาทั้งหมด ทั้งๆที่บางสวนก็ปลูกบนที่ราบ
ข้อที่ 3 ทุเรียนที่ปลูกที่ราบชิงเขาทั่วประเทศ ทำไมดินที่ราบเชิงเขาที่ชะอมมันจึงดีกว่า ดินที่ราบเชิงเขาที่อื่นๆ
ข้อที่ 4 ชะอม จังหวัดสระบุรี อยู่ติดเขาใหญ่ และ ติดตำบลเขาเพิ่ม อำเภอบ้านนา นครนายก และติดเขาใหญ่เหมือนกัน
และนิยมปลูกทุเรียนเหมือนกัน ปลูกบนที่ราบเชิงเขาเหมือนกัน แต่ทำไมทุเรียนเขาเพิ่ม จึงไม่เป็นทุเรียนภูเขา
แต่เป็นเฉพาะของชะอม